โลกของความจริง
โลกวิทยาศาสตร์ โลก ตัวอย่าง การสัมผัส
Energy ล้วน จิต (ในศาสนาพูดถึง พรหม เทวดา โอปะปาติกะ) ไม่ได้
Energy + Mass จิต + กาย มนุษย์ สัตว์ ได้
Mass ล้วน กาย ก้อนหิน แร่ธาตุ สสาร ได้
ในโลกความจริง มีสิ่งที่ไม่สามารถสัมผัสได้อีกเป็นอันมาก สิ่งเหล่านี้ล้วนมีความเกี่ยวข้องกันทั้งสิ้น จิตดั้งเดิมมาจากไหนไม่มีใครทราบ การรับรู้ว่ามีจิตคือใช้ใจสัมผัส จิตไม่อยู่ภายใต้กฎของสสาร แต่อยู่ภายใต้ของกฎธรรมชาติ เช่น กฎไตรลักษณ์
ก่อนสสารจะเกิดย่อมมีพลังงานมาก่อน(ตามทฤษฎีบิ๊กแบงก์) ความร้อนมหาศาลเมื่ออุณหภูมิลดลงจะรวมตัวกันเป็นสสาร เช่นเป็นอะตอมของไฮโดรเจน ไฮโดรเจนเป็นอะตอมพื้นฐานของธาตุทุกชนิดในจักรวาล เป็นสิ่งที่มีมวล(mass) สัมผัสได้ อยู่ภายใต้การอธิบายด้วยกฎของนิวตัน กฎทรงมวล ทฤษฎีจลน์ของแก๊ส เป็นที่มาของการกำเนิดร่างกายในที่สุด
จิตอยู่กับกาย จิตจะบงการกาย พลังงานอยู่กับมวล พลังงานก็จะบงการมวล การรับรู้ของมนุษย์ทั่วไป จะรับรู้ได้ทั้งกายและใจ แต่การรับรู้กายด้วยประสาทสัมผัส สามารถนำไปสื่อสารหรือพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นได้ จึงเป็นที่มาของการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ แต่ฐานข้อมูลจะถูกจำกัดอยู่ในวงที่ประสาทสัมผัสได้เท่านั้น จึงมีทั้งเรื่องที่พิสูจน์ได้ชัดเจนส่วนหนึ่ง ส่วนหนึ่งไม่ชัดเจน เช่นโรคเรื้อรังนั้นทางการแพทย์จะไม่ทราบสาเหตุเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสาเหตุจะไปตกอยู่ในขอบเขตของจิตหรือพลังงาน ซึ่งพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นไม่ได้
เมื่อไม่เห็นสาเหตุเนื่องจากข้อจำกัดทางความคิด จำกัดวงของความจริงไว้แบบนั้น การรักษาโรคจึงไม่ไปถึงสาเหตุของโรคได้
มนุษย์ส่วนหนึ่งเปิดใจเข้าไปรับรู้สาเหตุแล้ว เช่นเป็นจากจิตที่ยึดมั่นนิสัยเดิมที่ไม่ดี เช่นทานอาหารมากเป็นโรคอ้วน สาเหตุของทานมากเป็นที่นิสัยซึ่งมีที่มาที่ไปอีกหลายตลบ ซึ่งมีโอกาสเชื่ออย่างงมงายได้ ถ้าขาดหลักทางศาสนา และหลักของการฝึกสมาธิให้สัมผัสเห็นจริงกำกับ ส่วนการแก้ไขต้องเปลี่ยนนิสัย ซึ่งจะต้องใช้พลังงานปริมาณมาก(เช่นต้องอดอาหาร และออกกำลังกายเหนื่อย) ทำให้คนทั่วไปไม่มีความอดทนที่จะแก้ไข ก็ต้องหันมาพึ่งตัวช่วยคือยา และต้องยอมรับผล กระทบที่ตามมาเช่นผลข้างเคียง การดื้อยา และต้องทานยาไปตลอด