เมื่อวันที่ 23-26 ตุลาคม 55 ที่ผ่านมาได้มีโอกาสได้เดินทางไปกรุงเทพมหานครเพื่อไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ ณ ตึก CP Tower แถวถนนสีลม เป็นการเดินทางทรมานมากเพราะก่อนจะเดินทางไปสัมภาษณ์นั้นมีอาการไม่สบายซะอย่างนั้น และเป็นได้ประมาณ 3 วันแล้ว การเดินทางครั้งนี้จึงไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเลย เพราะมัวแต่กังวลเรื่องจะหายทันไปสัมภาษณ์งานหรือเปล่านะ (จงหาย...เพี้ยง! อิอิ...) แถมเมื่อได้อ่านบทความของ
อ.ปานเทพ แล้วทำให้ยิ่งไม่ทานยาแก้ไข้กันเลย แต่ก่อนเมื่อเป็นไข้
หรือไม่สบายก็ไม่ชอบทานยาอยู่แล้วจงตรงกับสิ่งที่ตัวเองเชื่อมาโดยตลอดว่าเวลาร่างกายเราไม่สบายนั้นร่างกายจะมีกลไกการป้องกัน หรือกำจัดเชื้อโรคที่ย่างกลายเข้ามาในร่างกายเราอยู่แล้ว
แต่หากเราไปทานยาแก้ไข้ หรือแก้หวัดบ้างล่ะก็จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเราไม่ได้ทำงานอะไรเลย
เพราะยาไปกดภูมิเราเอาไว้ไม่ให้แสดงออกได้อย่างเต็มที่ และยาก็ไปปั่นทอนการทำงานของตับซึ่งสำคัญมากเมื่อตับไม่แข็งแรงก็มีอะไรหลายๆอย่างที่ไม่ดีตามไปด้วยทำให้ร่างกายแสดงอื่นๆตามมามากมาย แล้วเราก็ต้องทานยาเพื่อป้องกันเอาไว้ หรือรักษากันต่อไปไม่รู้จบ
แต่ถ้าเราไม่ทานยาแก้ไข้ หรือหวัดก็จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้เต็มที่และกระตุ้นภูมิคุ้มกันของเราด้วย ตับก็ไม่เป็นอันตรายจากยาด้วยผลก็คือไม่จำเป็นต้องทานยาก็สามารถหายได้อย่างสบายเลย ไม่เชื่อก็ต้องลองทำดูนะครับเพราะว่าจะเป็นประโยชน์กับตัวเราเอง ก่อนอื่นเราต้องเชื่อมันว่าร่างกายมีความสามารถรักษาตัวเองได้ระดับหนึ่งหากไม่หนักหนาอะไรก็ไม่จำเป็นต้องทานยาก็ได้
สำหรับการสัมภาษณ์งานนั้นตอนแรกผมกังวลมากเลยเพราะไม่รู้ว่ากรรมการสอบจะถามอะไรเราบ้างก็เลยต้องเตรียมตัวบ้างเพราะก่อนหน้านั้นไม่สบายจึงไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้นก็เลยมาเร่งเอาตอนใกล้จะเดินทางไปสัมภาษณ์ก็เลยรู้สึกเครียดมาก ก็ได้เดินทางไปถึง CP tower เวลา 6.45 น.ด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินลงที่สถานีสีสมเลย ทำให้การเดินทางไม่ลำบากอะไรนัก ผมได้สัมภาษณ์ในตำแหน่งนักวิชาการเป็นคนแรกและมีคนรอคิวอยู่อีกประมาณ 5 คน(คนแรกนะดีเพราะไม่ต้องมีตัวเปรียบเทียบนะ อิอิ...) บรรยากาศก็ไม่ได้เครียดอย่างที่คิดเอาไว้เต็มไปด้วยความเรียบร้อยก็มีคำถามที่เตรียมมาก่อนเข้าสัมภาษณ์ด้วย แต่ก็ตอบได้บ้าง ไม่ได้บ้างก็พยายามตอบ
บางทีก็ตอบไม่ตรงคำถามก็มี มีคำถามเกี่ยวกับวิทยานิพนธ์ตัวเองเยอะมากเลยครับ
ส่วนในวันที่ 25 ตุลาคม 55 ก็ได้เดินทางไปสัมภาษณ์อีกบริษัท คือ Perfect companion group co., ltd. อยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมบางพลีในตำแหน่งนักวิชาการอาหารสัตว์เป็นบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายอาหารแมว อาหารสุนัข
รวมถึงอาหารนกด้วยอันนี้เป็นการแนะนำจากอ.สุทธิพงศ์ อุริยะพงศ์สรรค์ โดยการติดต่อจากพี่ประพันธ์ศิลป์ ถาพิลา(พี่โต้ง) เป็นคนสัมภาษณ์ด้วยและได้เจอกันเป็นครั้งแรกด้วยครับ
ส่วนในวันที่ 26 ตุลาคม 55 ก็ได้เดินทางไปสัมภาษณ์ที่ AIP อีกบริษัท ในตำแหน่งนักวิชาการอาหารสัตว์เช่นกัน
เป็นการแนะนำจากชานนท์ (เพื่อนสนิท) อยู่แถวแฟลตทอรี่แลนด์ 1 ถนนพุทธมณฑลสาย
5 เป็นบริษัทที่ไม่ใหญ่มาก มีพนักงานทั้งหมด 60 คนเท่านั้น
และมีพนักงานขายเพียง 5 คน ทั่วประเทศ
แล้วการเดินทางในครั้งนี้ได้อะไรบ้างก่อนอื่นก็คือการสัมภาษณ์งาน ส่วนใหญ่แล้วก็ให้แนะนำตัวเองก่อนเลยเพื่อให้บริษัทรู้จักมากขึ้นแล้วได้ทำกิจกรรมอะไรบ้างระหว่างเรียน ทำงานวิจัยอะไรในการเรียนปริญญาโท
ให้ลองวิเคราะห์วิทยานิพนธ์ที่ได้ทำมาแล้วว่าสามารถนำไปใช้ได้จริงมากน้อยเพียงใด
ให้ลองวิเคราะห์จุดเด่นหรือจุดด้อยของตัวเองซิ หรือว่าจะทำไมถึงอยากมาทำงานบริษัทแทนที่จะทำงานราชการ
คุณเหมาะสมกับตำแหน่งนี้หรือไม่อย่างไร หรือคุณมีจุดเปลี่ยนของชีวิตอย่างไรบ้าง
อะไรทำนองนี้ซึ่งก่อนตอบออกไปเราควรจะคิดคำตอบให้รอบคอบก่อน
ไม่ใช่ว่าถามมาก็ตอบทันทีเลย ต้องหยุดคิดก่อนจึงพูดออกไปก็จะทำให้คำตอบของเราน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
อีกอย่างคือสภาพของสังคมเมืองที่เร่งรีบ
ร้อนรน เต็มไปด้วยการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตให้รอดในแต่ละวัน ด้วยความหวังว่า
วันพรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้ ชีวิตเราอยู่ได้ก็ด้วยฝันด้วยหวัง
ก็เป็นอีกภาพที่ผมไม่เคยเห็นได้ในสังคมชนบทที่ผมจากมาซึ่งมันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน
แต่ก็มีคนอีกมากที่ยังเดินทางมาทำงานในเมืองกรุงด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป
แต่ที่เหมือนกันก็คงมาหางานทำนั้นเอง เพื่อแลกกับเงินตราเอามาจับจ่ายใช้สอยในชีวิตเรา
แล้วมีอะไรหรือวิธีการอะไรไหม ที่จะทำให้เราไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้ากรุงเทพ
เพื่อหางานทำ
ผมว่าต้องมีแน่นอนไม่มีงานก็ต้องสร้างงานให้เกิดขึ้นซิจะได้มีงานทำกันถ้วนหน้าและไม่ต้องเดินทางมาเสี่ยงโชคในเมืองกรุงอีกต่อไป แล้วจะทำอย่างไรล่ะก็ต้องคิดกันไป หรือใครจะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันก็ยินดีมากเลยครับ