คุณแม่ท่านหนึ่งได้ให้กำเนิดเด็กน้อยวัย 7 เดือนในโรงพยาบาลเล็กๆของอำเภอ ตอนคลอดออกมาเด็กน้อยไม่ร้องเลยสักแอะ จนคุณหมอชักไม่แน่ใจว่าจะรอดหรือไม่ จึงมีคำสั่งให้ส่งตัวเข้าโรงพยาบาลของจังหวัดด่วน ตลอดทางที่เดินทางพ่อของเด็กน้อยกำมือแม่ของเด็กและเท้าของเด็กน้อยไปตลอดทาง แต่เด็กน้อยก็ไม่ยอมร้องอยู่ดี พอไปถึงโรงพยาบาลจังหวัด บุรุษพยาบาลกับพยาบาลก็เข็นเตียงมาที่หลังรถ แต่พอเปิดประตูรถออกคนไข้กลับหายไป อ่าวหายไปไหนละนี่ แต่พอมองดีๆ อีกที่ มีผู้หญิงคนหนึ่งอุ้มห่อผ้าของโรงพยาบาลอยู่ ทุกคนพากันหัวเราะจนกลั้นน้ำตาแทบไม่อยู่ ที่เข็นเตียงมาแต่คนไข้กลับตัวนิดเดียว พยาบาลคนหนึ่งก็เลยวิ่งมาอุ้มห่อผ้าน้อยๆ นั้นไป จนเวลาล่วงเลยไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่พ่อกับแม่ของเด็กน้อยคิดว่าไม่เคยรออะไรนานเท่านี้มาก่อนในชีวิต สักพักพยาบาลก็เดินออกมาจากห้องเด็กแล้วบอกว่า ลูกสาวของคุณปลอดภัยแล้ว อีก 7 วันค่อยมารับนะคะ มันเป็นความทรงจำที่เด็กน้อยไม่อาจรู้ได้ ถ้าแม่ไม่เล่าให้ฟัง
ในวันนี้เด็กน้อยขอขอบพระคุณพ่อกับแม่ที่ทำให้หนึ่งชีวิตได้มีโอกาสลืมตาดูโลกใบนี้ ความรักและความห่วงใยที่ผ่านทางฝ่าเท้าที่ถูกกุมไว้ตลอดทาง ที่ผ่านทางอ้อมกอดที่โอบอุ้มตลอดบนรถโรงพยาบาล ถึงตอนนั้นเด็กน้อยไม่อาจรับรู้ว่ามันคืออะไร แต่พอเด็กน้อยเติบใหญ่มันกลับกลายเป็นความทรงจำที่ฝังลงในจิตใจของเด็กน้อยตลอดการเดินทางของชีวิตตลอดมา
ชีวิตเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด แต่สิ่งที่มีค่ากว่าคือผู่ให้กำเนิด ^^
เห็นด้วยคะ ข้อนี้เป็นสิ่งที่เตือนใจฉันตลอดมาคะ
สวัสดีค่ะ คุณ tokmadkla
กว่าจะเกิดรอด ปลอดภัยนะคะ อึดน่าดู
อ่านบันทึกจบลง ถึงวันนี้ เด็กน้อยคงเติบโตเป็นที่ภาคภูมิใจของคุณพ่อคุณแม่นะคะ
เป็นสิ่งที่น่าจดจำครับ
สู้ต่อไปนะครับ :)...
ขอขอบพระคุณคะ ที่หนูได้มีชีวิตมาถึงวันนี้เพราะมีวิชาชีพที่ดีอย่างแพทย์ พยาบาลคะ หนูจะพยายามพัฒนาการเขียนของตนเองให้ดีขึ้นคะ ทพญ.ธิรัมภา
Wasawat Deemarn ขอบคุณมากคะสำหรับกำลังใจที่ให้มา หนูจะจำไว้ตลอดไปแน่นอนคะ แล้วหนูก็จะพยายามเขียนให้ดีขึ้นไปคะ
เป็นความทรงจำที่ดีเลยทีเดียว เริ่มอยากรู้เรื่องราวของตัวเองซะแล้วสิ ขอบคุณนะคะ สู้ๆต่อไป ;)