ผลการเลือกตั้งปรากฎว่านายเงียโจได้รับเลือกตั้งจากชาวบ้านให้เป็นผู้ใหญ่บ้านมีคะแนนเป็นอันดับหนึ่ง(จากผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งสิ้นจำนวน ๖ คน) และนายอำเภออุ้มผางได้ออกคำสั่งแต่งตั้งนายเงียโจ งามยิ่งดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ ๘ ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ตามคำสั่งอำเภออุ้มผางที่ ๗๓/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ หนังสือฉบับนี้นายเงียโจเล่าว่าเพิ่งได้รับภายหลังจากที่เกิดปัญหาขึ้นแล้ว
ภายหลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน นายเงียโจก็ได้ปฏิบัติหน้าที่ผู้ใหญ่บ้านเรื่อยมา แต่ปรากฎว่าทางอำเภอได้แจ้งให้นายเงียโจทราบว่าทางจังหวัดตากยังไม่ได้ออกหนังสือสำคัญการเป็นผู้ใหญ่บ้านแก่นายเงียโจ โดยให้เหตุผลว่านายเงียโจขาดคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้าน เนื่องจากนายเงียโจไม่ได้เป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิดตามมาตรา ๑๒(๑) แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่พระพุทธศักราช พ.ศ. ๒๔๕๗ ส่งผลต่อการรับค่าตอบแทน นอกจากนี้นายเงียโจกล่าวอีกว่า ตนเองมีความสงสัยว่าน่าจะมีบุคคลไปแจ้งกับทางราชการว่านายเงียโจเป็นบุคคลต่างด้าวทำให้เกิดปัญหาขัดข้องในการเข้ารับการดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านดังกล่าว ทั้งนี้ในการแจ้งเหตุขัดข้องดังกล่าวนั้น นายเงียโจอ้างว่าไม่ได้รับแจ้งเป็นเอกสารใดๆทั้งสิ้นนอกจากประเด็นเรื่องการออกหนังสือสำคัญการเป็นผู้ใหญ่บ้านที่ทางจังหวัดตากยังไม่ได้ออกให้นายเงียโจและประเด็นเรื่องการรับค่าตอบแทนที่ยังไม่ได้จ่ายให้แก่นายเงียโจจนถึงปัจจุบันนี้ซึ่งควรที่จะต้องสอบถามเหตุขัดข้องดังกล่าวต่อทางอำเภออุ้มผางและทางจังหวัดตากอีกครั้ง
ประเด็นสำคัญที่จะต้องพิจารณาอีกประเด็นหนึ่งก็คือเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านตามมาตรา ๑๒(๑) แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ ซึ่งได้วางหลักไว้ว่าผู้ที่จะได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านจะต้องเป็นผู้ที่มีสัญชาติไทยโดยการเกิด ข้อสำคัญจึงอยู่ที่ว่าโดยข้อเท็จจริงแล้วนายเงียโจเป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิดหรือไม่ อย่างไรตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติไทย โดยทั่วไปบุคคลที่จะได้สัญชาติไทยโดยการเกิดนั้นย่อมเป็นไปตามหลักสืบสายโลหิตและหลักดินแดน ทั้งนี้ปรากฎตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.๒๕๐๘(แก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ.๒๕๕๑) กล่าวคือ เป็นผู้ที่เกิดโดยบิดาหรือมารดาเป็นผู้มีสัญชาติไทย หรือเป็นผู้ที่เกิดในราชอาณาจักรไทยซึ่งไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา ๗ ทวิแห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.๒๕๐๘(แก้ไขเพิ่มเติมพ.ศ.๒๕๕๑)
จากการสอบถาม นายเงียโจเล่าว่านายเงียโจมีบิดาชื่อนายเงียซะ งามยิ่ง มีบัตรประจำตัวประชาชนขึ้นต้นด้วยเลข ๘ มารดาชื่อนางคำหล้า งามยิ่ง มีบัตรประจำตัวประชาชนขึ้นต้นด้วย เลข ๕ นายเงียโจเป็นบุตรชายคนโต มีน้องร่วมบิดามารดาเดียวกันอีก ๗ คน จากพยานหลักฐานที่เป็นสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของบุคคลในครอบครัวของนายเงียโจพบว่า นายเงียซะ นายเงียโจ และนายบุญดี(บุตรชายคนที่สองของนายเงียซะและนางคำหล้า)ถือบัตรประจำตัวประชาชนขึ้นต้นด้วยเลข ๘ ส่วนนางคำหล้าและลูกๆคนที่เหลือทั้งหมดถือบัตรประจำตัวประชาชนขึ้นต้นด้วยเลขเลข ๕
นายเงียโจเล่าต่อมาว่า สาเหตุที่บุคคลในครอบครัวของนายเงียถือบัตรประจำตัวประชาชนโดยมีเลขประจำตัวแบ่งเป็นสองกลุ่มเช่นนี้ เหตุผลก็คือ แต่เดิมนั้นทางอำเภออุ้มผางได้เข้าไปแจ้งให้ชาวบ้านในหมู่บ้านของนายเงียโจไปทำบัตรประจำตัวบุคคลบนพื้นที่สูงที่ทางตัวอำเภออุ้มผาง แต่เนื่องจากการคมนาคมจากหมู่บ้านของนายเงียโจไปยังตัวอำเภออุ้มผางนั้นมีความยากลำบากมากประกอบกับนางคำหล้ากำลังตั้งครรภ์บุตรชายคนเล็กด้วย ทั้งครอบครัวจึงมีแค่นายเงียซะ นายเงียโจ นายบุญดีเท่านั้นที่เดินทางออกจากหมู่บ้านมาทำบัตรประจำตัวบุคคลบนพื้นที่สูง(บัตรสีฟ้า) ส่วนนางคำหล้าและน้องคนอื่นๆนั้นไม่ได้เดินทางออกมาด้วย ทำให้มีนายเงียซะ นายเงียโจ นายบุญดีเท่านั้นที่มีเอกสารแสดงสถานะเป็นบุคคลพื้นที่สูง ต่อมาภายหลังราวปี พ.ศ.๒๕๔๗-๒๕๕๐ ทางอำเภออุ้มผางได้เข้าไปแจ้งให้คนในพื้นที่หมู่บ้านนายเงียโจให้มาทำบัตรประจำตัวประชาชนใหม่อีกครั้ง(มีความเป็นไปได้ว่าเป็นการสำรวจและลงรายการสัญชาติไทยในทะเบียนบ้านตามระเบียบสำนักทะเบียนกลางว่าด้วยการพิจารณาลงรายการสถานะบุคคลในทะเบียนราษฎรให้แก่บุคคลบนพื้นที่สูงพ.ศ.๒๕๔๓)นายเงียซะ นายเงียโจ นายบุญดีจึงได้รับการเพิ่มชื่อเข้าทะเบียนบ้านและมีบัตรปะจำตัวประชาชนขึ้นต้นด้วยเลข ๘ ส่วนนางคำหล้านั้นปรากฎพยานหลักฐานว่าบิดาและมารดาเป็นผู้มีสัญชาติไทยจึงยื่นคำร้องขอเพิ่มชื่อเข้าทะบียนบ้านและมีบัตรประจำตัวประชาชนขึ้นต้นด้วยเลข ๕ จากนั้นนางคำหล้าก็ขอเพิ่มชื่อบุตรทุกคนที่เหลือเข้าทะเบียนบ้านด้วยบุตรคนที่เหลือทั้งหมดมาได้จึงบัตรประจำตัวประชาชนเลข ๕ ในช่วงปีพ.ศ.๒๕๔๗-๒๕๕๐ เช่นเดียวกัน
พิจารณาในส่วนของกรณีของเงียโจนั้นปรากฎจากพยานเอกสารที่เกี่ยวข้องดังนี้
๑.สำเนาทะเบียนบ้านของนายเงียโจ งามยิ่ง
๒.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ระบุเลขประจำตัวประชาชน ๘ xxxx ๘๔xxx xx x
เมื่อพิจารณาจากสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนเราจะเห็นได้ว่า นายเงียโจ งามยิ่งมีบัตรประจำตัวประชาชน ขึ้นต้นด้วยเลข ๘ กลุ่ม ๘๔ สามารถวิเคราะห์ได้ว่านายเงียโจน่าจะได้รับการลงรายการสัญชาติไทยในทะเบียนตามระเบียบสำนักทะเบียนกลางว่าด้วยการพิจารณาลงรายการสถานะบุคคลในทะเบียนราษฎรให้แก่บุคคลบนพื้นที่สูงพ.ศ.๒๕๔๓ เนื่องจากเลขบัตรประจำตัวประชาชนหลักที่ ๑ คือเลข ๘ และเลขหลักที่หกและหลักที่เจ็ด เป็นเลข ๘๔ นั้นหมายความว่า นายเงียโจเป็นบุคคลบนพื้นที่สูงที่ได้รับลงรายการสัญชาติไทยในทะเบียนบ้านตามระเบียบสำนักทะเบียนกลางว่าด้วยการพิจารณาลงรายการสถานะบุคคลในทะเบียนราษฎรให้แก่บุคคลบนพื้นที่สูงพ.ศ.๒๕๔๓ โดยถือว่าเป็นผู้ที่มีบิดามารดาเกิดในประเทศไทย และถือว่าเป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิดด้วย
อย่างไรก็ตามสำเนาทะเบียนบ้านของนายเงียโจนั้นกลับแตกต่างจากสำเนาทะเบียนบ้านของน้องคนอื่นๆ กล่าวคือระบุสัญชาติของบิดามารดาของนายเงียโจว่าเป็นผู้มีสัญชาติกระเหรี่ยงทั้งที่น้องของนายเงียโจทุกคนมีสำเนาทะเบียนบ้านระบุว่ามีบิดาและมารดาเป็นผู้มีสัญชาติไทย นอกจากนี้ทะเบียนบ้านของนายเงียโจกับของน้องคนอื่นๆก็ใส่ชื่อบิดามารดาแตกต่างกัน กล่าวคือ ในสำเนาทะเบียนบ้านของนายเงียโจระบุบิดาชื่อ นาย เวียซะ ไม่มีเลขประจำตัวประชาชน สัญชาติกระเหรี่ยง มารดาชื่อนางคำละ ไม่มีเลขประจำตัวประชาชน สัญชาติกระเหรี่ยง ส่วนในทะเบียนบ้านของน้องๆของนายเงียโจทุกคนนั้นระบุมีบิดาชื่อนายเงียซะ สัญชาติไทย มารดาชื่อ นางคำหล้า สัญชาติไทย ในความเห็นส่วนตัวแล้วที่ทางจังหวัดอ้างว่านายเงียโจเป็นบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทยโดยการเกิดนั้นอาจเป็นเพราะการพิจารณาจากสำเนาทะเบียนบ้านของนายเงียโจ ทั้งที่เลขประจำตัวประชาชนของนายเงียโจนั้นได้ยืนยันแล้วว่านายเงียโจเป็นบุคคลบนพื้นที่สูงที่ได้รับลงรายการสัญชาติไทยในทะเบียนบ้านตามระเบียบสำนักทะเบียนกลางว่าด้วยการพิจารณาลงรายการสถานะบุคคลในทะเบียนราษฎรให้แก่บุคคลบนพื้นที่สูงพ.ศ.๒๕๔๓ โดยถือว่าเป็นผู้ที่มีบิดามารดาเกิดในประเทศไทย และถือว่าเป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิด ดังนั้นนายเงียโจย่อมไม่ขาดคุณสมบัติการลงสมัครเป็นผู้ใหญ่บ้าน ตามมาตรา๑๒(๑) แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่พระพุทธศักราช พ.ศ. ๒๔๕๗
จากการสอบถามทางอำเภออุ้มผางกล่าวว่าขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงทำหนังสือหารือไปที่ทางกระทรวง ซึ่งทางอำเภอรับว่าจะติดตามเรื่องดังกล่าวให้
เรื่องนี้ อ.แหววและอ.โด่งใช้สอนในเรื่องของสิทธิในการมีส่วนร่ามในวิชากฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลได้เลยค่ะ ขอบคุณมากที่เขียนบันทึกเรื่องนี้ค่ะ
จากการสอบถามปลัดท่านหนึ่งเมื่อวานนี้(๔ กันยายน ๒๕๕๕) กล่าวว่าตอนนี้เรื่องดังกล่าวได้เข้าสู่กระบวนพิจารณาของทางคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วครับ คงต้องติดตามความคืบหน้าในการทำความเห็นของกฤษฎีกาต่อไป ในระหว่างนี้นายเงียโจก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ ๘ ต.แม่จันอยู่ครับ เช่น การแจ้งเกิด การส่งชุดชรบ.เข้ารับการอบรมที่อำเภอ ปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่อีกอย่างที่นายเงียโจประสบอยู่ก็คือ นายเงียโจอ้างว่าไม่สามารถเสนอรายชื่อผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านได้ เพราะยังไม่มีการแต่งตั้งนายเงัยโจอย่างเป็นทางการ ถ้าหากมีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านก็จะได้มีคนช้วยแบ่งเบาภาระงานได้ครับ