เราเรียกเอกสารที่จัดทำขึ้นเพื่อแสดงถึงแนวคิดในการทำวิจัย มีรูปแบบที่แสดงแนวทางการทำวิจัย มีรูปแบบที่แสดงแนวทางการทำวิจัยโดยย่อว่า เอกสารเชิงแนวคิด และนักวิจัยแทบทุกคนต้องเขียน (บางคนเก่งเกิน เขียนเค้าโครงผ่านเลย)
ภาพจาก: http://stratconcept.com/yahoo_site_admin/assets/images/Comp_ist2_6702437-many-targets-concept.12743816.jpg
ถามว่าทำไมต้องเขียนเอกสารเชิงแนวคิด...ก็เพราะว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับคนที่คิดว่าจะเริ่มทำวิจัย เอกสารเชิงแนวคิดจะช่วยให้เราไม่ไขว้เขว มุ่งประเด็นการศึกษา/วิจัย ไปตามที่วางแผนไว้ และหากวางแผนได้ดี และมีคนเล่นด้วย (อาจารย์ที่ปรึกษาชอบและให้ผ่าน หรือ มีคนอยากทำด้วย หรือแหล่งทุนสนใจ) ก็จะนำไปสู่เค้าโครงหรือโครงการวิจัยในอนาคตได้
การเขียนเอกสารเชิงแนวคิดควรเริ่มจากปัญหา/คำถามวิจัย (ไม่ใช่ชื่อเรื่อง...นะจ๊ะ) เพราะเนื้อหาต่างๆในเอกสารเชิงแนวคิดทั้งหมดต้องสอดคล้องเป็นเหตุผล สะท้อนที่มาและความสำคัญของปัญหาการวิจัยที่ชัดเจน มีเหตุผลเป็นที่ยอมรับโดยใช้อ้างอิงหรือหลักฐานที่น่าเชื่อถือ ไม่หยิบยกความคิดหรือข้อความใดๆขึ้นมาโดยไม่มีที่มา.........ถัดมาคือความมุ่งหมายของการวิจัย (วัตถุประสงค์นั่นเอง) ที่เราต้องบอกให้ได้ว่าต้องการศึกษาอะไร และสอดคล้องกับปัญหา/คำถามวิจัยที่ตั้งไว้.........ต่อมาคือบทนำต้องมีการร้อยเรียงถ้อยคำ เชื่อมโยงให้เห็นความเกี่ยวข้องกับปัญหา/คำถามวิจัย ทฤษฎีที่นำมาใช้อธิบายปรากฏการณ์ งานวิจัยอื่นๆที่มีผู้ทำวิจัยมาก่อนแล้ว และต้องลำดับเนื้อหาให้ผู้อ่านคล้อยตาม สมเหตุสมผล.........สุดท้ายระเบียบวิธีวิจัยเป็นส่วนที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะเป็นกระบวนการให้ได้มาซึ่งข้อมูลเชิงประจักษ์ การได้คำตอบของประเด็นปัญหา/คำถามวิจัย ต้องมีลำดับขั้นตอนที่ชัดเจน ไม่ขัดแย้งกันเอง
ภาพจาก: http://www.nap.edu/books/0309072484/xhtml/images/p2000fc6dgi001.jpg
เมื่อพิจารณาประเด็นข้างต้นทำให้นักวิจัยได้เห็นความเป็นไปได้ในการทำวิจัย มีแนวทางที่จะดำเนินการวิจัย หรือสังเกตเห็นสิ่งใหม่ ปรากฏการณ์ใหม่ ที่แตกต่างจากงานวิจัยที่มีคนเคยทำมาแล้ว
นอกจากนี้นักวิจัยฝึกหัดควรมีเหตุผลทางวิชาการสำหรับการตอบคำถามในประเด็นต่อไปนี้: เรื่องที่ศึกษามีความเป็นต้นฉบับหรือนวัตกรรม; เหตุผลในการเลือกพื้นที่ศึกษา ; เหตุผลในการเลือกกลุ่มตัวอย่าง/พลวิจัย ; ระเบียบวิธีวิจัย ทฤษฏี ที่นำไปสู่การหาคำตอบในการวิจัย
ภาพจาก: http://www.fht.psu.ac.th/fht_new/images/about_us/success1.png
ส่วนประกอบของเอกสารเชิงแนวคิดมีความแตกต่างกันไปตามแต่ละหน่วยงาน องค์กร มหาวิทยาลัย ในที่นี้ขอยกตัวอย่างองค์ประกอบของเอกสารเชิงแนวคิดของศูนย์วิทยาสาสตรศึกษามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒพอสังเขป ดังนี้
1. ชื่อเรื่อง (Title) ควรตั้งตามประเด็นปัญหางานวิจัย ข้อสงสัยที่ต้องการทำวิจัย หรือเรื่องที่ต้องการทำการศึกษา
2. ภูมิหลัง หมายถึง ความเป็นมาของปัญหาที่ผู้วิจัยสนใจ ความจำเป็นที่จะต้องศึกษาในปัญหานั้น ซึ่งในการเรียบเรียงภูมิหลัง ต้องมีการร้อยเรียงถ้อยคำ เชื่อมโยงให้เห็นความเกี่ยวข้องของประเด็นปัญหา แนวคิดทฤษฎีที่นำมาใช้ และงานวิจัยอื่น ๆ ที่นำมาอ้างอิง มีความกระชับและตรงประเด็น
3. ความมุ่งหมายของการวิจัย (Research objectives) หมายถึง ข้อความที่แสดงถึงประเด็นที่ต้องการค้นหาคำตอบ ในกรณีที่มีหลายประเด็นผู้วิจัยควรเขียนให้เห็นเป็นข้อ ๆ
4. ความสำคัญของการวิจัย (Significance of the study) หมายถึง ข้อความที่ชี้ให้เห็นว่าเมื่อศึกษาวิจัยแล้ว ข้อค้นพบนั้นจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในลักษณะใด อย่างไร ข้อความนี้ควรเขียนเป็นแบบพรรณนา โดยเขียนให้สอดคล้องกับความมุ่งหมายของการวิจัย
5. ขอบเขตของการวิจัย (Scope and delimitation of the study) หมายถึง การกำหนดให้ชัดเจนว่าการวิจัยครั้งนี้จะกระทำกับใครหรือสิ่งใด ข้อจำกัดทางแนวคิดของการวิจัยนี้คืออะไร เพราะเหตุใด แบ่งออกได้เป็น
งานวิจัยเชิงปริมาณ: ประชากร (Population), กลุ่มตัวอย่าง (Sample) ตัวแปรที่ศึกษา (Variables) ประกอบด้วย ตัวแปรต้น (Independent Variable) และตัวแปรตาม (Dependent Variable)
งานวิจัยเชิงคุณภาพ: พลวิจัย
6. กรอบแนวคิดในการวิจัย (Conceptual framework) เป็นการนำเสนอความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัย อาจใช้การเขียนบรรยาย และใช้แผนภาพหรือแผนภูมิแสดงประกอบเพื่อให้ผู้อ่านได้เห็นความเชื่อมโยงต่างๆ ได้อย่างชัดเจน
7. นิยามศัพท์เฉพาะ (Definitions) คือ การกำหนดความหมายของคำสำคัญที่ใช้ในการวิจัย ซึ่งคำเหล่านี้มีความหมายเฉพาะในการวิจัยครั้งนี้อย่างไร โดยมีทั้งนิยามทั่วไป และนิยามเชิงปฏิบัติการเพื่อให้ผู้อ่านได้มีความเข้าใจตรงกัน
8. สมมุติฐานของการวิจัย (Research hypotheses) คือ ข้อความที่กำหนดความคาดหวังจากผลการวิจัยจะเป็นไปในลักษณะใด ตามเหตุผลจากเอกสาร และงานวิจัยที่ได้ค้นคว้ามา ผู้วิจัยต้องตรวจสอบสมมติฐานที่ตั้งขึ้น เพื่อค้นหาผลที่เกิดขึ้นอย่างเชื่อถือได้ในงานวิจัยของตน
9. เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง (Literature Review) หมายถึงการนำเสนอทฤษฎี แนวคิดต่างๆ จากเอกสารและงานวิจัยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ผู้วิจัยศึกษามาพอสังเขป อาจทำได้2 แนวทาง ซึ่งผู้วิจัยควรเลือกใช้แบบใดแบบหนึ่งเพื่อให้เอกสารมีความสอดคล้องในเรื่องของรูปแบบ ได้แก่
– นำเสนอเอกสารที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อต่าง ๆ แล้วจึงต่อด้วยงานวิจัยที่เกี่ยวข้องแยกออกมา
– นำเสนอเอกสารที่เกี่ยวข้องในแต่ละหัวข้อไปพร้อมกับงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนั้นๆ
10. วิธีดำเนินการวิจัย (Research Methodology) ควรประกอบด้วยขั้นตอนสำคัญๆ 4 ขั้นตอน ได้แก่
10.1 การกำหนดประชากรและการเลือกกลุ่มตัวอย่าง
10.2 การสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
10.3 การเก็บรวบรวมข้อมูล
10.4 การจัดกระทำ การวิเคราะห์ข้อมูล และสถิติที่เกี่ยวข้อง
11. แผนการดำเนินงานวิจัย (Research Plan) แสดงให้เห็นถึงระยะเวลาที่ผู้วิจัยคาดการณ์ว่าจะใช้ในแต่ละขั้นตอน โดยอาจทำมาในรูปแบบของตารางเวลา (Time table)
12. เอกสารอ้างอิง (Reference) เขียนตามรูปแบบที่แต่ละหน่วยงานกำหนด
.
ที่มา: เอกสารประกอบการเรียนรายวิชาสัมมนา ศูนย์วิทยาศาสตรศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ผมต้องขอบคุณอาจารย์ศูนย์วิทยาศาสตรศึกษามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒที่สั่งสอนพวกผมครับ