อีกไม่นานเราคงเข้าสู่การเป้นประชาคมอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบในปี 2558 ในฐานะที่ตนเองเป็นประชาชนต้องพร้อมหาข้อมูล และช่องทางการอยู่รอดในวังคมที่เปิดกว้าง 10 ประเทศในเครือข่าย และการเป็นครูต้องสามารถที่จะชี้แนะแนวทางในการตระเตรียมเด็กๆ ให้เหมาะและพร้อมก้าวสู่อาเซียนอย่างมั่นใจ แต่มีอีกอย่างที่ยังไม่ค่อนมั่นใจเกี่ยวกับเสถียรภาพของไทยในด้านความปลอดภัยทางการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ที่ผมเข้าใจว่า e-Trust ไทยแน่ใจหรือว่าพร้อมแล้ว?
การโอนย้ายข้อมูลทางทะเบียนราษฎร์สมัยก่อนช้าก็จริง แต่พอดูสมัยนี้สิไวปรู๊ดๆ อันที่ว่าง่ายและรวดเร็วนั่นแหละอันตราย!! ถ้าเกิดข้อมูลของเราเกิดหลุดหรือถูก hack ไปอย่างตั้งใจหรือไม่ก็ดี นั่นคือ หายนะ!! (เล่าซะน่ากลัว)
ที่ว่าน่ากลัวนั่นก็คือ ระบบรักษาความปลอดภัยจากมือมืดที่มีในทุกสังคม electronic ที่แทบจะจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน (เว้นแต่จะกระทำการเสร็จสิ้นแล้ว) ดังนั้นรัฐและภาคเอกชนต้องมีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหา โดยพิจารณาจากประสบการณ์ของประเทศเพื่อนบ้านทั้งใกล้และไกล รวมถึงขาใหญ่อย่างอเมริกา ลองนึกถึงหนังสักเรื่องที่เป็นแนวสืบสวนสอบสวนสิ นั่นแหละ e-Trust ขนาดเขายังเท่านั้นเลย แล้วเราขนาดไหน ต้องวางแผนอย่างรัดกุมอย่างมาก
วิธีที่ง่ายสุด คือ การนำ Hacker นั่นแหละมาเป็นพลเมืองดีของรัฐ ให้เขาช่วยพัฒนาโปรแกรม ป้องกัน หาจุดอ่อน พัฒนาเป็นจุดแข็ง เพราะมือฉมังอย่างเขานั่นแหละรูลึกรู้จริงทุกช่องทาง อย่าปล่อยความฉลาดของเขาให้กลายเป็นภัยร้ายในสังคมเลย และที่สำคัญสังคมต้องคอย update ตนเองให้หลากหลายช่องทาง ประชากรต้องทราบและเข้าใจบทบาทของตนเอง อย่างอมืองอเท้ารอแต่เพียงภาครัฐมาช่วยอย่างเดียว เพราะจะเป็นง่อยนะจะบอกให้ ถามอีกครั้งว่าเราพร้อมกับโลกแห่งอิเล็กทรอนิกส์แล้วหรือยัง ถ้ายัง e-Trust ก็แค่นั้นเองจะไปมีค่าอะไร
สิ่งใดมีประโยชน์ อย่างอนันต์ สิ่งนั้นย่อมมีโทษ อย่างมหันต์....ทำอย่างไร เราจะรู้ว่าใครคือ hacker. (ผู้เก่งในกลโกง)...สวัสดีครับคุณครูสุวิทย์
ทำไมความคิดดีดีเช่นนี้จึงไม่มาจากนักวิชาการ หรือจากบุคคลากรของกระทรวงศึกษาฯ..มีข้อแม้ว่า..หนูตัวไหน..จะเอากระดิ่งไปแขวนคอแมว ?
กระดิ่งที่จะแขวนคอแมวได้นั้นต้องมีคุณค่าเพียงพอ แมวจะยอมโดยดุษณี