เรื่องราวที่อาจารย์ประมวลได้เอ่ยคุยกับอาจารย์ ถึงเนื้อหาทางปรัชญา ทั้งของพุทธ และฮินดู แนวทางของศาสนาต่าง ๆ สะท้อนถึง ความไร้รอยต่อ ไร้รอยแตกแยกของความแตกต่างแห่งศาสนา
หนูมานึกย้อนสะท้อนกับตนเอง ในใจของผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้ เบิกบาน ไม่ว่าจะ เรียกตนเอง นับถือศาสนาไหน ใจที่บริสุทธิ์ก็ถึงกันอย่างไร้ข้อขัดแย้ง
ในขณะเดียวกัน ผู้ที่ได้ชื่อว่า นับถือศาสนาเดียวกัน แต่ยังไม่ได้หลุดพ้นจากบ่วงของกิเลส หรือยังขัดเกลากิเลสได้ไม่หมดไปจากใจ
ไม่ว่าเรียกตนเองว่าอย่างไร ก็ยังปรากฏให้เห็น
ความไม่ลงรอย ความแปลกแยก หรือ แม้กระทั่งความแตกแยกให้เห็น
หากใครยอมรับได้ กับสิ่งต่าง ๆที่ปรากฏกับตนเอง
นั่นก็เป็นสัญญาณอันงดงามที่จะก้าวเดินพัฒนาขัดเกลาจิตใจตนเองต่อไป
แต่ถ้าไม่ยอมรับ กระฟัดกระเฟียด เหวี่ยง ก็ยังน่าสงสารอยู่ เพราะนั่นหมายถึงยังไม่รู้วิธีที่จะออกจากความทุกข์
หนูเองเป็นบ่อยมาก เวลาที่ครู ทุบกิเลส
แต่ใจหนูก็แปลก ขณะที่ครูทุบ มันมีความเจ็บปวดของตัวตนก็จริง
แต่ลึก ๆ มันเชื่อว่า แบบนี้แหละทางนี้แหละที่จะทำให้พ้นทุกข์ได้จริง
ลดละกิเลสได้เป็นปลิดทิ้ง
เพราะหนูยังทำเองไม่เป็น ครูท่านเมตตาจึงช่วยนำพา
เชื่ออย่างยิ่งว่า บนเส้นทางขัดเกลาจะทำให้ใจหนูผ่องใสไร้รอยต่อกับสิ่งต่าง ๆ
ตอนนี้ยังเห็นความแปลกแยก ยังไม่ต้องไปไกลถึงคนนับถือศาสนาอื่นหรอกค่ะ
แค่คนที่เจอ ๆ กันอยู่ หนูเองก็ยังมีความรู้สึกแปลกแยก
ก็เพียงดีกว่าที่ผ่าน ๆ มาหน่อย แต่ก็ยังต้องฝึกฝนขัดเกลาอีกมาก
จากเนื้อความต้นแบบงาม ๆ สั้น ๆ ของการพบกันของท่านอาจารย์ประมวลและอาจารย์คนแรกของท่าน
ใช้แล้ว + เห็นด้วยนะค่ะ "ใจบริสุทธิ ===> เป็นธรรม (ธรรมะ) พบความสุข สงบค่ะ
ขอบคุณบทความดีดีนี้นะคะ
ขอบพระคุณคุณsomsri. คะ ความไร้รอยต่อขอให้บังเกิด กับท่านนะคะ