อ.อรรถพล สุวรรณโชติ อ.ภาทิพ ศรีสุทธิ์ |
นิราศลาแรมเรือนเหมือนปีก่อน | |
เก้าธันวาสี่เจ็ดระเห็จจร | ร่วมเร่ร่อนกับ "สังคม"สมใจจินต์ |
อ้อย โอ อรรถ จุ๋ม จิ วิสุทธ ฐา | ส่อย สุดา ปุ๊ย เพียง เคียงโผผิน |
สู่ภูเรือรับหนาวเคล้าลมริน | ณ แดนดินถิ่นเลยมิเคยมา |
เจ็ดวันหลายดวงใจจำใจจาก | ลูกขอฝากดวงใจให้รักษา |
"พ่อ ส.ธ." "ครูลำยอง" ครองศรัทธา | คุ้มกายาคนไกลคุ้มใจเธอ |
ถึงท่าข้ามข้ามท่าต้องลาก่อน | จิตอาวรณ์ยังพร่ำสม่ำเสมอ |
แม่ตาปีอิปันนั้นยังเจอ | อย่าให้เก้อขื่นขมด้วยลมลวง |
ถึงละแมเฝ้าชะแง้แต่แลมะ | เคยคิดจะสละพุทธที่สุดหวง |
เข้าสุหนัดตัดสวะมะเคยทวง | ยังหวงห่วงของรักจักน้อยใจ |
ถึงหลังสวนหวนคะนึงถึงมวลมิตร | เคยมอบจิตเจือมาคราสดใส |
ทั้งมังคุดทุเรียนแวะเวียนไป | หากวันนี้เหงาใจไม่เจอะเจอ |
ถึง"ตะโก"คิดถึงโกผู้โก้เก่ง | โกสั่งเร่งทุกงานที่ท่านเสนอ |
ฝ่ายกลุ่มงานขมีขมันทุกท่าน-เธอ | คอยชะเง้อห่วงหาแต่อาโก |
ถึง"สวี"ถิ่นเกิดประเสริฐนัก | ฝากข้อความถามทักแม่อักโข |
ด้วยเย็นย่ำคงพึมพำแต่พุทโธ | อยากจะโผหยอกล้อให้ท้อใจ |
เข้าเขตเมืองชุมพรตอนมุ้งมิ้ง | กอดหมอนอิงแทนคุณจะอุ่นไหม |
ขอพรพระคุ้มครองปกผองภัย | และส่งใจมาในหมอนตอนนิทรา |
คุณสาหร่าย หมายลิ้มชิมอาหาร | หลายรายการมุ่งมาดปรารถนา |
ซาละเปาทับหลีเขาตีตรา | กะเพาะปลากาแฟแหมเชิญชวน |
ผ่านทับสะแกแปลศัพท์ทับซะแก่ | แสลงแท้ อ.อรรถ ถนัดผวน |
ดูCD"คนเห็นผี" มีครางครวญ | ร้องไห้หวนวี้ดว้ายใกล้เที่ยงคืน |
เพชรบุรี-วงแหวนรอบนอก บอกทางผ่าน | มิอาจนอนฝันหวานด้วยขมขื่น |
เมื่อแข้งเข่าเข็ดแขนแสนกล้ำกลืน | มาสดชื่นยามเช้าเข้าอุทยาน ฯ |
ต่างกราบไหว้ร่ายมนตร์บนเจ้าพ่อ | สมหวังหนตามจิตอธิษฐาน |
"พ่อศรีเทพ"พระองค์จงประทาน | ให้ "อ.เพียง" พบพานเพียงรักแท้ |
ไก่บัวตองลองลิ้มชิมรสแซ่บ | ข้าวเหนียวแนบไก่ย่างต่างบอกแน่ |
อีกส้มตำแครอทซดกาแฟ | พออิ่มแปล้จุดหมายไร่กำนันจุล |
เข้าที่พักนามก้องของ โฆษิต | เพื่อนสนิทจองไว้ได้อบอุ่น |
ขึ้นรถเล็กยิ้มเกลื่อนเหมือนเคยคุ้น | ด้วยใบบุญ พี่ติ๋ม อิ่มไมตรี |
พระตำหนักเขาค้อของพ่อหลวง | ไทยทั้งปวงชื่นชมสมศักดิ์ศรี |
ต่างซาบซึ้งถึงพระบารมี | แล้วเร็วรี่ถ่ายภาพอาบรอยยิ้ม |
สี่แยกรื่นฤดีมีอาหาร | รับประทานผัดผักตักเต็มอิ่ม |
บร็อคโคลี่มากมายให้ได้ชิม | ดุกย่างจิ้มน้ำแจ่วแล้วจากลา |
หอสมุดนานาชาติดั่งวาดไว้ | เจดีย์ใหญ่สวยหรูดูสง่า |
กุหลาบงามหนามคมชมงามตา | หากใครมาก้าวล้ำจะลำเค็ญ |
อนุสรณ์รบสู้อยู่เขาค้อ | อนุสรณ์ส่อรอยร้าวเศร้าเมื่อเห็น |
ไทยฆ่าไทยนานเนิ่มเกินจำเป็น | กว่าไทยเย็นหย่อมหญ้าทาเลือดนอง |
ถึงพระธาตุกาญจนาฯ คนคลาคล่ำ | พุทธธรรมนำใจไทยทั้งผอง |
จุดเทียนธูปอธิษฐานพระธาตุทอง | บ้างลั่นฆ้องตีระฆังทั้ง จุ๋ม จี |
ถึงน้ำตกศรีดิษฐ์ติดเย็นย่ำ | หวั่นกลัวค่ำสิ้นแสงสุรีย์ศรี |
จึงจำใจอำลา ค้อคีรี | เวลามีวันหน้าค่อยมาเยือน |
ที่โฆษิตข้าวห่อรอเรารับ | หอมกลิ่นกับกะเพราะไก่ไม่อิดเอื้อน |
เพื่อพี่ติ๋มเผื่อแผ่แก่ผู้เยือน | ไม่แชเชือนเปิดกล่องเข้าห้องทาน |
ชวนพี่อรรถนัดย่องท่องคืนค่ำ | มาดื่มด่ำครื้นเครงกับเพลงหวาน |
ย้อนวันเกิดน้องเพียงแต่วันวาน | นักร้องขานไพเราะน้ำเซาะทราย |
ครั้นรุ่งเช้ารับไมตรีจากพี่แป๊ว | มอบไมตรีอีกแล้วทั้งเช้าสาย |
ทั้งกับข้าวกาแฟแผ่เรียงราย | อิ่มสบายเกินพอขอขอบคุณ |
ซื้อมะขามถามหานาฬิกาหาย | เพราะวุ่นวายการต่อขออุดหนุน |
ทั้งซ้ายขวาเลือกสรรกันชุลมุน | "โอ" พาวุ่นสูญค่า นากา แพง |
ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารถ | เราจึงอดเหล่พงพีดูสีแสง |
ขอยาลมแตะลิ้นก่อนสิ้นแรง | ความแข็งแกร่งลับลาพาเซซุน |
ลาเมืองมะขามตามหนาวราวลุ่มหลง | ด่านซ้ายตรงชิมไวน์ไร่องุ่น |
ชาโตเดอเลยแตะลิ้นกลิ่นละมุน | แต่ต้นทุนสูงค่ากว่าซื้อไป |
พระธาตุศรีสองรักมีรักสอง | นามนั้นพ้องเป็นตำนานเขาขานไข |
เป็นเรื่องรักสองด้าวคนลาวไทย | นครใหญ่สองฝั่งโขงโยงสัมพันธ์ |
|
|
ถนนสายดอกไม้มีหลายดอก | เด็กบ้านนอกตื่นตาดูน่าขัน |
ต้นคริสต์มาสขาวแดงแข่งสีกัน | สุดาพลันตั้งท่าหน้าอำเภอ |
รอรับแสงสุรีย์แต้มสีฟ้า | สีทองทาทาบสนบนภูหนาว |
ไข่แดงโผล่โชว์แสงแต่งฟ้าพราว | คนเหยียดยาวถ่ายรูปจูบฟากฟ้า |
ภูเรือสูงเสียดฟ้าหมอกคลาเคล้า | คนยังเฝ้ารอสุรีย์ที่สูงกว่า |
เฉกเช่นชนสูงต่ำเป็นธรรมดา | อย่าคิดค่าประมาณตนจนลืมตัว |
เรือมนุษย์สุดคะเนมีเหหัน | อาจพลิกผันจนมีดีหรือชั่ว |
ทะเลโหมโถมถลาจนน่ากลัว | ฟ้าสลัวหลังคลื่นก็ชื่นใจ |
ลาภูเรือใช่ว่าจะลาลับ | รอภูเรือต้อนรับกลับมาใหม่ |
มีคู่คิดชิดแนบแอบอุ่นไอ | อวดภูไพรแข่งดาวรับหนาวเอย |
ขอบคุณสำหรับดอกไม้ที่มอบมาค่ะ