สุนทรพจน์


ธ คือฉัตรทอง

สุนทรพจน์ ฉัตรทองอีสาน

กราบเรียนท่าน…..(ทักทาย แนะนำตนเอง) ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพคะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของพวกเรา ย่อมเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาญาณ มีสายพระเนตรที่ยาวไกล มีพระราชกรณียกิจที่หลากหลายเหลือคณานับ ดังเช่น พระราชกรณียกิจด้านการเกษตรและการยกระดับสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งประกอบไปด้วย เกษตรทฤษฎีใหม่ เศรษฐกิจพอเพียง พระราชกรณียกิจด้านการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พระราชกรณียกิจด้านการแพทย์และสาธารณสุข พระราชกรณียกิจด้านการศึกษา พระราชกรณียกิจด้านศาสนา พระราชกรณียกิจด้านความมั่นคงภายในประเทศ พระราชกรณียกิจด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พระราชกรณียกิจด้านศิลปวัฒนธรรม พระราชกรณียกิจด้านการกีฬา เป็นต้น และด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงได้รับพระราชสมัญญานามอย่างหลากหลายจากพสกนิกรของพระองค์ ดังที่พวกเราเคยได้ยินได้ฟังมาแล้ว อาทิ พ่อของแผ่นดิน พ่อหลวงของแผ่นดิน อัครศิลปิน พระบิดาฝนหลวง พระบิดานักประดิษฐ์ เป็นต้น นอกจากนี้พระองค์ยังได้รับสมัญญานามว่า ฉัตรทองของแผ่นดินถิ่นอีสาน อีกด้วย อันหมายถึง ผู้ที่ให้ความร่มเย็น ความอุดมสมบูรณ์อันไพศาลแก่พสกนิการชาวอีสานอย่างประมาณค่ามิได้นั่นเอง

พระองค์ทรงเหยียบย่างลงบนพื้นดินถิ่นอีสานครั้งแรก ในระหว่างวันที่ 20 – 22 พฤศจิกายน 2498 ที่บริเวณเทือกเขาภูพาน ท่ามกลางความแห้งแล้งทุรกันดารของภูมิภาค และความแร้นแค้นของประชาชน จากเหตุผลดังกล่าวทำให้พระองค์มีพระราชดำริที่ที่จะพัฒนาภาคอีสาน โดยยึดเอาบริเวณภูพาน ในเขตจังหวัดสกลนคร นครพนม และกาฬสินธุ์ เป็นแม่แบบ โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาเรื่องน้ำ ดิน ป่าไม้ และองค์ความรู้ พระองค์จึงตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานขึ้น มีการสร้างเขื่อน สร้างอ่างเก็บน้ำ สร้างฝายน้ำล้น เพื่อชะลอความชุ่มชื้นให้ผืนป่า และเพื่อการเกษตรของประชาชน จากพระอัจฉริยภาพของพระองค์ ก่อให้เกิดความอุดมสมบูรณ์และความสุขของอาณาประชาราษฎร์อย่างไม่เคยมีมาก่อน และศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานก็ได้กลายเป็นต้นแบบในการพัฒนาทั่วทั้งภาคอีสาน ส่งผลดีต่อพสกนิกรของพระองค์อย่างทั่วถึง ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า ในภูมิภาคอีสานนี้ ไม่มีที่ใดที่พระองค์ทอดพระเนตรข้ามไป พระองค์ทรงปลดเปลื้องความทุกยากลำบากของราษฎรอันเปรียบเสมือนลูก ๆ ของพระองค์ท่าน ด้วยพระวิริยะ อุตสาหะ พระเสโทหลั่งรินท่วมพระวรกายไม่ขาดสิ้นในห้วงเวลาที่ทรงงาน ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงเป็น ฉัตรทองของแผ่นดินถิ่นอีสาน อย่างแท้จริง 

ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพคะ จากที่ดิฉันกล่าวมาแล้วข้างต้น คือ พระราชดำริที่ทรงพระอัจฉริยภาพยากที่จะหาผู้ใดเสมอเหมือน ในกรณีพระราชจริยวัตรของพระองค์ก็งดงามยิ่งนักดุจกัน เวลาที่พระองค์มีพระราชปฏิสันฐานกับราษฎร พระองค์จะทรงคุกพระชานุหรือค้อมพระองค์ลงรับสั่งสอบถามความ เป็นอยู่และทุกข์สุขกับผู้สูงอายุหรือทรงประทับนั่งราบรับสั่งสอบถามพสกนิกร ผู้ยากไร้ ซึ่งนั่งพับเพียบกับพื้นดินอย่างไม่ทรงถือพระองค์ แม้ว่าพสกนิกรนั้นแต่งตัวไม่เรียบร้อย ไม่สวมเสื้อ นุ่งผ้าขาวม้า ตามสภาพความเป็นอยู่ที่แท้จริง ทรงได้รับทราบความทุกข์ยากแร้นแค้นลำเค็ญจากปากของราษฎรเหล่านั้นตามสภาพ ความเป็นจริง พระองค์ทรงมีพระราชจริยวัตรอัน งดงามอ่อนโยน และเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตา ทักทายสอบถามปัญหาความเป็นอยู่ ทรงรับทราบปัญหา และทรงรับการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาจากพสกนิกรที่เดินทางจากที่อยู่ห่างไกล ชุมนุมรอรับเสด็จฯ และชื่นชมพระบารมี ด้วยความปีติยินดีและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงห่วงใยต่อพสกนิกรของ พระองค์ท่านอย่างไม่ถือพระองค์ ไม่เลือกเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ชั้นชน สถานะทางสังคม ความเชื่อทางศาสนา เพศวัย หรือความพิการ นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงงานหนัก ตรากตรำพระวรกายท่ามกลางแสงแดดแผดร้อน สายฝนที่เย็นยะเยือกมีฉลองพระองค์กันฝนบ้างไม่มีบ้าง แม้ในยามค่ำคืน จากความงดงามทั้งพระราชดำริ และพระราชจริยวัตร ที่ยังประโยชน์แก่ราษฎรอย่างอเนกอนันต์ จึงเป็นการสมควรยิ่งแล้วที่พระองค์ท่านได้รับสมัญญานามว่า ฉัตรทองของแผ่นดินถิ่นอีสาน ทรงเป็นศรีเอกอัครจักรีวงศ์ ทรงธำรงไผทถิ่นอีสาน ทรงสร้างเขื่อนตรากตรำเพื่อลำธาร ทรงแต่งานนานเนาเพื่อชาวประชา พระจึงเป็นฉัตรทองอีสานถิ่น เห็นแก่ดินเห็นแก่น้ำเห็นแก่ป่า ให้แต่ความร่มเย็นเป็นต้นมา น้อมวันทาจงทรงพระเจริญเทอญ.

 ครูสว่าง ไชยสงค์ / ประพันธ์ 
หมายเลขบันทึก: 504214เขียนเมื่อ 1 ตุลาคม 2012 18:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 ตุลาคม 2012 18:22 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท