โรคเรื้อรัง แนวทางการเอาชนะอย่างเด็ดขาดหรืออยู่ร่วมกับโรคอย่างสันติ


จุดสำคัญของการรักษาโรคเรื้อรังคือการเปลี่ยนแปลงจิตใจตนเอง

เปิดใจก่อน

     ถ้าได้ยินมาว่า เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง รวมถึงโรคมะเร็งที่คิดว่าเป็นโรคที่เป็นสาเหตุการตายอันดับ 1 นั้นรักษาไม่หาย ต้องกินยาคุมอาการไปตลอดชีวิต

    เป็นเรื่องที่จริง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ลองถามหมอดูครับว่า ไม่มีอะไร 100 % ในวิชาแพทย์ใช่ไหมครับ ดังนั้น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง รวมทั้งมะเร็งย่อมหายขาดได้

       ผมอาจจะค้านกับความเห็นของแพทย์ทั่วไป แต่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่ามีคนหายจากโรคดังกล่าวจริงๆ ถึงมีอย่างน้อย 1 คนที่หาย ก็พอจะเป็นความหวังให้คนทั่วไปได้ศึกษาและลองเอาอย่างบ้างใช่ไหมครับ ในความเป็นจริงไม่ใช่หายแค่ 1 คนหรอกครับ มีเป็นร้อยเป็นพัน อาจมีอยู่ใกล้ๆตัวท่านก็ได้

ระดับของโรค

โรคมีระดับความรุนแรงและความซับซ้อนแตกต่างกัน

1.โรคที่ไม่รุนแรงและพบบ่อย เช่น เป็นหวัด ท้องเสีย บาดแผลทั่วไป โรคเหล่านี้จะมีผลเปลี่ยนแปลงร่างกายอย่างรวดเร็ว มีผลต่อจิตใจและพลังชีวิตบ้าง แต่ก็เป็นช่วงระยะสั้นๆ แล้วก็สามารถปรับเข้าสู่สมดุลเอง โดยไม่ต้องรักษาก็หายได้ พอหายแล้ว ก็กลับมาแข็งแรงอย่างเดิมได้ บางท่านก็เรียกว่า โรคที่รักษาก็หาย ไม่รักษาก็หาย โรคเหล่านี้มีถึง ร้อยละ 80 ทีเดียว ไม่ต้องพึ่งหมอก็ได้

 2. โรคที่รักษาแล้วหาย ไม่รักษาแล้วตาย เป็นโรคที่ต้องให้หมอช่วยอย่างยิ่ง  เช่น ปอดบวม วัณโรค อหิวาต์  ไส้ติ่งแตก กระเพาะทะลุ อุบัติเหตุเสียเลือดมาก ไตวายเฉียบพลัน หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน การหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน ถ้าไม่รักษาโอกาสตายสูง แต่รักษาแล้วรอดได้เป็นปกติ  โรคแบบนี้ต้องพึ่งหมอ โดยเฉพาะหมอแผนปัจจุบัน เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายอย่างรวดเร็วมาก การแก้ไขระดับจิตใจจะไม่ทันการณ์

3.โรคที่เป็นเรื้อรัง หมายถึงเป็นโรคที่ผู้ป่วยยังไม่สามารถแก้ที่สาเหตุได้ หรือมีกำลังใจไม่พอที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทำให้ไม่สามารถกำจัดสาเหตุออกไปได้ ต้องทนทรมานอยู่กับโรคไปตลอด เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภูมิแพ้ หอบหืด ตับแข็ง เก้าท์ โรคอ้วน โรคผื่นผิวหนังต่างๆ โรคทางจิตและอารมณ์ รวมถึงโรคมะเร็งชนิดต่างๆ โรคเหล่านี้ มักจะไม่พบสาเหตุชัดเจน แต่จะเป็นจากหลายเหตุหลายปัจจัยรวมกัน ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนมาจากพฤติกรรมของผู้ป่วยทั้งสิ้น หรือเกิดจากการใช้ชีวิตไม่ถูกต้อง ใช้ชีวิตโดยไปทำร้ายจุดอ่อนของตัวเอง เช่น จุดอ่อนอยู่ที่ตับ เมื่อใช้ชีวิตแบบสังสรรค์ดื่มเหล้าก็จะเป็นตับแข็ง เป็นต้น โรคเหล่านี้มักเป็นภาวะที่มีเหตุมาจากอย่างอื่นเสมอ  ตัวมันคืออาการของโรคอื่น หมายถึงยังมีผู้ที่บงการ อยู่เบื้องหลังโรคเหล่านี้อีก การใช้แผนปัจจุบันรักษาได้แต่ควบคุมอาการ แต่ไม่สามารถหายได้จากการใช้ยาและมีผลข้างเคียงจากการใช้ยาตามมา การรักษาโรคต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและเปลี่ยนจิตใจอย่างรุนแรง จึงจะแก้ที่สาเหตุได้ จึงเป็นโรคที่หายยาก เพราะการเปลี่ยนพฤติกรรมและจิตใจเป็นเรื่องที่ยาก ต้องอาศัยกำลังใจและอุบายที่เหมาะสม ดังนั้น การแพทย์ทางเลือกจึงมีความเหมาะสมที่จะรักษาโรคเหล่านี้ให้หายได้ เนื่องจากสาเหตุมาจากพฤติกรรมและจิตใจ การรักษาแต่ละคนจึงไม่เหมือนกัน เพราะความหลากหลายของพฤติกรรมและจิต จึงต้องหาทางให้เหมาะกับตัวเองเป็นเครื่องช่วย บางคนอาจแค่ปรับอาหาร บางคนต้องปรับการออกกำลังกาย บางคนต้องอดเหล้า อดบุหรี่ เลิกนิสัยเสีย เลิกพูดมาก เลิกอิจฉาริษยา เลิกเครียด เลิกแค้น เลิกคิดมาก เลิกเอาแต่ใจตัวเอง ล้วนแต่เป็นของยากทั้งสิ้น การทานยาแผนปัจจุบันไม่มีพลังงานเพียงพอที่จะกระตุ้นการหายของโรค เพราะยารักษาได้ที่ปลายเหตุ ได้แต่ควบคุมอาการของโรคเท่านั้น และต้องคอยระวังผลข้างเคียงของยาที่จะเกิดขึ้น

         โรคแบบนี้ เป็นโรคพิสดาร มีโอกาสหายได้แต่น้อย คนที่จะหายได้จะต้องมีความอดทนและเพียรพยายามที่จะเปลี่ยนตัวเองจริงๆ ทั้งร่างกายและจิตใจ จนกระทั่งพลังชีวิตเปลี่ยน

         
         ท่านจะมีความเข้าใจโรคมากขึ้น ต้องหันมาศึกษาว่า การรับรู้ตัวตนของท่านเป็นอย่างไร

         1)ทางด้านกายภาพ หรือทางวิทยาศาสตร์คือทางด้านวัตถุ การรับรู้ซึ่งใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 เป็นสำคัญโดยเฉพาะประสาทตา ใช้มากถึง 80% ประสาทตาอยู่ภายใต้อิทธิพลของแสง อะไรที่มีความเร็วน้อยกว่าแสงย่อมตกอยู่ภายใต้การมองเห็น รวมทั้งความเชื่อที่เกิดขึ้นตามมา เช่น กฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน

         2) ด้านจิตใจ จิตเป็นสิ่งที่มีความเร็วเหนือแสง ไม่มีวัตถุเป็นองค์ประกอบ ดังนั้นกฎเกณฑ์ต่างๆที่ใช้ได้กับวัตถุ ไม่สามารถใช้ได้กับจิต การรับรู้ด้านจิตใจ ก็ไม่สามารถรับได้ด้วยประสาทสัมผัส ใช้ได้เฉพาะจิตในการรับรู้ โลกของจิต เป็นความจริงที่กว้างใหญ่ไพศาล มากกว่าด้านวัตถุ และยังมีความสัมพันธ์ในการควบคุมวัตถุได้ แต่ธรรมชาติของจิตอย่างหนึ่งคือรับรู้ได้เฉพาะบุคคล ที่มีความละเอียดอ่อนของจิตเพียงพอ

           โรคที่เรื้อรังพิสดารทั้งหลายที่รักษายาก เพราะเกิดความผิดปกติในระดับจิตเป็นต้นเหตุ แต่สิ่งที่คนมองเห็นได้ก็เพียงเรื่องร่างกายหรือวัตถุ ดังนั้นการจะเชื่อว่าเหตุของการป่วยเกิดจากจิตที่บกพร่อง จึงเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยาก จนกว่าจะพบด้วยตนเอง การรักษาด้านร่างกายทั่วไปเราสามาถใช้พลังงานจากวัตถุแร่ธาตุสมุนไพร สารเคมีมารักษาได้ แต่การรักษาทางจิตนั้น ต้องอาศัยพลังงานระดับสูง และคลื่นพลังงานที่เหมาะสมกับจิตนั้น จนจิตเห็นจริงแล้วเปลี่ยนเส้นทางเดินใหม่ด้วยจิตเอง ในทางการแพทย์เรียกว่า"การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม" (ความหมายจริงไม่ตรงนัก แต่ก็ใกล้เคียง) ต้องใส่พลังงานเข้าไปเป็นจำนวนมาก ดังนั้นพลังงานที่ดีที่สุดในการรักษาทางจิตก็คือพลังงานจากตนเอง เพราะจะรู้เองว่าต้องการแค่ไหน คลื่นพลังงานเป็นแบบใดจึงเหมาะ เหมือนให้คนอื่นป้อนข้าว เราทานเองจะถนัดกว่า ได้มากกว่า...โปรดติดตามตอนต่อไป

หมายเลขบันทึก: 505351เขียนเมื่อ 12 ตุลาคม 2012 14:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 ตุลาคม 2012 15:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

 

โรคเรื้อรัง แนวทางการเอาชนะอย่างเด็ดขาด...อยู่ที่... ยอมเปิดใจก่อน กับแพทย์  พยาบาล...นะคะ

 

 

ขอบคุณครับ ที่อ่านและให้กำลังใจ บุคคลากรทางการแพทย์ ต้องเปิดใจและเป็นตัวอย่างที่ดีด้วยนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท