ห้องเรียนในฝัน..จานด่วน


เขียนบันทึกนี้ต่อจากการอ่านบันทึกของคุณครูนกครับ

ด้วยคำสำคัญที่ขึ้นต้นอย่างนี้ครับ

“ห้องเรียนที่ก่อให้เกิดบรรยากาศอบอุ่น ส่งเสริมการเรียนรู้เป็นปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองได้”

อ่านรายละเอียดทั้งหมดที่นี่ http://www.gotoknow.org/blogs/posts/504961

 

ในบันทึกของครูนกได้เน้น คุณภาพทั้งในด้านของการเรียนรู้และในด้านอื่นๆ             ที่เกี่ยวข้อง และนำเสนออย่างเข้าใจง่าย  สามารถนำไปใช้ได้ง่ายหากเราเปลี่ยนมุมมองในการปรับใช้สักนิด เราก็จะเห็นสิ่งดีๆเหล่านี้เป็นรูปธรรมเร็วขึ้น ง่ายขึ้น บันทึกนี้จึงขอจินตนาการต่ออีกสักนิดนะครับ

 

อ่านแล้วเห็นเป็นรูปธรรมเลยครับ ง่ายต่อการเข้าใจ เท่าที่คุณครูเขียนไว้นี้ น่าจะสามารถนำไปทำในห้องเรียนย่อยๆ สักห้องหนึ่งในโรงเรียนที่สอนแบบเดิมในตอนนี้ก่อนเลยครับ

และควรทำด้วยกลุ่มคนทำงานจิตอาสาคือกลุ่มคนที่มีใจมีทุกๆอย่างพร้อมและอยากเห็นการพัฒนาของนักเรียนในจังหวัดในท้องถิ่นตนเองก่อนเลย ..แบบคิดได้ทำเลยไม่ต้องรอภาพใหญ่ ไม่ต้องรอนโยบายของรัฐ น่าจะตรงใจกับคนที่มีส่วนได้เสีย(ผู้ปกครองและคุณครู) และขณะที่ผมเขียนตรงนี้ผมก็คิดว่ามีแล้วนะ โรงเรียนที่มีแนวทางการพัฒนาของตนเพื่อผลงานในฝันที่ร่วมกันทำของท้องถิ่น

การทำห้องเรียนต้นแบบเล็กๆอย่างไม่เป็นทางการนักแบบนี้แหละที่เป็นจุดเริ่มของฝันที่เป็นจริง ..เมื่อเราทำได้เราก็ส่งเข้าสู่กระบวนการพัฒนาแบบไทยๆ ของเราต่อไปนะครับ

เมื่อผลักดันให้โครงการเล็กๆ ที่ได้คิดได้ริเริ่มออกสู่สายตาของสาธารณชน เค้าได้เห็นได้ทึ่งกับผลลัพธ์ก็จะมีการเลียนแบบเมื่อมีโรงเรียนใดโรงเรียนหนึ่งทำสำเร็จและนำเสนอผลงาน ประกวดผลงานในเวทีของประเทศไทย เมื่อมีคนได้รับรางวัล และมีผลงานคือสามารถสร้างนักเรียนที่เก่งกาจเป็นสิ่งประจักษ์ ..

จากนั้นวงจรของการพัฒนาต่อเนื่อง หรือการต่อยอดผลงานให้กลายเป็นสิ่งใหม่ของโรงเรียนใหม่ชิ้นที่หนึ่งก็เริ่มขึ้น โรงเรียนต่อๆ ไปก็แข่งขันทำชิ้นที่สองที่สามเรียงร้อยต่อๆ กันไปอย่างต่อเนื่องตามการกระตุ้นส่งเสริมของกลุ่มคนที่อาสาและช่วยกันผลักดันนะครับ

เมื่อเป็นแบบนี้คุณภาพของการเรียน ความเก่ง ความดี และสิ่งต่างๆที่ได้ออกแบบไว้ก็ยกระดับ เมื่อวัดผลความสำเร็จภาพรวมเด็กไทยก็เก่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดพร้อมทั้งมีระบบ มีคำอธิบายรองรับอีกด้วย

นี่ก็คือการสร้างห้องเรียนในฝันในแบบที่เป็นจริงได้ ในความเชื่อของผมนะ..

จากนั้นเมื่อมีสิ่งดีๆเกิดขึ้น ก็จะมีการพูดถึง การชื่นชมกันในสื่อสารมวลชน อาจจะมีการนำออกไปโชว์ทางฟรีทีวีที่มีชื่อเสียง หรือหนังสือพิมพ์ที่เรารู้จักกันดี ก็จะนำไปสู่..

การที่จะถูกนำไปบรรจุลงเป็นนโยบายหาเสียงของพรรคการเมือง เมื่อมาถึงตรงนี้การนำไปสู่การปฏิบัตินั้นจะรวดเร็ว และขยายวงกว้างขึ้นไปอีก เราก็จะได้เห็นห้องเรียนที่เราได้ออกแบบเมื่อแรกคิดเกิดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศไทยเลย นี่ก็น่าภูมิใจอยู่ไม่น้อยสำหรับคนปิดทองหลังพระน่ะ

 

 

นี่เป็นความเห็นที่คิดว่า เราจะได้ช่วยกันเสริมจินตนาการต่อกันและกันของทุกท่านที่กำลังจะเขียนเรื่องราวของ ห้องเรียนในฝัน ให้เข้าใกล้ความเป็นจริงและสอดคล้องกับคุณลักษณะของคนไทยกันต่อไปนะครับ

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 505000เขียนเมื่อ 9 ตุลาคม 2012 08:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 ตุลาคม 2012 07:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
  • พี่เพชร
  • น่าสนใจแนวคิดดีๆมากเลยครับ
  • การทำห้องเรียนต้นแบบ ไอเดียสุดยอดค่ะ
  • แค่คิด ก็อยากเห็นแล้วค่ะ

สวัสดีครับ คุณเพชร พรหมสูตร์

       เนื่องจากท่านได้รับคัดเลือกให้รับรางวัล  สรอ. ขอความรู้ จากการเขียนบันทึกแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในหัวข้อเรื่อง เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา ซึ่งรางวัลที่ท่านจะได้รับ คือ iPod Nano จำนวน 1 เครื่อง  ท่านสามารถดูการประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัลได้ตามลิงค์นี้  http://www.gotoknow.org/blogs/posts/504617    
       ดังนั้นทางทีมงานจึงเรียนขอ ชื่อ-สกุล , ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อสะดวก เพื่อทางทีมงานสามารถที่จะทำการส่งของรางวัลไปให้ท่านได้ครับ โดยท่านสามารถแจ้งข้อมูลกลับมาได้ที่  [email protected]  หรือ  [email protected]

ขอบคุณครับ ขจรศักดิ์ วิชัยวรกุล ทีมงาน GotoKnow

สวัสดีครับอาจารย์ Blank ขอบคุณสำหรับการแวะมาให้กำลังใจกันเป็นประจำครับ

ผู้ปกครองของเด็กๆ ในท้องถิ่นจำเป็นต้องเป็นธุระและช่วยกันทำเรื่องราวเหล่านี้ในทุกแนวทางเพื่อช่วยเหลือลูกๆ ของตน เหตุผลเพราะว่าการพัฒนาด้านการศึกษาของไทยเรานั้น มีความเป็นมายาวนานและเป็นแบบเฉพาะของตนเอง หากเราจะนำหลักการทางสากลอย่างอเมริกา หรืออื่นๆ มาใช้ทั้งดุ้นนั้น ปัจจุบันเราก็จะเห็นว่ามันไม่สัมฤทธิ์ผล ทางออกก็ต้องปรับทุกอย่างให้สามารถสร้างคนเก่ง ทีมงานเก่งๆของคนไทยได้ สรุปว่าการขับเคลื่อนการศึกษาไทยนั้นต้องทำจากการสร้างเครือข่ายของคนส่วนใหญ่ในท้องถิ่นที่ไม่ค่อยเก่ง หากแต่เราช่วยกัน ใครถนัดด้านไหนอย่างไรก็นำสิ่งต่างๆ เหล่านั้นมาวางในระบบการพัฒนาเด็กในจังหวัด อาทิ การวางหลักสูตรการศึกษาของเครือข่ายผู้ปกครองฐานะยากจน ว่าจะจ้างครูดีๆ คนเก่งๆ มาสอนเสริมให้กับบุตรหลานของชุมชน โดยอาจจะจัดสอนที่วัด

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท