รู้จักกันที่gotoknow.............วันสิ้นชีวิต


ไม่มีวันพรุ่งนี้อีกต่อไป

   ไม่ว่าที่ไหน เมื่อไหร่ ทุกคนก็มีวันสิ้นชีวิตกันทุกคน แม้จะเป็นเรื่องที่บอกว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่เกิดขึ้นครั้งใด ก็ทำให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างทุกที โดยเฉพาะในหมู่บ้านชุมชนที่ผู้เขียนปฏิบัติราชการอยู่ สถานีอนามัยมักต้องเข้าไปเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการตายเสมอ เพราะดูว่าจะเป็นคนที่คุ้นเคยกันทั้งสิ้น

 นอกจากความรู้สึกใจหายไปกับการตายของเขาด้วยแล้ว ความวุ่นวายภายใน 24ชั่วโมงนั้นมีแน่นอน ตั้งแต่ญาติต้องหาเงิน หารถไปบรรทุกโลงศพในเมือง อำเภอที่ผู้เขียนอยู่ก็ไม่มีร้านขายโรงเสียด้วย สิ่งที่ต้องทำรอระหว่างไปซื้อโลงศพ ซึ่งสำคัญมากในเวลานั้นก็คือ การฉีดฟอร์มาลินให้ศพ เพราะถ้าสิ้นชีวิตตอนบ่ายหรือเย็น ก็เป็นอันว่าพรุ่งนี้เช้าแหละจึงจะได้โลงศพมาใส่ ร้านขายยาเล็กๆในตัวอำเภอจะมีฟอร์มาลินขาย เป็นขวดๆละ450ซี.ซี.ศพหนึ่งใช้ประมาณ2-3ขวด โดยใช้ไซริงค์ 20 ซี.ซี.ฉีดเข้าช่องท้องและช่องอกของศพ เพราะอวัยวะภายในจะเน่าเร็ว แล้วก็ทำให้มีกลิ่น แม้จะช่วยได้บ้าง แต่ก็ไม่เหมือนปัจจุบัน ที่ใช้เครื่องแรงดันปั๊มเข้าเส้นเลือด

 ฟอร์มาลินกลิ่นแรง มีฤทธิ์ทำลายเนื้อเยื่ออ่อน ต้องใช้ผ้าคลุมหน้ามิดชิด สวมแว่นตา ใส่ถุงมือหลายๆชั้น เพราะถ้าฟอร์มาลินถูกมือหรือผิวหนังตรงนั้นจะมีลักษณะแข็งๆ หยิกไม่เจ็บ ต้องรอวันที่เซลล์นั้นหลุดล่วงแล้วเกิดใหม่จึงจะปกติ นานนับเดือนทีเดียว แต่หมออนามัยก็ปฏิเสธการฉีดยาให้ศพไม่ได้

 ญาติก็จะรู้สึกสบายใจว่าศพไม่เน่าอืดระหว่างรอโลงศพ เขาจะห่อศพด้วยผ้าห่มคลุมหัวด้วย ดูแล้วก็หวิวๆไม่อยากจะแลกันเลย จึงมักมีพวกเพื่อนบ้านดื่มเหล้าเมามาย อยู่เป็นเพื่อนศพ

  บางศพเมื่อสิ้นชีวิตแล้วมีความยุ่งยากซับซ้อนไปกว่านั้น เพราะญาติยากจนมาก เงินซื้อโลงก็ไม่มี หมออนามัยก็ต้องประสานงานขอโลงจากมูลนิธิการกุศลต่างๆในพื้นที่ ซึ่งก็จะดีมาก เขาจะกุลีกุจอไปบรรทุกโลงในเมืองมาให้ ก็เป็นโลงไม้ราคาไม่แพง ที่พวกเราชอบทำบุญโลงศพกันนั่นแหละ เขานำเงินที่รับบริจาคมาซื้อโลงไว้บริจาคคนที่ต้องการต่อไป แต่ถ้าญาติพอจะมีเงิน ก็จะไม่ชอบโลงฟรี เพราะสีน้ำตาลทึมๆ ไม่มีลวดลายใดๆดูแล้วสลดใจยังไงก็ไม่รู้ ดอกไม้ก็เอาหรีดดอกไม้แห้งจากทางวัดมาประดับให้ดูสดชื่นขึ้น เป็นการส่งท้ายกันในวาระสุดท้าย ที่ต้องจากกันในชาตินี้

  บางทีการได้ทำงานสงเคราะห์ชุมชนอย่างนี้ ก็ทำให้เรารู้สึกว่ามีคุณค่า เพราะเป็นที่พึ่งให้เขาได้บ้าง วันหนึ่งผู้เขียนได้กลับไปที่ชุมชนที่เคยปฏิบัติงานมา ชาวบ้านเข้ามาทักทาย แล้วก็เล่าเรื่องราวความหลังเหล่านี้ ให้ลูกหลานฟัง  ผู้เขียนฟังแล้วก็ระลึกย้อนหลังไปด้วยความสุขใจ

  เขาว่ากันว่าการเกิดเป็นวันที่เขาให้โอกาสเรามาสร้างคุณงามความดีในโลกนี้อีกครั้ง และการสิ้นชีวิตก็เป็นวันสรุปผลงานของชีวิตของแต่ละบุคคลด้วย เพราะชาตินี้จบสิ้นแล้ว จะดีหรือเลว ก็หมดเวลาไม่มีวันพรุ่งนี้อีกต่อไป

     แต่ผู้เขียนว่าวันเกิดและวันตายมีความหมายพอๆกัน เพราะเป็นวันที่หมู่ญาติรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบเราทั้งสองวันค่ะ

หมายเลขบันทึก: 499442เขียนเมื่อ 20 สิงหาคม 2012 18:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 สิงหาคม 2012 00:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (24)

เรื่องราวไม่สดใส แต่ได้บุญแรง ครับ

สวัสดีค่ะคุณครูชยันต์ ขอเรียกว่าคุณครูนะคะ รู้สึกอบอุ่นดี เป็นเรื่องจริงค่ะ ที่มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องนานหลายปี มาปัจจุบันก็ไม่ค่อยพบแล้ว แต่ยังมีให้ไปบอกทางคนใกล้ตายค่ะ แล้วจะบอกได้ดีไหมนี่ คราวที่แล้วก็จำทางไปไม่ได้เสียแล้วค่ะ

" เกิดและตาย" เป็นสัจจธรรม ที่ถูกยอมรับเพียงจิตใต้สำนึกมนุษย์..เราถูกครอบงำด้วยมายาที่จิตนึกนำพาไปกับเวลาที่มีชีวิตอยู่และจักถูกครอบงำ..จนถูกปลดปล่อย..ด้วยความ..ตาย..ซึ่งผู้อยู่นั้น"ไม่อาจสัมผัสได้เมื่อยังมีชีวิตอยู่ความลี้ลับนี้จึงถูกถ่ายทอดออกมาในรูปลักษณ์ต่างๆดังที่เห็น..แม้แต่สัตว์เป็นต้นว่า..ช้าง..มีหลักฐานจากการวิจัยว่าเป็นสัตว์ที่มี ความผูกพันธ์กับญาติผู้ตายเช่นเดียวกับมนุษย์...(ยายธี)

สวัสดีค่ะคุณยายธี วันก่อนเขียนเรื่องนี้แหละ แต่จู่ๆก็ลบหายหมดเลย วันนี้ลองเขียนอีกครั้ง โพสสำเร็จ แต่มันออกจะผิดเวลาไปหน่อยนะคะ ย่ำค่ำแบบนี้

สวัสดีค่ะคุณ ธ.วัชชัย ความเป็นชนบทดูจะมีเรื่องวุ่นว่ยทั้งเกิดและตาย แจ่เป็นความรู้สึกดีนะคะ อย่างน้อยทุกบ้านก็จะมาเยี่ยมเยียนกัน อบอุ่นไปอีกแบบนะคะ

สวัสดีค่ะคุณครูอ้อย แซ่เฮ ไปสุราษฎร์มาสนุกไหมคะ ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมบันทึก ขอให้คุณครูอ้อยมีความสุขทุกๆวันเลยนะคะ

สวัสดีค่ะพี่ชายชยพร เอาดอกไม้จากสวนมาให้ใช่หรือเปล่าคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ อ่านบันทึกนี้แล้วอย่าหลอนนะคะ

อ่านแล้วเกิดสำนึกรู้ - เกิดและตายเท่ากัน เพราะไม่มีทั้งเกิดและตาย หากแต่คือภาวะการเปลี่ยนผ่าน - ใครตายก่อนก็ไปเที่ยวยุโรปก่อน ใครตายหลังก็ได้ไปเที่ยวทีหลัง เมื่อยังไม่มีโอกาสไปเที่ยว ก็สะสมทรัพย์สมบัติเป็นพาหนะเดินทางไปยุโรปกันต่อไป :-) - นอนหงายนิ่งๆ ดูปลายเท้าของตนที่ยืดซื่อไปนั้น ไม่แตกต่างจากคนที่ตายเลยทีเดียว สิ่งที่อยากถามครับ - ชาวบ้านไม่ทำโลงกันเองหรือครับ -

หมออนามัยดูแลชาวบ้านตั้งแต่เกิดจนตาย..

สวัสดีค่ะคุณnmintra ขอบคุณค่ะที่ได้กรุณามามอบแนวคิดที่เป็นจริงแท้แน่นอน อ่านแล้วก็พลอยรู้สึกปลงตกตามไปด้วย ในหมู่บ้านไม่ถึงขั้นต่อโลงกันเองค่ะ อาจจะพอหาซื้อกันได้และอีกอย่างก็พอช่วยๆกันไปตามที่เล่าไว้ อีกอย่างช่างที่ทำ ไม้ อุปกรณ์ ความชำนาญ อาจจะยังไม่ถึงขั้นด้วยหรือเปล่า

สวัสดีค่ะน้องนงรัตน์ ถ้าใครเคยผ่านชีวิตหมออนามัยมา ก็ย่อมได้ประสบการณ์ใกล้เคียงกัน ปัจจุบันก็ดูแลตั้งแต่เกิดจนตายเหมือนกัน แต่ความสะดวกสบาย หรือยาก ลำบาก อาจไม่เทียบเท่ากันค่ะ

สวัสดีค่ะพี่เกษตรยะลา ไปปรากฏแต่Facebook ลืมน้องทางนี้หมดแล้วละมัง เห็นพี่มาแล้วดีใจมากๆค่ะ ขอบคุณอย่างยิ่ง

สวัสดีครับคุณหมอ อ่านบันทึกคุณหมอพักนี้ทำให้เห็นความตายเป็นของอยู่ใกล้ตัว เกิด ดับ อยู่ตลอดเวลา ครับคุณหมอ

สวัสดีค่ะคุณ พ.แจ่มจำรัส เพราะความตายเป็นสิ่งเดียวที่จะหยุดอะไรได้หลายๆอย่าง รวมทั้งสิ่งที่ยุ่งยากลำบากทั้งหลาย เพราะเรายังมีสิ่งที่ต้องพบเจอลำพังตัวเราคนเดียวอีก ชนิดที่เรียกใครช่วยไม่ได้ ความตายไม่ต้องค้นหา ประเดี๋ยวก็รู้เอง อย่ากลัว อย่ากังวล คิดว่าคุณ พ.แจ่มจำรัส เดินทางด้วยใจไปไกลกว่าที่คิดไว้แล้ว สาธุ สาธุ สาธุ นะคะ

สวัสดีค่ะคุณหมอ ป. การทำศพปัจจุบันดูสะดวกง่ายดาย ใช้เวลาไม่นานโลงสวยก็ต้อนรับแขกได้แล้ว หลายวันหลายคืนเท่าที่เราจะยินดีทำให้คนที่จากไปได้ สมัยก่อนเอาไว้นานไม่ค่อยได้ด้วยเหตุหลายประการ แต่มีการทำบุญระลึกถึงกันบ่อยมากเลยค่ะ ขอบคุณดอกไม้กำลังใจจากคุณหมอนะคะ

ธรรมะจากพระผู้รู้ - ฉบับที่ ๑๓๒ 
   

พระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช

งั้นหายใจได้ ยังหายใจได้อยู่ ภาวนา
อย่าทิ้งเปล่าๆ ตอนนี้แหละเป็นเวลารีบทำแต้ม
เวลาฉุกเฉินถ้ามันมาถึงวันข้างหน้า มาเมื่อไหร่เราไม่รู้ เราพร้อมแล้ว
จะอยู่หรือจะตายไม่สำคัญหรอก
อยู่เราก็อยู่อย่างคนมีสติมีปัญญา อยู่อย่างลูกพระพุทธเจ้า
ตายก็ตายอย่างสง่างามอย่างลูกพระพุทธเจ้านะ

สวนสันติธรรม
วันศุกร์ ที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๔

สาธุ อนุโมทนาด้วยครับคุณหมอ
เพิ่งมาได้อ่านวันนี้ เลยส่งมาให้  
ชีวิตเป็นของไม่แน่ครับ

สาััสดีคุณหมอรุ่ง วันนี้มาอยู่ที่พัทยาแล้วครับผม มีเวลาจะแวะไปเยี่ยม

อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณวิชญธรรม ขอขอบคุณที่ติดตามอ่านบันทึก และมอบดอกไม้กำลัง เรื่องราวที่ผ่านมาอาจช่วยให้เกิดการเรียนรู้พัฒนาในปัจจุบัน จึงตั้งใจนำมาบันทึกไว้ค่ะ

  • เป็นการทำงานที่ช่วยเหลือทั้งคนเป็นและคนตาย สร้างบุญกุศลให้กับตัวเองอย่างมากเลยค่ะ ระหว่างที่เรามีลมหายใจ การได้มีโอกาสทำงานลักษณะนี้เหมือนการสะสมเสบียงบุญเอาไว้ ตอนปิดท้ายชีวิต (ตามที่คุณหมอกล่าวมา) ก็เป็นการสรุปผลงานความดีของเราทั้งหมด ถึงตอนนั้น หากเราไปอย่างมีสติ เปลือกตาของเราคงเปิดสนิทลงอย่างละวางทุกสิ่งบนโลกใบนี้ไปโดยไม่มีอะไรติดค้างนะคะ  
  • สิ่งที่คุณหมอเล่าจะถือเอาเป็นบทเตือนใจตัวเองเพื่อให้วาระสุดท้ายของเราสงบ สันติ สุขค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะคุณคนบ้านไกล ขออนุโมทนาบุญกับธรรมยามเช้าวันนี้ คนกำลังจะเสียชีวิตนับลมหายใจแทบไม่ทัน ถ้าไม่เคยฝึกไว้ก่อนก็ทำยาก แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ก่อนลมหายใจสุดท้าย ลมหายใจจะช้าลงช่วงนี้น่าจะตั้งสติได้ ถ้าเคยฝึกหรือมีคนเตือนสติช่วงนั้น แต่น่าเสียดายการตายในอ้อมกอดไม่มีให้เห็นกันอีกแล้ว มีแต่นอนเดียวดายบนเตียงที่โรงพยาบาลเท่านั้น

สวัสดีค่ะคุณวอญ่า ยินดีต้อนรับสู่ชลบุรี และดีใจที่จะได้พบพี่น้องgotoknด้วย ได้ส่งรายละเอียดไปทางเมล์แล้ว และติดต่อกันนะคะ ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะคุณsila ขอบคุณ เราก็เหมือนนักเรียนของโลกนี้ สอบเก็บคะแนนกันตลอดเวลา วันจบการศึกษาก็คือวันสิ้นชีวิตเรานั่นเอง เราควรมีภาคปฏิบัติด้วย เช่นการการปล่อยวาง ต้องวางสิ่งที่สะเทือนอารมณ์มากๆ เช่นลงจากตำแหน่งบ้าง ยอมยุติเรื่องที่ต้องเอาคืนบ้าง อย่างนี้จะได้เรียนรู้ถึงฐานใจเลยค่ะ ว่าเป็นไงล่ะ ไหวไหม พอเวลาผ่านไป เราจะเกิดความปิติในความรู้สึกว่าผ่านสิ่งนั้นมาได้ ไม่ติดค้างน่ะมันโล่งจริงๆ

พี่รุ่งนอกจากจะขยันเขียน ยังขยันตอบทุกความคิดเห็นเลยนะค่ะ นับถือๆๆ น้องเลยตามมาอ่านมาเชียร์ทุกบันทึกเลยค่ะ

น้องนงรัตน์ พีคิดว่ามีคนนั่ง่ฟังพี่อยู่ แม้เพียงให้ดอกไม้ก็อยากคุยด้วยค่ะ เป็นความรู้สึกอบอุ่นมากๆ และทุกคนที่เข้ามาอ่านพี่ก็อยากคุยด้วย เพราะถือว่าเขาให้เกียรติเรา แต่ไม่ทราบจริงๆว่าใครบ้างเท่านั้นเอง เวลาเขียนไม่ออกก็มีนะคะ หยุดไปนานๆเลยก็มี ขอบคุณนะคะน้อง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท