สถานีความคิด :
กาลเทศะ...กับการใช้โทรศัพท์มือถือ (2)
ครั้งหนึ่ง เมื่อไม่นานมานี้ ผมมีโอกาสได้ไปร่วมประชุมเกี่ยวกับโครงการของรัฐที่หน่วยงานแห่งหนึ่ง โดยมีคนเข้าร่วมประชุมประมาณ 300 คนเห็นจะได้ และมีการเชิญวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานระดับจังหวัดมาบรรยายให้ความรู้ด้วย
วันนั้น วิทยากรดังกล่าวมีเวลาในการบรรยาย 1 ชั่วโมง 30 นาที มีการใช้เครื่องไม้เครื่องมือประกอบการบรรยายอย่างเสร็จสรรพ สมกับเป็นวิทยากรมืออาชีพจริงๆ
เมื่อวิทยากรท่านนั้น บรรยายไปได้ประมาณ 20 นาที เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ผมเดาเอาว่าวิทยากรระดับนี้แล้ว คงจะปิดเครื่องและไม่รับสายอย่างแน่นอน
แต่....ผมคิดผิดครับ ท่านหยุดการบรรยาย และรับสาย พร้อมทั้งพูดคุยตอบไปประมาณ 1 นาที จากนั้นก็บรรยายต่อ
ผ่านไปประมาณ 10 นาที เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก แล้วท่านก็เปิดภาพโปรเจคเตอร์ทิ้งไว้ จากนั้นก็พูดคุยกับคนที่โทรมาหาอีกประมาณ 2 นาที แล้วก็วางสายและบรรยายต่อ
อีกประมาณ 15 นาทีต่อมา เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก แล้วท่านพูดผ่านไมโครโฟนว่า “ขออนุญาตรับโทรศัพท์สักครู่นะครับ”
จากนั้นท่านก็รับสายและพูดคุยคนที่โทรเข้ามา นั่งคุยไปประมาณ 3 นาที ท่านก็เปลี่ยนเป็นลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปยืนคุยโทรศัพท์อยู่หลังเวทีอีกเกือบ 10 นาที ท่ามกลางเสียงบ่นงึมงำๆ พร้อมทั้งการแช่งชักหักกระดูกของผู้ที่เข้าร่วมประชุม
บางคนแซวขึ้นว่า “ครั้งแรกสงสัยเมียน้อยโทรมาน่ะ แต่ตอนนี้สงสัยเมียหลวงโทรมา คงจะกำลังเคลียร์เรื่องบางอย่างกันอยู่ 555” ทำเอาหลายๆ คนขำและหัวเราะไปตามๆ กัน
จากนั้นต่างคนต่างก็พูดคุยกันเสียงดัง เหมือนนกกระจอกแตกรัง จนกระทั่งวิทยากรพูดโทรศัพท์เสร็จแล้วและมานั่งบรรยายต่อถึงพากันเงียบลง
ผมนั่งฟังการบรรยายอย่างเซ็งๆ เหมือนคนที่มีชีวิตแต่ขาดจิตวิญญาณ และดูเหมือนว่าหลายๆ คนก็เป็นเหมือนผมเช่นกัน
จะหนีกลับบ้าน ก็กลับไปไม่ได้ เพราะมากันหลายคน และมารถคนอื่นด้วย เลยจำเป็นต้องนั่งฟังการบรรยายจนจบ
วิทยากรท่านนั้นทำเหมือนกับผู้ฟังอย่างพวกผมไม่มีความคิด ไร้ความรู้สึก และไร้จิตวิญญาณ มองเห็นผู้ฟังเป็นเหมือนหัวหลักหัวตอที่ไม่มีความสลักสำคัญอะไร และไม่ได้คำนึงถึง “กาลเทศะ” ใดๆ เลย
ผมได้แต่คิดอยู่ในใจว่า “ถ้าตรูได้เป็นวิทยากร ตรูจะไม่ทำแบบนี้เด็ดขาด จะปิดโทรศัพท์มือถือไว้ และจะตั้งใจบรรยายอย่างดีที่สุด เพื่อให้คนฟังได้รับสาระและความรู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้”
แต่อย่างว่าแหละครับ ผมก็คือผม ท่านก็คือท่าน ความคิดความเห็นก็เลยไม่เหมือนกัน
ตัวใครตัวมันละครับ พี่น้องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง 555
สวัสดีเจ้า
เคยเจอบ่อยเช่นกันทั้งวิทยากรทั้งผู้เข้ามาอบรม
เรื่องมารยาทนี่สอนกันยากจริงๆนะคะ
สวัสดีครับ คุณครู krugui
ผมเองก็เจอบ่อยนะครับ ป้ากี้
แม้แต่เวลาสอนหนังสือก็ยังเจอเลยครับ
เป็นแบบนี้ก็ต้องทำใจนะครับ
ทางที่ดีที่สุด...เราคงจะต้องทำให้ดูเป็นตัวอย่างก่อน
ส่วนคนอื่นก็แล้วแต่เขาเถอะครับ 555
ถ้าให้คิดเอง.. ควรปิดตั้งแต่ขึ้นบรรยายแล้วค่ะ
สวัสดีครับ คุณ kunrapee
วิธีที่ดีที่สุด ก็ควรจะทำอย่างนั้นแหละนะครับ
สวัสดีครับ คุณมะเดื่อ
ถ้าทุกคนเป็นเหมือนคุณมะเดื่อ ก็คงจะน่ารักดีนะครับ
บรรยากาศต่างๆ คงจะดูดีขึ้นมากเลยทีเดียว