8. วีซ่าอเมริกา...สมหวังและผิดหวัง (2)


เวลาผ่านไป จนประมาณเก้าโมงเล็กน้อย หญิงสาวที่นั่งข้างผมลุกขึ้น กล่าวคำขอโทษผมเบาๆ แล้วเดินค้อมตัวผ่านผมไป ถึงคิวของเธอแล้ว

"เด็กหนุ่มสาวมาทำวีซ่าหลายคนเลยนะค่ะ" คุณผู้หญิงวัยกลางคนที่นั่งแถวหน้าหันมาชวนผมคุย

"ใช่ครับ" ผมตอบแล้วพูดต่อ "ผมเคยเห็นหนุ่มสาวไปเรียนและทำงานที่ลอสแองเจลิส หลายคนทีเดียว"

"อ้อ...ดิฉันก็เคยอยู่ลอสแองเจลิส" เธอบอกผมด้วยว่าอยู่นานแคไหน แต่ผมลืมแล้ว เธอพูดต่อว่า

"กำลังจะทำเรื่องขอกรีนการ์ด ก็พอดีคุณแม่ไม่สบาย ต้องกลับมาดูแลท่านอยู่หลายปี ตอนนี้ท่านหายแล้ว จะกลับไปอีก แต่วีซ่าหมดอายุ ต้องมาทำใหม่ ไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่า"

"ไม่น่ามีปัญหานะครับ เพราะเคยได้มาแล้ว" ผมปลอบใจเธอ และก็ปลอบใจตัวเองด้วย

เราหยุดการสนทนาสักพัก หญิงสาวที่นั่งข้างผมก็เดินออกมา เธอเดินอ้อมข้างหลังผมมานั่งที่เดิม

"เจ้าหน้าที่เขาชมว่าลายนิ้วมือหนูชัดเจนดี" เธอพูดยิ้มๆ หลังจากนั่งลงแล้ว

"อืม..เป็นนิมิตรหมายที่ดี" ผมให้กำลังใจ แล้วถามเธอว่า

"เมื่อกี้ เพียงไปพิมพ์ลายนิ้วมือเหรอ"

"ค่ะ แล้วก็เจ้าหน้าที่สอบถามรายละเอียดที่หนูกรอกลงแบบ DS-160 นิดหน่อย แล้วให้ออกมารอเรียกเข้าไปสัมภาษณ์อีกครั้งนะค่ะ" เธอตอบ

ไม่นานจากนั้น หมายเลขคิวของหญิงสาวก็ขึ้นโชว์อีกครั้ง เธอลุกขึ้นค้อมตัวเดินผ่านผมอีกรอบ และเพียงอึดใจ หมายเลขคิวของผมก็ขึ้น ให้พบเจ้าหน้าที่ช่องที่ 3

ผมผลักประตูเข้าไปห้องสัมภาษณ์เป็นครั้งที่สาม เดินผ่านหญิงสาวที่เข้ามาก่อน เธออยู่ช่องที่ 2 กำลังใช้ภาษาอังกฤษพูดกับเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์อย่างฉะฉานและชัดเจน

ผมเคาะประตูแล้วผลักเข้าไปในห้องหมายเลข 3 คราวนี้เจ้าหน้าที่เชิญนั่งและขอพาสปอร์ตผมทุกเล่ม เอกสารอื่นๆ เธอไม่รับ

เจ้าหน้าที่คนไทยเปิดดูพาสปอร์ตผมอย่างละเอียดและสอบถามเรื่องส่วนตัวของผมที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางไปอเมริกา อาทิ ไปมาแล้วกี่ครั้ง เมื่อไหร่ แต่ละครั้งอยู่กี่วัน

หลังจากนั้นก็ให้ผมพิมพ์ลายนิ้วมือ โดยเริ่มที่หัวแม่มือขวา แล้วนิ้วทั้งสี่ของมือขวา หัวแม่มือซ้าย สุดท้ายนิ้วทั้งสี่ของมือซ้าย ซึ่งก็ผ่านโดยกดนิ้วลงทีละครั้งเท่านั้น

ผมออกมาจากห้องพิมพ์ลายนิ้วมือ ก็ไม่เห็นหญิงสาวที่ยืนให้สัมภาษณ์หน้าช่องที่ 2 และผมก็เดินสวนกับคุณผู้หญิงวัยกลางคนที่นั่งแถวหน้า ซึ่งถึงคิวเข้าไปพิมพ์ลายนิ้วมือแล้ว เลยไม่ทราบว่าหญิงสาวคนนั้นเธอได้วีซ่าหรือไม่

ผมนั่งรอไม่นาน คิวเข้าสัมภาษณ์ก็โชว์ คิวที่ 10 ผมเดินเข้าไปสัมภาษณ์ก็สวนกับคุณผู้หญิงที่เข้าไปพิมพ์ลายนิ้วมืออีกครั้ง

ผมสัมภาษณ์ช่องที่ 2 ผู้สัมภาษณ์เป็นหนุ่มอเมริกันผิวสองสี อายุประมาณ สามสิบเศษ หน้าตาหล่อเหลาทีเดียว

"ภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษดีครับ" คำถามแรกจากเขา

"ภาษาไทยครับ" ผมตอบสั้นๆ

เขาพูดภาษาไทยได้ดีทีเดียว ชัดเจน แต่ก็มีบางคำที่เขาใช้ไทยปนอังกฤษ คงหาคำไทยไม่ทัน เราสนทนากันไม่น่าจะเกินห้านาที เอกสารที่ผมยื่นให้เขา เขาก็เพียงเปิดดูคร่าวๆ แทบไม่อ่าน คำพูดสุดท้ายเขาบอกว่า

"คุณรอรับวีซ่าภายในสามวัน" แล้วก้มหน้ารัวนิ้วมือลงบนแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ ผมขอบคุณเขาเป็นภาษาไทย พร้อมกับยกมือไหว้ ซึ่งผมนึกไว้แล้ว จะได้วีซ่าหรือไม่ได้ผมก็จะไหว้ขอบคุณเขาแบบไทยๆ แม้ว่าผมจะอายุมากกว่าเขาตั้งหลายสิบปี

เขาเงยหน้ายกมือไหว้ตอบผมแบบเก้ๆ กังๆ พร้อมด้วยรอยยิ้ม

ผมเดินออกมา คุณผู้หญิงถามผมว่าสัมภาษณ์กับใคร เป็นอย่างไร พอผมตอบว่า

"ผู้ชายครับ ใจดีมาก ให้ผมได้วีซ่าครับ"

เธอยกมือขึ้นพนมพร้อมกับกล่าวว่า "สาธุ..ขอให้ได้สัมภาษณ์กับผู้ชายคนนี้ด้วยเถิด"

ผมยิ้ม แล้วขอตัวออกไป เพราะผมต้องไปไปรษณีย์ที่ใกล้ที่สุดเพื่อขอซื้อซองใส่วีซ่า แล้วกลับมามอบให้เจ้าหน้าที่สถานกงสุลอเมริกา เพื่อดำเนินการจัดส่งวีซ่าให้ผมต่อไป

ผมใช้บริการรถสองแถวสีแดง นั่งจากหน้าสถานกงสุลไปที่ทำการไปรษณีย์เชียงใหม่ หรือที่ชาวเชียงใหม่เรียกว่า ไปรษณีย์ช้างม่อย ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก

การซื้อซองไปรษณีย์สำหรับส่งวีซ่า ไม่เหมือนซื้อซองจดหมายทั่วๆ ไปนะครับ ผมต้องกรอกใบคำร้องขอซื้อ และที่สำคัญคือ ต้องกรอกหมายเลขพาสปอร์ต ผมมีปัญหาทันที เพราะพาสปอร์ตผมอยู่สถานกงสุล เพื่อพิมพ์วีซ่า เอกสารที่มีหมายเลขพาสปอร์ต เช่น ใบนัดหมายสัมภาษณ์ ผมก็ทำมาชุดเดียวและอยู่สถานกงสุล จะขอเว้นไม่กรอก เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ก็ไม่ยอม ยืนยันว่าผมต้องกรอกให้ครบ

ผมนึกได้ว่า ใบ Confirmation ผมได้แนบไปกับอีเมล์ส่งให้ลูกสาวผม เพื่อปริ้นท์ให้ผม จึงโทรศัพท์ขอให้ลูกสาวดูหมายเลขพาสปอร์ตให้ ซึ่งโชคดีเธออยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์

ผมได้ซองจัดส่งพาสปอร์ตในราคา 70 บาท แล้วกรอกหน้าซองถึงตัวผมเอง พร้อมด้วยหมายเลขโทรศัพท์ ขึ้นรถสองแถวสีแดงกลับไปสถานกงสุล แล้วมอบให้เจ้าหน้าที่ เมื่อเวลาสิบโมงเศษๆ

ขณะนั่งรถ บขส. กลับกำแพงเพชร ผมนึกถึงใบหน้าและแววตาของเด็กสาวที่ไม่สมหวัง คำพูดและแววกังวลของเด็กสาวทีนั่งข้างๆ ผม และภาพการยกมือพนมของสตรีวัยกลางคน พร้อมกับความรู้สึกที่ผุดขึ้นมาว่า...

ทุกคนไม่อยากสูญเสียเงินจำนวนมาก แต่คงด้วยเหตุผลที่จำเป็น แม้ครั้งนี้บางคนอาจถูกปฏิเสธ ครั้งต่อไปขอให้สมหวัง....


หมายเลขบันทึก: 502451เขียนเมื่อ 16 กันยายน 2012 17:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 ตุลาคม 2015 15:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

 

ท่าน อจ.  ตกลงว่า....สมหวัง  หรือ  ผิดหวัง .... อยากรู้....เรื่องนี้...ต่อจัง คะ ... วันจันทร์ - วันศุกร์ ..... หมอเปิ้น...ต้องไป.... "ประชุมที่เชียงราย"  นะคะ... "แต่"  จะพยายาม...ติดตาม... ตอนต่อไปนะคะ  

 

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับ คุณหมอ ดร.เปิ้น Blank 

สมหวังครับ ฮ่า ฮ่า ขอบคุณนะครับ ที่ติดตาม 

ขอให้คุณหมอมีความสุขกับการ "ประชุมที่เชียงราย"  ตลอด 5 วัน หากมีเวลาก็แวะไปชม "บ้านดำ" ของอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี สวยมากครับ



อยากสมหวัง แบบท่านจังเลย อิจฉานิดนิด

สวัสดีครับ ครูอ้อย Blank

ผมมั่นใจมากว่า ครูอ้อยสมหวังแน่นอน ไม่ยากหรอกครับ โดยเฉพาะครู ผมหมายถึง "ครู" ทุกท่านเลยนะครับ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี แม้ว่าเงินในบัญชีอาจมีไม่มาก ผมก็เห็นผ่านทุกท่านเลยนะครับ

ไม่ต้องอิจฉาหรอกครับ....ครูอ้อยไปขอก็ได้วีซ่าแน่นอน

ขอบคุณที่เข้ามาทักทาย ให้กำลังใจครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท