ประชุม โพธิกุล
11.การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญมาก บุคคลที่ไม่ชอบแสดงออก สามารถจะเป็นผู้นำได้อย่างไร
การสื่อสารในฐานะของผู้นำมีความหมายมากกว่าการสั่งการคนอื่น (สำหรับผู้ไม่ชอบแสดงออกเขาอาจถอยหนี)มันหมายถึง การสร้างสัมพันธ์ที่ดี (คนที่ไม่ชอบแสดงออกเกือบทั้งหมดมีความสามารถในการลงมือทำ)คำพูดที่น่าชื่นชมจากกัปตัน
เฮนรี “ จิมโควี”ขณะที่อยู่ที่เกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะโซโลมอน อยู่ทางตะวันตกกลางมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อวันที่13มกราคม1943 เขาพูดและปฏิบัติเพื่อจูงใจกองทัพ “น่ารังเกียจที่สุดที่จะให้หัวใจสีม่วงซ่อนอยู่ในหลุมหลบภัย ตามฉันมา” มันยิ่งใหญ่กว่าคำสั่ง มันเป็นการกระทำที่ปราศจากความกลัว เขายืนนำหน้าในการจูงใจกองทัพของเขา ผู้นำใช้ทั้งการกระทำและพูดในการทำสิ่งต่างๆให้สำเร็จการเป็นเจ้านายคนอื่นเป็นการสั่งการคนอื่นให้ทำสิ่งต่างๆโดยไม่สนใจคน คนที่ไม่ชอบแสดงออกปรกติจะไม่เป็นเจ้านายแต่เขาทั้งหลายส่วนมากจะเป็นผู้นำถ้าเขากลายเป็นเจ้านายเขาจะวิเศษมาก
ใครพูดว่ามีผู้นำน้อย เพียงเป็นคนผู้ซึ่งสามารถเรียกว่าเป็นผู้นำว่าเป็นผู้ตาม คนภายนอกองค์การอาจจะเรียกเขาว่าผู้นำเขายังเป็นผู้ได้รับการปกครองแบบเผด็จการที่ถูกใช้อำนาจหน้าที่ให้ทำงานอยู่ คนที่ใช้อำนาจเหล่านี้ก็เป็นเพียงเจ้านาย มิใช่ผู้นำ บุคคลที่ทำงานให้คนอื่นมีอำนาจหน้าทีเรียกบุคคลนั้นว่าเป็นผู้นำ มีคนจำนวนมากเท่ากับเป็นผู้นำที่ใช้อำนาจของอำนาจหน้าที่มีวิสัยทัศน์และทำให้บรรลุเป้าหมายโดยความร่วมมือของผู้อื่นองค์การที่ล้าหลังจากคู่แข่ง บ่อยมากที่ขาดผู้นำตลอดทั้งระดับชั้น
ในขณะที่องค์การที่ยิ่งใหญ่จะมีผู้นำอยู่ท่ัวองค์การ จากระดันบนจนถึงระดับล่างดังเช่น
บริษัทกาแฟสตาร์บัคในปีคศ.2000จะมีร้าน2,000แห่งซึ่งต้องใช้ผู้นำจำนวนมากตลอดทุกระดับชั้นที่จะทำงานสำเร็จ
13.บทบาทตามหลักการของภาวะผู้นำกว้างขวางมาก ซึ่งอยู่ในทุกคนเพื่อให้คิดผู้นำที่ดีมิใช่อย่างซูปเปอร์แมนใช่ไหมจะเป็นได้อย่างไร
ภาวะผู้นำเหมือนกับทักษะที่ยากมากมายเหมือนทักษะอื่นๆต้องใช้ทักษะและการฝึกปฏิบัติทำไมจึงมีความสำคัญในการพัฒนาผู้นำตลอดทั่วทั้งองค์การของท่านถึงแม้ท่านสามารถเรียนความรู้และทักษะต่างๆในระยะเวลาอันสั้นก็ต้องฝึกปฏิบัติมากทำให้ถูกต้องผู้นำระดับสูงควรมีการสอนงาน และให้คำปรึกษาผู้ใต้บังคับบัญชาตามแบบความต่อเนื่องของภาวะผู้นำ
14.โมเดลผู้นำกองทัพเท่ากับผู้นำในบริษัทต้องมีทั้งอำนาจหน้าที่และวินัย
งานวิจัยของบริษัท Mckinsey และคณะกรรมการการประชุมได้ค้นพบความมีประสิทธิผลที่ยิ่งใหญ่ของผู้นำของบริษัทแมรีน คอร์ป วิธีการของบริษัทคือการจูงใจให้ปฏิบัติตามโดยภารกิจ (mission)ค่านิยม(value) และความภาคภูมิ(pride)แนวทางของ
M.V.P ซึ่งนักวิจัยพูดว่าสามารถปฏิบัติได้และเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับโลกธุรกิจ องค์การอื่นซึ่งปฏิบัติตามแนวทางM.V.P (MISSION VALUE AND PRIDE)คือบริษัทSM New City Balley กระบวนการและแมทริกซ์ (โตโยต้า)จิตวิญญาณของผู้ประกอบการ (ซอฟแวร์ BMC)ผลสัมฤทธิ์ของปัจเจกบุคคล(ระบบของ Perot)และระบบรางวัลและการฉลองชัยของ(แมรี เคย์)
บริษัทแมรีน ได้ลงทุนในส่วนหน้ามีแนวทางในการปฏิบัติ 5แนวทางคือ
1.มีการลงทุนอย่างสูงที่จะสร้างค่านิยมร่วม มีการลงทุนอย่างกว้างขวางที่มีจุดมุ่งเน้นที่ค่านิยมร่วมให้พนักงานมากกว่าคำแนะนำสั้นๆจัดให้มีการฝึกอบรมจากผู้จัดการที่ยอดเยี่ยมและมีประสบการณ์ โมเดลของบทบาทคนหนึ่งมีอิทธิพลต่อพนักงานใหม่40-50คนซึีงเน้นให้เกิดค่านิยมหลังจากการฝึกอบรม ตัวอย่างที่ชัดเจน เช่น บริษัทมาริออท แสดงให้เห็นถึงจดหมายของลูกค้าที่ส่งมายกย่องการปฏิบัติงานของหัวหน้างาน
2.เตรียมทุกคนให้เป็นผู้นำ รวมทั้งหัวหน้างานส่วนหน้า ฝึกอบรมให้บุคลากรส่วนหน้าทุกคนเป็นผู้นำทำให้เกิดขวัญและกำลังใจมิได้เขียนไว้ให้ยกเว้นผู้ตามหรือให้มีความมุ่งมั่นแบบผิวเผินเขามีกรอบความคิดที่ว่าส่วนหน้าสามารถนำได้
3.เรียนรู้เพื่อสร้างทีมและเพื่อสร้างกลุ่มงานที่มีผู้นำคนเดียวทีมงานที่แท้จริงพวกเขาส่วนมากมีแรงจูงใจจากภารกิจ/พันธกิจและเป้าหมายต่างๆ
4.มุ่งสนใจที่ครึ่งล่างไม่ใช่เพียงครึ่งบน ให้เวลากับคนที่ปฏิบัติงานยำ่แย่หรือทำงานพอผ่านเกณฑ์ ถึงแม้จะหมายถึงความเสียสละส่วนบุคคลโดยปรกติเป็นการง่ายและต้นทุนตำ่กว่าในการทำให้ผู้ปฏิบัติตำ่กว่าเกณฑ์ให้ทำงานอย่างมีชีวิตชีวาขึ้นมาผู้ฝึกของบริษัทแมรีนกล่าวว่าถึงอย่างไรก็ตาม ความยุ่งยากที่เล่าต่อกันมาเป็นตำนานก็คือการคัดเลือกพนักงานใหม่ก็คงต้องทำ
5.การส่งเสริมความมีวินัยในตนเอง เพื่อเป็นวิถีของความภาคภูมิสิ่งที่ต้องการก็คือทุกคนปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์ กล้าหาญ และมีความมุ่งมั่น ตัวอย่าง บริษัท
เซาท์เวส แอไลน์ ลดเวลาลงครึ่งหนึ่งในการบินแต่ละรอบเพื่อเอาชนะคู่แข่งโดยไม่กลัวการลงโทษแต่เป็นความปรารถนาที่จะเป็นสายการบินที่ดีที่สุดเพื่อเลียนแบบบริษัท
แมรีน ผู้บริหารระดับสูงจำนวนมากต้องมีแนวคิดว่าพนักงานส่วนหน้าสามารถนำได้
15.โดยทั่วไปมีสัดส่วนของผู้นำที่ดีอยู่มากในบริษัทหรือไม่ ถ้ามีสัดส่วนที่เพิ่มมากเกินปรกติของผู้นำจะทำให้กลายเป็นปัญหาหรือไม่
ทุกองค์การมีลักษณะเฉพาะพิเศษนอกจากนั้นการบริหารยังต้องการเปอร์เซ็นต์ที่แตกต่างกัน แต่หัวหน้าหรือผู้นำทุกคนต้องแสดงรูปแบบของภาวะผู้นำ เขาไม่ได้เป็นเจ้านายแบบง่ายๆและคาดหวังให้องค์การเป็นองค์การที่ยิ่งใหญ่ ภาวะที่มีมากก็หมายถึงมีสิ่งที่ดีมากยิ่งมีมากบริษัทยิ่งได้กำไร
16.อะไรที่ดีกว่ากันสำหรับบริษัทที่ไม่มีเงินทุนมหาศาล เพื่อลงทุนในการฝึกอบรม การพยายามสร้างทีมผู้นำกับความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ หรือการมุ่งเน้นการสร้างทีมผู้จัดการที่มีประสิทธิภาพ
ทำไมจะมีข้อผิดพลาดมากกว่าในการสร้างทีมของผู้นำมากกว่าทีมของผู้จัดการ ผู้จัดการต่างๆสามารถทำสิ่งต่างๆให้สำเร็จ แต่ผูุ้จัดการต้องมีความเป็นผู้นำและความสามารถในภาวะผู้นำในตัวของเขาเอง มิฉะนั้นงานของเขาจะสำเร็จได้อย่างไร ผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์ เมื่อท่านมีวิสัยทัศน์ของท่านโดยทั่วไปก็ต้องสื่อสารวิสัยทัศน์ให้สมาชิกทีมของท่าน ทีมของท่านก็พัฒนาเป้าหมาย(วัตถุประสงค์) วิธีการ(แนวคิด)และแนวทาง(ทรัพยากร)เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ยกเว้นสำหรับการพ้ฒนาแนวทาง(ทรัพยากร)
สิ่งทั้งหมดเหล่านี้เป็นงานของผู้นำ
17.บางคนเป็นผู้นำที่ดีแต่ไม่เป็นผู้จัดการที่ดี สิ่งไหนดีกว่ากันสำหรับบริษัท
มีผู้จัดการมากมายที่ไม่สามารถนำ มีผู้นำมากมายที่ไม่สามารถในการจัดการ ทั้งสองสิ่งเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าของบริษัท .......ผู้นำสามารถทำสิ่งต่างๆหรือผู้จัดการสามารถนำบุคลากร
18.มีดัชนีวัดความสำเร็จของการฝึกอบรมที่จะทำให้ผู้จัดการมีความเป็นผู้นำ .....ความกดดันของความกดดันของความมีประสิทธิผลของการฝึกอบรม
ไม่แน่ใจว่ามีดัชนีหรือไม่ เพราะรูปแบบการฝึกอบรมก็มีการพัฒนารูปเเบบมากมายซึ่งเป็นการยากในการจัดการในแต่ละครั้ง ตัวอย่าง ถ้าท่านฝึกพนักงานให้รถยกของ เขาสามารถทำงานนั้นได้ เห็นได้ชัดว่าพนักงานเรียนรู้ทักษะใหม่ แต่การสังเกตคนบางคนเห็นว่าเขาเพิ่มทักษะภาวะผู้นำขึ้นมาบ้าง เป็นเรื่องยากมาก ท่านจะมีวิธีวัดที่มีประสิทธิผลในทักษะการสร้างวิสัยทัศน์ได้อย่างไร ดังนั้นการพัฒนาผู้นำคงไม่ประสบความสำเร็จหลักสูตรที่ใช้เวลาเพียงสองสัปดาห์เพียงแต่การเรียนรู้หลักการพื้นฐานทุกสิ่งที่เรียนรู้เกิดจากการลองผิดลองถูกในช่วงเวลาของการฝึกปฎิบัติอย่างไรก็ตามก็มีดัชนีวัดที่แสดงว่าองค์การที่ให้คุณค่ากับทักษะภาวะผู้นำมากน้อยแค่ไหน
ในวันที่2มีนาคม 1999เอกสา New EdgeมีการศึกษาของHay Groupของวารสาร
Fortune เขาพบว่าวัฒนธรรมของบริษัทในโลกที่ได้การยกย่องเหมือนกันมากมาย แต่
แตกต่างกันในอัตราเฉลี่ย การศึกษาครั้งนี้เปิดเผยค่านิยมที่ครอบงำบริษัทที่ได้รับการยกย่องเป็นลักษณะการทำงานเป็นทีม มุ่งเน้นลูกค้าใช้นวัตกรรมการปฏิบัติตนต่อพนักงานอย่างเป็นธรรมในยุคโลกาวิวัฒน์ สิ่งเหล่านี้เป็นทักษะของภาวะผู้นำที่สำคัญ
บริษัทใหญ่ๆมีผู้นำในขณะที่บริษัทที่อยู่ในเกณฑ์เฉลี่ยดำเนินการโดยผู้จัดการ
บริษัทที่ปรึกษาAON แห่งชิคาโก รายงานว่าเหตุผลสูงสุดห้าประการสำหรับความมุ่งมั่นของบุคลากร(โปรดสังเกตงานทั้ง 5อย่างเป็นทักษะผู้นำ)
1.การยอมรับในเรื่องเวลาส่วนตัวและเวลาของครอบครัวของพนักงาน
2.วิสัยทัศน์และทิศทางขององค์การ
3.ความเจริญเติบโตส่วนบุคคล
4.ความสามารถในส่วนที่ท้าทายของวิถีการทำงาน
5.ความพึงพอใจในการทำงานของแต่ละวัน
19.ท่านจะมีวิธีการให้บุคลการมีความจงรักภัคดีต่อองค์การอย่างไร เมื่อบริษัทต้องลดขนาดขององค์การลงมิใช่เป็นคำถามที่มากเกินไปของผู้นำ
ภาวะผู้นำเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการทำให้บุคลากรมีความสามารถที่จะทำในสิ่งที่ดีที่สุด และกลายเป็นคนดีที่สุดมากกว่าความจงรักภักดี ผู้นำสร้างแรงบันดาลใจให้คน
ในขณะที่ผู้จัดการมีนโยบายที่จะซื้อความจงรักภักดี นอกเหนือจากนั้นองค์การต่างๆต้องมีผู้นำที่มีประสิทธิผลตลอดทั่วทั้งองค์การของเขา จะพบว่าการลดขนาดขององค์การมีน้อยกว่าองค์การที่ขาดภาวะผู้นำนั่นเป็นเพราะว่าเขาจะปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆที่จำเป็น
ที่จะดำเนินการให้องค์การบรรลุวิสัยทัศน์ที่พวกเขาสร้างกันขึ้นมา ดังนั้นถ้าผู้นำที่ดีทั่วทั้งองค์การท่านกำลังจะพบว่าการกระทำของท่านทำสิ่งที่ถูกต้องและเมื่อถึงเวลาต้องลดต้นทุนการผลิต ความซื่อสัตย์และเมตตาเป็นสิ่งจำเป็น
เทปที่ดีเป็นแผ่นบางๆเหมือนมีอำนาจด้านหนึ่งมีแสงสว่างอีกด้านหนึ่งมืดและมันยึดเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียวภาวะผู้นำก็เหมือนเทปที่่ดี มีสิ่งหนึ่งที่เป็นสากลคือซ่อมองค์การที่แตกสลายได้
20.แนวโน้มที่สำคัญประการสำคัญประการหนึ่งของเศรษฐกิจยุคใหม่ คือประชาชนจะ
ทำงานกันที่บ้านติดต่อกันด้วย net ทุกคนจะเป็นผู้นำด้วยการติดต่อกันแบบพบหน้ากันจะสามารถทำได้อย่างไร
ผู้นำส่วนมากยังคงไปสำนักงานตามปรกติเป็นพื้นฐานในข้อเท็จจริง สิ่งสำคัญก็คือต้องไปพบปะกันที่องค์การ คนส่วนใหญ่ทำงานที่บ้านในฐานะผู้ตาม(ผู้ที่สำคัญว่าเป็นผู้นำ)ผู้ตามเหล่านี้คือผู้ทีทำงานเป็นบางคน เป็นผู้นำที่ดีในฐานะที่เขาทั้งหลายถูกจูงใจ
ทั้งแรงจูงใจภายภายในและแรงจูงใจภายนอกโดยได้รับค่าจ้างที่ดี และการปฏิบัติงาน
ของเขาในฐานะที่เขาเห็นว่าเหมาะสมที่สุด
ผู้นำต่างๆคือผู้ที่ทำงานที่บ้านเนื่องจากสถานที่ทำงานมีสิ่งแวดล้อมที่เหมือนบ้าน
พบว่าเป็นสิ่งจูงใจที่ดีสำหรับพนักงาน เป็นประโยชน์ต่อผู้นำข้อควรระวังอย่างเดียวคือมี
เวลาประชุมกันสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง หรือครึ่งสัปดาห์ต่อครั้ง เพื่อให้พนักงานทั้งหมดมีโอกาสได้พบหน้ากัน
เป็นบันทึกที่มีคุณค่ามากครับ
ขอบคุณบทความดีๆ ค่ะ