สิ่งที่เรามีเหมือนกันคือ ไม่มีอะไรสมหวังไปเสียทุกอย่าง..
แต่สิ่งที่ทำให้ต่างกันคือ..เราตอบสนองอย่างไรต่อความไม่สมหวังนั้น
...
การเยี่ยมชม โรงเรียนแพทย์ ณ เหวินโจว ( Wenzhou medical collage - WMC )
ข้าพเจ้าได้พบกับ นักศึกษาจากประเทศไทยที่กำลังศึกษา สองคน
คนหนึ่ง จบด้านแพทย์แผนไทยประยุกต์จากมหิดล เกียรตินิยม
มาเรียนคณะแพทยศาสตร์ด้วยทุนตนเองตามที่เธอใฝ่ฝัน
และได้ทุนเรียนในปีสอง ปีสาม เพราะมีผลการเรียนดี
อีกคนหนึ่ง จบชั้นมัธยมหก โรงเรียนชื่อดังในประเทศไทย
ตั้งเป้าหมายหนึ่งเดียวคือ คณะทันตแพทยศาสตร์
เมื่อประตู entrance ในประเทศไทยแคบเกินไป
เธอจึงหาข้อมูลแล้วตัดสินใจเลือกมาเรียนเหวินโจว
ซึ่งเปิดรับนักศึกษาต่างชาติเข้าเรียนคณะทันตแพทย์
ชีวิตในต่างแดน ต่างภาษา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แต่เพื่อไปให้ถึงฝัน อุปสรรคต่างๆ ก็กลายเป็นเรื่องเล็กน้อย
###
ทั้งนี้ ข้าพเจ้าไม่อาจสรุปได้ว่า การไปเรียนแพทย์ที่ประเทศจีนดีหรือไม่
จึงขอให้ข้อมูลที่สรุปจาก คำเตือนสำหรับผู้มีความประสงค์ไปศึกษาวิชาแพทยศาสตร์ในจีน
จาก เวบไซต์ของแพทยสภา ร่วมกับข้อมูลที่รับทราบเพิ่มเติมมาดังนี้
1. ปัจจุบันมีผู้ไปศึกษาแพทย์ ในโครงการนานาชาติ ประมาณ 350 คน ซึ่งจากจำนวนนี้ มี 12 คนที่อยู่ในชั้นคลินิก (ปี 4-6)
2. การจบหลักสูตรในประเทศจีนที่แพทยสภารับรอง ไม่ได้หมายความว่า แพทยสภาอนุมัติใบประกอบเวชกรรมในประเทศไทยโดยอัตโนมัติ ต้องกลับมาสอบในประเทศไทยอีกครั้ง
การสอบเพื่อรับใบประกอบเวชกรรม (ศ.ร.ว) ปัจจุบันนี้มีสามขั้นตอน : ขั้นแรก ก่อนขึ้นชั้นปี 4, ขั้้นสอง สอบตอน ปี 5 และขั้นตอนสุดท้าย สอบตอนก่อนจบปี 6
พบว่า ผลการสอบขั้นแรก นักศึกษาที่ขึ้นชั้นคลินิก 12 คน ไม่มีใครสอบผ่าน ศ.ร.ว. ของไทย
3. ค่าใช้จ่ายในการเข้าศึกษา นักศึกษาต่างชาติต้องชำระเองทั้งหมด แต่มหาวิทยาลัยมีทุนให้สำหรับผู้มีผลการเรียนดีเด่น
4. การรับเข้าศึกษา (admission) นักศึกษาต่างชาติ โดยมากเป็นการยื่นผลการเรียนกับสัมภาษณ์ ไม่มีการสอบคัดเลือก ใช้ผลสอบภาษาอังกฤษ ไม่ต้องการพื้นฐานภาษาจีน แต่ การรู้ภาษาจีน "ในระดับอ่านออก เขียนได้ พูด ฟังคล่อง" จำเป็นต้องใช้ในชั้นปีคลินิกซึ่งผู้ป่วย เพื่อนร่วมงาน ต่างใช้ภาษาจีนในการพูด เขียน
###
แต่สิ่งที่ข้าพเจ้าชื่นชม และเก็บมาเป็นแรงบันดาลใจจากนักศึกษาไทยสองท่าน
คือคำว่า "Falling forward"
ในการตัดสินใจเลือก อาจนำไปสู่ความสำเร็จ หรือล้มเหลว
แต่ชีวิตมนุษย์เติบโตได้ ก็เพราะบทเรียนจากการตัดสินใจ
ตั้งแต่เด็ก เราเรียนรู้ที่จะเดินด้วยการล้ม
ดัง John C Maxwell กล่าวถึง " Rule of being humans"
Rule #1 : You will learn lessons.
Rule #2 : There are no mistake - only lessons.
Rule #3 : A lesson is repeated untill it is learned.
Rule #4 : If you don't learn the easy lessons, they get harder. - Pain gets your attention before you get harm.
Rule #5 : You'll know you've learned a lesson when your actions change.
ตราบใดที่ชีวิตยังไม่หยุดเดิน ไม่แปลกที่จะล้ม
ขอเพียงล้ม..ไปข้างหน้า..
Falling forward
สังเกตได้ว่าถ้าคุณหมออยู่ต่างประเทศที่ไร มีเรื่องสนุกๆมาเล่าให้ฟังเสมอ
คิดถึงสมัยคุณหมออยู่อเมริกา มีเรื่องมาเล่าเกือบทุกอาทิตย์
แต่พอกลับเมืองไทย เดียวก็เงียบหาย เดียวก็เงียบหาย
อยู่เมืองจีนนานๆนะครับ
นอกจากคนทางเมืองไทยจะได้ยินสิ่งใหม่ๆ แล้ว
คุณหมออาจจะพูดภาษาจีนได้อีกด้วย.......
นอกจากการไปเรียนแพทย์ที่จีน ลูกของเพื่อนหลายๆ คนที่นี่ก็ส่งลูกสาว ลูกชายไปเรียนแพทย์ที่รัสเซียด้วยค่ะ ตอนแรกได้ยินก็รู้สึกแปลก แต่ทว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นค่อนข้างเยอะโดยเฉพาะคนจากมาเลเซีย
คุณหมอเดินทางไปจีนนี่เอง เลยไม่ค่อยได้เขียนบันทึกให้เราอ่าน
มีเวลาพักผ่อนบ้างนะคะ
สวัสดีค่ะ
คิดถึงอยู่ว่าคุณหมอ ป. หายไปไหน สงสัยงานยุ่ง
ขอบคุณเรื่องราวที่แสนดี...
ชอบๆๆๆๆ
ส่วนตัวก็มีคำที่ชอบพูดบ่อยๆ ว่า "ล้มเพราะก้าวไปข้างหน้า ดีกว่ายืนเต๊ะท่าอยู่กับที่" ปลอบใจตัวเองตอนที่ต้องทำบางเรื่องราวที่ไม่สันทัดไม่ชอบไม่แน่ใจค่ะ
ก็เพราะล้มนั่นแหละ จึงยืนได้อย่างมั่นคง...
งานมาก เดินทางบ่อยๆ รักษาสุขภาพมากๆ ค่ะ :)
ชอบมากครับ....คิดถึงอาจารย์ครับ....มีความสุขและเรียนรู้...กับการเดินทางที่แสนพิเศษนะครับ
ยังชื่นชอบงานเขียนของคุณหมอบางเวลาเช่นเดิมครับ ;)...
ล้มก็ยังล้มไปข้างหน้า ... ดีกว่าถลาแล้วล้มไปข้างหลัง
ชื่นชมเด็กไทย 2 คนที่คุณหมอป.เล่าให้ทราบ ไม่ว่าใคร เรียนที่ไหนก็ได้นะคะ ความตั้งใจ ความพยายาม ฯ สำเร็จจบได้ เมื่อจบแล้วเป็นคนดี ใช้ความรู้ให้เกิดประโยชน์ต่อมนุษย์ด้วยกันฯลฯ ในสิ่งที่เรียนรู้มา เราก็ชื่นชมในการทำงานของแต่ละคนเสมอ ขอบคุณมากค่ะ
คิดถึงคุณหมอ ป. นะคะ ไปอยู่เมืองจีนคงจะหนาวแล้วนะคะ