เฟซบุ๊ค แหล่งแพร่กระจาย "อัตตา" หรือเปล่า


ถึงแม้ว่าความโลภในตัวผมจะน้อยลงไปแล้ว ซึ่งไม่ได้หลอกตัวเองด้วย (ผมรู้ด้วยตัวเอง ไม่มีมีใครรู้แทนกันได้ หรือที่ภาษาพระท่านเรียกว่าเป็นปัจจัตตัง)  มีวันหนึ่งได้นั่งพิจารณาตัวเองอยู่เงียบๆ ก็ต้องยอมรับแต่โดยดีว่า เรายังมีความเป็นตัวตนอยู่มาก ยังมีความต้องการที่จะแสดงอิทธิฤทธิ์อันน้อยนิดให้ชาวประชาได้ประจักษ์ ว่ากูก็เจ๋งนะ นี่แหละกูนะ ทำนองนี้ (ได้พิจารณาหลังจากที่ผมเล่นเฟซบุ๊คเสร็จ) แต่ก็ยังดี ที่รู้ทันตัวเอง สามารถแก้ไขได้เพื่อให้มีตัวกูน้อยลง

ดังนี้แล้ว....ผมจึงพิจารณาต่อถึงการเล่นเฟซบุ๊คของ เด็กวัยรุ่น หรืออดีตวัยรุ่น หลายๆคน  พบว่ามีอัตตาแอบแฝงอยู่ด้วยเหมือนกัน แต่ในทำนองที่ต่างออกไปจากผม  แต่ก็ถือเป็นอัตตา นี่กูนะ เหมือนกัน ("นี่กูนะ" อันนี้พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี เคยบอกว่าท่านขอเสริมต่อจากท่าน พระอาจารย์พุทธทาสว่า   ตัวกู ของกู และ นี่กูนะ) สังเกตได้จาก ผู้ที่โพสข้อความต่างๆ ต้องการเพียงแค่คำว่า "ไลค์(Like)" ในปริมาณมากๆ จากผู้อื่น มากกว่าประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการโพสนั้น จนมีคนเคยแซวเป็นมุกตลกว่า มึงจะเอาไลค์ไปแลกไข่กินหรือไง หรือ ผู้ที่โพสข้อความเชิงบอกเป็นนัยว่าฉันเนี่ย อกหักรักคุด เป็นอาจินต์ หรือผู้ที่ไปกินข้าวร้านหรูๆ แพงๆมา ก็อัพรูปลง อยู่เสมอ หรือผู้ที่ต้องการเรียกร้องความสนใจจากเพศตรงข้ามด้วยคำว่าว่า "โสด"(แปลไทยเป็นไทยว่า มาจีบกูได้ ) ซึ่งบางทีก็ไม่ได้โสดจริงๆ แต่อยากตรวจสอบเรตติ้งซะหน่อย..อิอิ  เป็นต้น            

คนที่เล่นเฟซบุ๊คแบบมีอัตตาสูงนี้ มักจะไม่ค่อยรู้ตัวว่ากำลังโดนมอมเมาหนัก ยิ่งกว่ากินสุราเสียอีก ผมมองว่าในอนาคตคนแบบนี้จะเป็นคนที่มีความสุขได้ยาก ต้องมีผู้อื่นแบบหลายๆคนมาสนใจตนเองอยู่เสมอ เขาจึงจะมีความสุขได้ ดังนั้นขาต้องพบกับความผิดหวังแน่นอนในทุกๆวัน (ใครจะมาสนใจมันอยู่ได้ทุกวี่ ทุกวัน ถึงจะดาราก็เถอะมันก็ต้องหายไปซักวัน)  แล้วก็จะยังไม่เลิกเล่นถ้ายังไม่ได้ดั่งใจ ก็พาลเสียเวลาไปทั้งวันโดยไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเลย ถ้าเป็น นศ.หนังสือก็จะไม่อ่าน ถ้าเป็นคนทำงานก็ไม่ค่อยใส่ใจงานเท่าที่ควร(ทำงานผิดพลาดบ่อย เนื่องจากรีบทำเพราะห่วงเฟส) แถมบางทียังแอบทำเป็นจอเล็กๆ ที่คิดว่านายเขาไม่เห็นแอบซ่อนไว้เพื่อทำให้เล่นได้ตลอดเวลา  (อันนี้ผมเห็น นศ. ก็ชอบทำ ขณะเรียนในห้องเรียนคอมฯ)  จากผลข้างต้นยังส่งผลให้เป็นคนเห็นแก่ตัวโดยทางอ้อม

เฟซบุ๊คประโยชน์มันก็มี ถ้าใช้ในทางที่ถูก เช่น สื่อสาร นัดพบ เผยแพร่ความรู้  เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร หรือแม้กระทั่งเป็นสถานที่คุยกันของหนุ่มสาวแบบ พอหอมปากหอมคอ เป็นต้น

ไผที่เป็นจั่งซี   ยิ่งรู้ตัวเร็ว   ก็จะยิ่งปลอดภัยเร็ว   นะครับ  ^___^

ปล. ขออภัยที่ใช้คำว่า "กู" นะครับ เพราะกลัวว่าท่านผู้อ่านจะไม่ได้อรรถรส ^___^


ทัดระวี  กวีไทย        ๒๑ พ.ย. ๒๕๕๕

หมายเลขบันทึก: 509553เขียนเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2012 20:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 ธันวาคม 2012 08:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

น้องนี่ความคิดอ่านดีทีเดียว ชื่นชมนะ

ให้ดอกไม้ แล้วก็กดไลค์ ให้ด้วยซะเลย 555

สวัสดีค่ะ พี่ ทัดระวี กวีไทย บล็อกพี่สะท้อนให้น้องได้เห็นมุมมองเฟสบุ๊คได้มากทีเดียว :)

ขอบคุณค่ะที่กระตุ้นให้น้องได้รู้ คุณ โทษของ เฟสบุ๊ค ^___^

เจริญพร อุบาสก

อาตมาอ่านเนื้อหาของโยมแล้วได้อรรถรส!!!! FB เป็นลานธรรมออนไลน์ของโลกสมัยใหม่ ใช้ให้เป็นไม่เห็นทุกข์ อีกทั้งจะสามารถสร้างสุขอันไพบูลย์ระหว่างเพื่อนมนุษย์... หากมีโอกาสไปแลกเปลี่ยน (โดยไม่ต้องกดไลค์) กับอาตมาได้ที่ www.facebook.com/hansa.mcu เจริญพร...

ขอบคุณทุกท่านที่ชื่นชมและให้กำลังใจครับ และขอ นมัสการพระอาจารย์ธรรมหรรษาครับ แล้วผมจะเข้าไปเป็นระยะๆ ครับ

-สวัสดีครับ..

-ตามมาเยี่ยมครับ...

-ชอบ ๆ "ทำงานผิดพลาดบ่อย เนื่่องจากรีบทำเพราะห่วงเฟส"55

-ไว้จะนำไปบอกต่อครับ...

-ยินดีที่ได้ร่วมแบ่งปันเรื่องราวดี ๆ นะครับ..

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท