.
อ.นพ.เกบ เมียคิน ตีพิมพ์เรื่อง 'Cooking without water increases heart attack risk'
= "(การ)ปรุงอาหารโดยไม่ใช้น้ำ (ทอด ปิ้ง ย่าง ฯลฯ) เพิ่มเสี่ยงโรคหัวใจกำเริบ", ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ
.
การศึกษาใหม่พบว่า คนที่เป็นเบาหวานและกินอาหารที่ปรุงโดยไม่ใช้น้ำ เช่น ทอด ปิ้ง ย่าง ฯลฯ ทำให้ได้รับสารพิษจากการเสื่อมสภาพ "เอจีอี" (AGEs = advanced glycation end products; เติม '-s' เพราะมีหลายชนิด) เพิ่มเสี่ยงโรคหัวใจขึ้นมาก
.
น้ำมีจุดเดือดที่ 100 C (องศาเซลเซียส) ต่ำกว่าน้ำมัน, การ ปรุงอาหารที่ใช้น้ำเป็นส่วนผสม มักจะมีอุณหภูมิไม่ค่อยเกิน 100C เนื่องจากถ้าอุณหภูมิเริ่มสูงกว่านี้... น้ำจะเดือด และดึงความร้อนออกไปเรื่อยๆ ได้แก่
น้ำมันมีจุดเดือดเกิน 190 C ขึ้นไป ทำให้การทอดน้ำมันท่วมมีอุณหภูมิสูงกว่าการปรุงอาหารที่ใช้น้ำมาก
.
ตัวอย่างจุดเดือดน้ำมัน เช่น [ illinois.edu ]
การปรุงอาหารที่ไม่ใช้น้ำ ส่วนใหญ่จะทำให้อุณหภูมิสูงเกิน 100 C ได้แก่
.
อุณหภูมิที่สูงเกิน 100 C กระตุ้นให้สารกลุ่มให้กำลังงาน คือ น้ำตาล+โปรตีน+ไขมัน ทำปฏิกริยากัน เกิดเป็นสารเสื่อมสภาพที่มีพิษ คือ AGEs
.
ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงมากทำให้น้ำตาลเกาะหนึบ ติดกับโปรตีน-ไขมันในเซลล์ได้คล้ายๆ กับการปรุงอาหารที่ร้อนจัด (ไม่ใช้น้ำ)
.
เซลล์ของคนเรามีโรงสร้างพลังงาน คล้ายๆ กับโรงไฟฟ้า เรียกว่า "ไมโทคอนเดรีย (mitochondria)"
.
ไมโทคอนเดรีย ทำหน้าที่เผาผลาญสารอาหารกลุ่มให้กำลังงาน (ข้าว-แป้ง-น้ำตาล-ไขมัน-โปรตีน) กับออกซิเจน เกิดเป็นกำลังงาน (ได้น้ำ + คาร์บอนไดออกไซด์)
.
.
ถ้าเปรียบกับครัว... ไมโทคอนเดรียจะคล้ายเตาไฟ ทำหน้าที่เผาไหม้เชื้อเพลิง รวมกับออกซิเจน เกิดพลังงาน เช่น ความร้อน ฯลฯ ให้เราใช้
.
สารเสื่อมสภาพที่มีพิษ คือ AGEs มีพิษต่อสารรหัสพันธุกรรม (DNA, RNA) และไมโทคอนเดรีย
.
พิษต่อ DNA ทำให้โปรแกรมการทำลายเซลล์ที่ผิดปกติให้ตาย (programmed cell death) เช่น เซลล์มะเร็ง ฯลฯ ทำงานผิดพลาด ทำให้เซลล์มะเร็งไม่ตาย
.
พิษต่อไมโทคอนเดรีย ทำให้เซลล์ขาดพลังงาน หมดเรี่ยวหมดแรง คล้ายบ้านเมืองที่ไฟตกๆ ดับๆ หรืออินเตอร์เน็ตช้าเป็นเต่า แข่งขันกับนานาชาติไม่ได้
.
.
ยัง... ยังไม่พอ เพราะเจ้า AGEs ร้ายกว่านั้น
.
สารเสื่อมสภาพ AGEs มีฤทธิ์เปลี่ยนโคเลสเตอรอลชนิดร้าย (LDL) ให้กลายเป็นชนิดร้ายยิ่งขึ้น (oxidized LDL) คล้ายๆ กับการขบวนข้ามชาติที่ฝึกโจรกระจอก ให้กลายเป็นโจรแบ่งแยกดินแดน
.
สรุปคือ สารเสื่อมสภาพ AGEs ทำให้เซลล์ทั่วร่างกายเสื่อมสภาพ เช่น เพิ่มเสี่ยงโรคหัวใจกำเริบ สโตรค (strokes = กลุ่มโรคหลอดเลือดสมองแตก-ตีบตัน อัมพฤกษ์ อัมพาต สมองเสื่อม ฯลฯ)
.
สารเสื่อมสภาพ AGEs ทำให้คนไข้เบาหวานเพิ่มเสี่ยงภาวะแทรกซ้อน เช่น ตาเสื่อม-ตาบอด หูเสื่อม-หูตึง ปลายประสาทเสื่อม (เพิ่มเสี่ยงแผลเรื้อรังที่เท้า และอาจถูกตัดนิ้ว-ตัดเท้า), นกเขาไม่ขัน สมองเสื่อม ไตเสื่อม-ไตวาย และ... (อีกมากมาย)
.
.
วิธีป้องกันอันตรายจากสารเสื่อมสภาพ AGEs ที่ำสำคัญได้แก่
.
(1). ลดอาหารกลุ่ม "ปิ้ง-ย่าง-ทอด" เช่น ไม่เกิน 1 มื้อ/สัปดาห์, ไม่เกิน 1 คำ/วัน ฯลฯ
.
ลักษณะสำคัญของอาหารที่มีสาร เสื่อมสภาพ AGEs สูงได้แก่ ทอดจนเหลืองกรอบ (brown), ทอดหรืออบความร้อนจนกรอบ (crusty) เช่น ขนมปังกรอบ ฯลฯ
.
(2). กินอาหารกลุ่ม "หุง-ต้ม-แกง-นึ่ง-ยำ-ตุ๋น-ผัดความร้อนต่ำ-สตูว์" หรือใช้ไมโครเวฟปรุงอาหาร
.
(3). ถ้าทำอาหาร "ปิ้ง-ย่าง"... ควรแช่น้ำผลไม้ น้ำส้มสายชู หรือน้ำหมักก่อนปรุง และไม่กินส่วนที่ไหม้
.
(4). ป้องกันเบาหวาน เช่น ออกแรง-ออกกำลังเป็นประจำ ระวังน้ำหนักเกิน-อ้วน, ไม่นั่งนานเกิน 1-1.5 ชั่วโมง/ครั้ง ฯลฯ
.
ถ้าเป็นเบาหวานแล้ว... ควรคุมเบาหวานให้ดี ซึ่งส่วนใหญ่ต้องควบคุมอาหาร-ออกกำลัง-ใช้ยาร่วมกัน เช่น อยากกินลำไย... ให้กิน 2-3 ลูก/มื้อ - ลดอาหารอื่นตามส่วน - เดินเพิ่มให้มาก - อยากกินอีกให้รอ 4 ชั่วโมง ฯลฯ
.
อย่าทำตัวแบบคนไข้เบาหวานบางคน (ส่วนใหญ่อายุสั้น) เช่น อยากกินลำไย ซัดเข้าไป 2-3 กิโลฯ/มื้อ ฯลฯ
.
(5). กินอาหารที่ช่วยป้องกันโรค เช่น เปลี่ยนข้าวขาวเป็นข้าวกล้องอย่างน้อย 1/2, เพิ่มผัก ผลไม้ทั้งผล ถั่วหลายๆ สี, เมล็ดพืช ฯลฯ, ดื่มน้ำให้พอเป็นประจำ
.
(6). ลดอาหารกลุ่มเบเกอรี เช่น เค้ก คุกกี้ ขนมอบ ขนมใส่ถุง ขนมปัง ขนมปังกรอบ ฯลฯ
.
.
ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
.
ไม่มีความเห็น