ในการประชุม 2nd Global Symposium on Health System Research (31 Oct – 3 Nov 2012) ที่ปักกิ่ง ผมเข้าฟังรายการGovernance improvement : The role of action research and reflective practice เมื่อวันที่ ๓ พ.ย. เวลา ๙.๓๐ - ๑๑.๐๐น.
ผมไปฟังด้วยคำถามว่า เขาขยายผลความรู้จาก action research อย่างไร และพบว่าเขามองแบบ generalization ความรู้ที่ได้จากแต่ละโครงการ
ที่เขานำมาเสนอคือ โครงการพัฒนาระบบสุขภาพปฐมภูมิ ในพื้นที่ระดับจังหวัดของเรา ที่เขาเรียก District เป็นโครงการในอัฟริกา โดยทุนช่วยเหลือและนักวิชาการดำเนินการจากประเทศตะวันตก โดยมีเป้าหมายคือพัฒนาระบบสุขภาพของพื้นที่ โดยพื้นที่เป็นเจ้าของโครงการ กำหนดปัญหา โจทย์ เป้าหมาย ยุทธศาสตร์ และระบบข้อมูลเพื่อติดตามผล สำหรับปรับยุทธศาสตร์เอง ทั้งหมดนั้นเป็นกระบวนการ Action และ Action Research
โดยมีโครงการมานำเสนอ ๓ โครงการ จาก ๓ ประเทศ และเชิญเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของพื้นที่มาสะท้อนความคิดเห็น พื้นที่ละ ๑ คน เป็นผู้หญิงทั้งหมด สรุปว่า ทั้ง ๓ โครงการได้ผลดี เกิดการเปลี่ยนแปลงจากฐานล่าง คือระดับพื้นที่ ตามที่ต้องการ
แล้วช่วงเวลาสำคัญสำหรับ KM ก็มาถึง เมื่ออภิปรายกันถึง generalization ซึ่งประธานของ session กล่าวว่า ต้องเอาข้อมูลจาก action มาทำ reflection เพื่อให้ได้ผลงานวิจัย สำหรับให้คนอื่นนำไปใช้ต่อ ผมก็เถียงในใจว่า สำหรับคนอื่นเอาไปใช้ต่อผ่านการวิจัยเป็นตัวกลาง ก็เป็นแนวทางหนึ่ง แต่แนวทางที่น่าจะได้ผลดีกว่า คือผ่าน KM ใครอยากใช้ความรู้จากทีมทำงานของแต่ละโครงการ ก็มาทำกระบวนการ Peer Assist กับทีมทำงานของโครงการ
ใครยังไม่รู้จัก Peer Assist อ่านได้ที่นี่
ความรู้ที่สร้างขึ้นจาก Action เป็น Tacit Knowledge (TK)เกือบทั้งหมด เมื่อทำ reflection และสังเคราะห์เป็น Explicit Knowledge (EK) ก็ได้เป็นผลงานวิจัยแบบ Action Research เมื่อจะเอาไปใช้ที่อื่น ก็ต้องแปลง EK ไปเป็น TK ของอีกบริบทหนึ่ง แต่ Peer Assist เป็นการ ลปรร. TK โดยตรง ต่อกันง่ายกว่า และได้ ลปรร. ความรู้ส่วนที่เป็น contextual knowledge ด้วย ในสถานการณ์ที่ไม่ห่างไกลกัน การถ่ายทอด (หรือ ลปรร.) ความรู้ปฏิบัติผ่าน KM จึงได้ผลดีกว่า
แต่ในสถานการณ์ที่อยู่ห่างไกลกัน หรือต้องการเผยแพร่ความรู้ในวงกว้าง การถ่ายทอดผ่านการวิจัยและความรู้เชิงทฤษฎี (Explicit Knowledge) น่าจะได้ผลกว่า
วิจารณ์ พานิช
๓ พ.ย. ๕๕
ปักกิ่ง
ไม่มีความเห็น