การวางของขายริมทาง (สิ่งที่ผมเบื่อคนไทยที่สุด ตอน ๒)
.......อาทิตย์ก่อน เข้ากทม. ไปต่อรถไฟฟ้า ต้องลงไปเดินถนนหน้าพารากอน สยามเซนเตอร์ ดิสคอฟเวอรี่ (มีแต่ร้านชื่อฝรั่ง ไม่นิยมภาษาตนเองเล้ยไอ้เวรพวกนี้) ปรากฏว่า ทางเดินเท้ามันแย่มากๆ สกป. เป็นหลุมบ่อ
มันลงทุนทำห้างเป็นพันล้าน หมื่นล้าน กะอีแค่ทางเดินเท้าหน้าร้านราคาหลักแสนมันทำไม่ได้ ต้องรอให้รัฐ เทศบาล มาทำให้ ส่วนไอ้สองตัวนี้ก็ทำกันเป็นโครงการข้ามชาติ ไม่เสร็จสักที
ยิ่งแถวสุขุมวิท อโศก นักท่องเที่ยวฝรั่งมาก ทางเดินเท้านอกจากจะสกป. เป็นหลุมบ่อ แล้วยังมืด ไฟโคมริมถนนก็ไม่มีให้ อีกทั้งมีร้านแผงลอยมาตั้งเต็มไปหมด จนคนต้องลงไปเดินบนถนน
บางลำพู ปากเกร็ด ไม่ต้องห่วง ต้องลงไปเดินถนนประจำ เพราะเดินบนทางเท้าไม่ได้ เดินสวนกันก็ไม่ได้แล้ว อดแอบดอดสัมภาษณ์ลับไม่ได้ ได้ความว่า ทุกแผงต้องจ่ายตำรวยเป็นรายเดือน เพื่อทำผิดกฎหมายได้
ตำรวจไทย มีไว้เพื่อเอื้ออำนวยการทำผิดกฎหมาย หรือทำผิดกฎหมายเสียเอง เช่น ตั้งด่าน (แล้วอ้างเฉยว่าตรวจจับยาเสพติด )
ผู้ค้ามักง่าย ตำรวจรีดไถ ผู้ใช้เมินเฉย ....สูตรสำเร็จของประเทศด้อยพัฒนา
...คนถางทาง (๕ พย. ๕๕)
ตื่นขึ้นมาบ่นแต่เช้าเลยอาจารย์เรา
สวัสดีตอนเช้าเอารูปกล้วยมาฝาก วันนี้จะได้มีแต่เรื่องกล้วยๆ
หัวปลีกล้วย นอกจากแกงเลียงแล้ว เอามาทำห่อหมก หร่อยที่สุด เคยทำไหม หั่นเป็นชิ้นบางๆ กินแล้วมีสัมผัสคล้ายกินเนื่อสัตว์ แม่ผมเคยทำให้กิน
I spent many (more than I should have been) hours on the roads in กรุงเทพ last September. I noted rubbish, drain & sewer water, cracked/broken roads and (high) curbs, broken and dangerous drain covers, telephone (and cable TV/Internet) cables dangling and mingling with electricity power supply cables, footpath stalls (like you say -- I can't say any better/worse), smog, noises, and heat (from traffic),...
It seemed that heavens and hells were right there intermingling. Devas were insulated in air conditioned capsules, while pretas were busy surviving in harsh (standard) realities.