คำศัพท์ในภาษาไทยที่มาจากภาษาสันสกฤตและภาษาบาลีนั้นมีมาก คำเหล่านี้ เรามักเรียกว่า "คำยืม" ซึ่งเป็นศัพท์วิชาการ ที่เราแปลมาจากภาษาอังกฤษ "loan word" หรือ "borrowed word" ก็เรียก (แต่ไม่เห็นมีใครเรียกว่าคำกู้)
อันที่จริงไม่ได้ยืมอะไรหรอก แค่หยิบมาใช้ดื้อๆ และเมื่อนำมาใช้ ความหมาย รูปคำ หรือการออกเสียงย่อมแตกต่างไปจากภาษาเดิมบ้าง คล้ายบ้าง เหมือนบ้าง ฯลฯ
พยัญชนะไทยนั้นมีด้วยกัน 44 ตัว แต่บาลีมี 33 ตัว สันสกฤตมี 33/34 ตัว ของไทยเรามีมากกว่า และยังสามารถใช้เขียนแทนพยัญชนะบาลีและสันสกฤตได้ทุกตัว ด้วยเหตุนี้ โดยหลักการแล้ว การนำคำศัพท์บาลีและสันสกฤตมาใช้ในภาษาไทย เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรูปร่างอะไรเลย สามารถถ่ายทอดมาแบบตัวต่อตัวได้เลย
แต่ในความเป็นจริงมิใช่เช่นนั้น
อักษรบางตัวในภาษาสันสกฤตและภาษาบาลี เมื่อนำมาใช้ในภาษาไทย มักจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง โดยเฉพาะ อักษร ฏ ต และ ป จะกลายเป็น ฎ ด และ บ ตามลำดับ
ตรัยปิฏก ในภาษาสันสกฤต กลายเป็น ไตรปิฎก (ใช้ ฎ ชฎา)
ตาปส ตารา ตุษฏิ เตช ปัตร ไทยเราใช้ ดาบส ดารา ดุษฎี เดช บัตร
อักษร ฎ ด บ ในภาษาสันสกฤตและภาษาบาลีนั้นไม่มี
(หากไม่กลัวว่าจะสับสน ก็ขออธิบายเพิ่มเติมว่า แม้สันสกฤตไม่มีอักษร ฎ ด บ แต่มีเสียง ดอ และ บอ นั่นคือ อักษร ท และพ เช่น ทารก สันสกฤตออกเสียงว่า ดาระกะ, พาลา สันสกฤต ออกเสียงว่า บาลา)
ผู้ที่ศึกษาคำสันสกฤตในภาษาไทย เมื่อพบคำที่สะกดด้วย ฏ ด บ ซึ่งไม่มีในภาษาสันสกฤต พึงทราบว่า เป็นการเปลี่ยนรูปมาจากศัพท์เดิม ไม่ทราบว่าเหตุผลเพื่ออะไร แต่เข้าใจว่า เพราะต้องการเสียงในแบบของเรา แทนที่จะออกเสียงตามรูปอักษรว่า ดวงตารา ก็เป็น ดวงดารา หรือ แทนที่จะใช้ สมตุล ก็ปรับมาเป็น สมดุล ดูเหมือนเสียงนุ่มนวลกว่า (ที่ว่านุ่มนวลกว่า ไพเราะกว่านี้ เป็นเรื่องของรสนิยม แต่ละคนย่อมคิดไม่เหมือนกัน คนลาวอาจจะเรียกชื่อผมว่า ทะ-วัด-ไซ เพราะเสียงนุ่มนวลกว่า ทะ-วัด-ไช ก็เป็นได้)
ยังมีคำศัพท์มากมาย ที่ใช้อักษร ฏ ต ป ในภาษาไทย เช่น ตรรกะ, ปรปักษ์,
นอกจากอักษร ฏ ต ป แล้ว ไม่ค่อยปรากฏอักษรอื่นที่เปลี่ยนไป
อย่าลืมว่า มิใช่ทุกคำที่มีอักษร 3 ตัวนี้ แล้วจะต้องเปลี่ยนเป็น 3 ตัวนู้น นั่นคือ ไม่มีกฎที่ชัดเจน พูดแบบเข้าใจง่ายๆ ก็คือ เอาแน่นอนไม่ได้ ว่าเมื่อไรจะเปลี่ยน ฏ เป็น ฎ หรือ ต เป็น ด ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่เรานำศัพท์มาใช้ทั้งสองแบบ เช่น ปิตุลา บิตุลา, กุฏิ กุฎี, (ตาล)ปัตร, บัตร แต่คำศัพท์โดยทั่วไปมักจะมีแบบเดียว
สรุป คำศัพท์ภาษาสันสกฤต (และภาษาบาลี) เมื่อนำมาใช้ในภาษาไทย “บางครั้ง”มีการเปลี่ยนอักษรบางตัว เช่น "ฏ ต ป" เป็น "ฏ ด บ" ดังนั้น เมื่อต้องการค้นคำศัพท์เหล่านี้ในพจนานุกรม หรือศัพทานุกรมภาษาบาลีหรือภาษาสันสกฤต ก็อย่าลืม นึกไปถึงอักษรเดิม (คือ ฏ ต ป) เพราะภาษาบาลีและภาษาสันสกฤต ไม่มีอักษร ฎ ด และ บ หาเท่าไรก็ไม่เจอ...
- ชอบเรื่องภาษาที่ท่านเขียนมากเลยครับ
- เพราะมันเหมือนจะบอกเล่าลึก ๆ ว่า...
- เรามาได้อย่างไร...เราจะเป็นอะไรต่อไป...
- คล้าย ๆ แบบ ทฤษฎีวิวัฒนาการ (Evolution) ที่ผมเรียนมาเลยน่ะครับ
ชยพร แอคะรัจน์
สวัสดีครับ อ.ชยพร แอคะรัจน์
ขอบพระคุณมากครับ
ภาษาบาลีและภาษาสันสกฤตเป็นภาษาที่มีการเติมเสียงเพื่อสร้างคำเป็นหลัก
ทำให้เห็น "วิวัฒนาการ" ได้ง่าย
ถอดชิ้นส่วนข้างนอกออกเรื่อยๆ
ก็เห็นแกนหลักข้างในสุดของมันครับ ;)
อักษรเปลี่ยนใจ...เปลี่ยนไป...ตามวิวัฒนาการ...นะคะ
ขอบคุณค่ะ
...อักษร ฎ ด บ ในภาษาสันสกฤตและภาษาบาลีนั้นไม่มี...
I wonder if 'dana' (ทาน, ให้) or 'nidaana' (นิทาน) in Pali should 'more accurately' be ดะนะ (as in ดนุ/ทนุ~บำรุง).
We have a curious situation in Thai, the word 'บาล' (in Pali 'paala' means 'protect / guard') and the word 'พาล' (in Pali 'baala' means 'rogue / criminal') are really very different when 'spoken' in Thai and 'spoken in 'Pali' where they come from.
I can't think of an example with the letter 'ฎ'. One curious thing is Thai alphabet has a root in Buddhist Text (Pali) written in devagari script -- without this 'ฎ'--, so there must be Thai reasons for 'inventing ฎ' but what are Thai words with ฎ?
We use ฎ to write some 'Hindi' words eg. ชฎา [chada: (in cpds.) anything that covers; a veil. (m.)]. Can anyone tell us of other Thai words that spell with ฎ?
สวัสดีค่ะคุณครู
บันทึกนี้อ่านแล้วเข้าใจง่ายเชียวค่ะ แสดงว่าเริ่มมีพื้นฐานกับเขาบ้างแล้ว
ขอบคุณค่ะ :)
ทะ-วัด-ไซ เพราะเสียงนุ่มนวลกว่า ทะ-วัด-ไช
ลองอ่านออกเสียงแล้ว เสียงนุ่มกว่าจริง ๆ ค่ะ อาจารย์ทะวัดไซ
:-)