วันก่อนได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรสอนเรื่องพฤติกรรมทางเพศที่เหมาะสมสำหรับเด็กนักเรียนหญิง ที่รร.แห่งหนึ่ง เรื่องแบบนี้ เราได้มีโอกาสไปสอนบ่อย ๆ และทุกครั้งที่ไป ก็มีความคิดอยู่ในใจเสมอว่า ยุคสมัยนี้มันช่างแตกต่างกับสมัยก่อนจริง ๆ และยิ่งได้ฟังความคิดเห็นของครูซึ่งอยู่กับเด็กวัยรุ่นทุกวัน เขาบอกว่า เด็กสมัยนี้น่ากลัวจริง ๆ ทั้งพฤติกรรมก้าวร้าว พฤติกรรมทางเพศ การแต่งกาย การพูดจาไม่เหมาะสม เราต้องยอมรับถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคนี้ เราซึ่งเป็นคน Gen X ยังพอยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนัก ก็รับรู้นะว่าเราอยู่ในสังคมแบบทุนนิยม บริโภคนิยม และเหยื่อที่น่าสงสารก็คือ พวกเด็กวัยรุ่นกลุ่มนี้แหละ เขาอยู่ในวัยอยากรู้ อยากลอง อยากทดสอบพลัง ฮอร์โมนเพศพุ่งแรง ยังไม่รู้เดียงสา ตัวพ่อแม่เองก็ไม่ค่อยมีเวลาใกล้ชิด สั่งสอน เพราะมัวแต่หาเงิน ให้เงินกับลูก ( เพื่อไปตอบสนองต่อระบบบริโภคนิยม ) แทนความรักให้กับลูก เวลาเราไปสอน เราก็ยึดหลักอยู่ไม่กี่ข้อ ก็คือ
1. ยอมรับว่าเขาอยู่ในวัยอยากรู้ อยากลอง เพื่อเราจะได้มีใจที่เปิดกว้าง มองเด็กกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่น่าสงสาร น่าช่วยเหลือ
2. มองว่าเขายังเป็นเด็ก ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เรามีหน้าที่ที่ต้องสอน ต้องบอก ด้วยความรัก ความหวังดี ด้วยตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมที่เขาจับต้องได้ ตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม บอกถึงผลเสีย ผลที่เกิดขึ้น
3. คิดว่าเพราะว่าเมื่อก่อนสังคมเราไม่ตระหนักเรื่องนี้ เลยไม่ได้สอนทำให้คนที่เป็นผู้ใหญ่ในวันนี้ ไม่ได้ ทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กเห็น ( เด็กก็เลยได้เห็นตัวอย่างที่ไม่ดี แล้วก็เลียนแบบไป ) ดังนั้น เราต้องสอนพวกนี้ก่อนที่เขาจะโตเป็นผู้ใหญ่
พอยึดหลักแบบนี้ได้แล้ว ใจเราจะเป็นบวก ใจเราก็จะมีความยินดีอยากถ่ายทอด อยากบอกเล่า มีแต่ความรัก ความหวังดี แล้วมันจะสื่อออกมาให้เขารับรู้ได้จากคำพูด ท่าทาง สีหน้า แววตา อันนี้จะส่งผลให้เกิดการเชื่อมต่อที่ดีระหว่างผู้สอนกับผู้เรียนได้ เรามั่นใจว่า น้อง ๆ ที่ฟังอยู่เขาจะสัมผัสได้ เมื่อเกิดความรู้สึกที่ดีต่อกัน ความผ่อนคลายก็เกิดขึ้น เมื่อเราบอกอะไร เล่าอะไรให้เขาฟัง เขาจะรับได้ เขาจะนำไปคิด ไตร่ตรอง และอาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมบางอย่างได้ เราเชื่อเช่นนั้น
ดังนั้น เนื้อหาที่เราสอน ก็จะออกมาในแนวคล้าย ๆ กัน คือเปิดภาพด้วยกิจกรรมผีเสื้อ และดอกไม้ ที่อยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน และหันหลังให้กัน เพื่อให้เขาได้ตระหนักว่า การใช้ชีวิตวัยรุ่นสมัยนี้ ให้รอดปลอดภัยก่อนเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ไม่ใช่เรื่องง่าย มีโอกาสพลาดพลั้งสูง ทั้งการเป็นเหยื่อต่อการบริโภคเกินความจำเป็น การเป็นเหยื่อของเพศตรงข้าม พอหลังจากนั้น ก็จะเปิดภาพด้วยถึงการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย จิตใจ และสังคมของวัยรุ่นตอนปลาย ว่าเป็นช่วงที่เกิดอะไรขึ้น ตามด้วยหัวข้อสำคัญ คือความคิดเรื่องเพศที่แตกต่างกันระหว่างชายหญิง เรื่องนี้สำคัญมากที่เราจะเน้นกับน้อง ๆ ว่า ผู้หญิงกับผู้ชายนี้คิดเรื่องเพศแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ผู้หญิงเรามองเรื่องการคบกับเพื่อนชาย ไปในทำนอง ความรัก ความอบอุ่น ความรู้สึกดีเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดกัน แต่ผู้ชายเขาคิดแต่เรื่องความใคร่ ซึ่งเป็นสภาวะที่อันตราย และเมื่ออยู่ใกล้ชิดกัน การจินตนาการเกี่ยวกับความรักก็ไปกันคนละทาง ซึ่งตรงนี้แหละที่ฝ่ายหญิงเราอาจตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายล่อแหลม เราจะมีภาพที่แสดงถึงผู้หญิงกับผู้ชายที่อยู่ในลักษณะต่าง ๆ แล้วให้น้อง ๆ ช่วยกันคิดวิเคราะห์ว่า ในภาพที่เห็นนั้นถ้าตนเป็นผู้ชายคิดอย่างไร ส่วนผู้หญิงคิดอย่างไร เขาก็จะตระหนักได้ว่า มันคิดต่างกัน และยิ่งถ้าการอบรม class ไหนที่มีผู้ชายร่วมด้วยยิ่งสนุก เพราะเขาจะได้รับรู้ความคิดของเพศตรงข้ามจริง ๆ พอสอนถึงตรงนี้ น้อง ๆ เขาจะพอมองเห็นความแตกต่างทางความคิด และสิ่งที่ต้องระวัง แล้วเราก็จะต่อด้วยหัวข้อสำคัญอีกอย่างคือ 5 ขั้นตอนก่อนเสียตัว เพื่อบอกถึงสถานการณ์ หรือปัจจัยอะไรที่จะทำให้เขามีโอกาสตกไปอยู่ในเหตุคับขัน เราบอกเขาว่า ไม่มีใครตั้งใจหรอกว่า วันนี้ฉันจะไปเสียตัว แต่มันก็มีโอกาสได้ถ้าเราไม่ได้ระวังตัวเองดีพอ ซึ่งเราก็เอาความรู้มาจากอ.หมอสุกมล วิภาวีพลกุล ที่เขียนไว้ในหนังสืออะไรจำชื่อไม่ได้แล้ว อ.บอกว่ามันจะมี 5 ขั้นก่อนก่อนเสียตัว ซึ่งเราต้องปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิด ดังนี้
หลังจากนั้นเราก็จะสอนทักษะการปฏิเสธ ถ้ามีเวลาก็จะให้น้อง ๆ ออกมาแสดงให้ดู
และสุดท้ายถ้ามีเวลามาก ๆ ก็จะสอนถึงเกี่ยวกับโรคทางเพศสัมพันธ์ให้รับรู้ ให้เห็นภาพถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น และในระหว่างนี้ก็จะแทรกเรื่องเล่าชีวิตจริงที่เกิดขึ้นว่า เมื่อมีปัญหาคนที่ต้องเผชิญกับปัญหาก็คือฝ่ายหญิงเท่านั้น
สุดท้ายนะเราจะย้ำมาก ๆ เลย ในการตั้งคำถามให้เขาคิดว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า เขาอยากเป็นอะไร เขาอยากเห็นตัวเองเป็นอะไร เป็นแม่คนที่นั่งเลี้ยงลูกอยู่กับบ้าน หรือเป็นแอร์โอสเตส เป็นผู้ใหญ่ที่ทำงานตามความฝัน ได้ท่องเที่ยวไปในที่ต่าง ๆ อย่างมีความสุข สิ่งนั้นจะเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับเราจะทำอย่างไรกับตัวเราในวันนี้ น้อง ๆ อาจจะมีความรักในวัยเรียนได้ แต่ต้องชัดเจนกับตัวเอง ตั้งใจมั่นกับตัวเองว่า จะไม่มีเรื่องเพศสัมพันธ์มาเกี่ยวข้องเด็ดขาด ถ้าฝ่ายชายไม่ OK ด้วย น้องก็ต้องมาพิจารณาแล้วว่าจะคบกับเขาต่อไปดีหรือไม่ จะมีความรักเพื่อความสุขเล็ก ๆ ให้ชุ่มฉ่ำหัวใจอย่างเดียวได้หรือไม่
เราเชื่อนะว่า จากสิ่งที่เราได้ถ่ายทอดไป จะต้องมีน้องบางคนที่กลับไปคิด ไปพิจารณา แล้วนำไปใช้เพื่อทำให้เขารู้เท่าทันกับความต้องการของตัวเอง และจัดการกับตัวเอง เพื่ออนาคตที่เขาฝันถึงได้ เราก็หวังว่าการไปสอนในวันนั้นจะทำให้สังคมของเรามีผู้ใหญ่ที่เป็นแบบอย่างการประพฤติตัวที่เหมาะสม และไม่เป็นตัวปัญหาให้กับสังคมเราในอนาคตต่อไป
สมบูลย์แบบ .... สวย .... ใส ...และต้องรู้เท่าความต้องการ "ของตนเอง" .... และ เข้าใจตนเอง ดีจังเลย นะคะ
ขอบคุณค่ะ