ลีโอนาโด ดาร์วินซี (Leonardo da Vinci) เป็นชาวอิตาลี เขามีความคิดว่าการวาดภาพนั้นไม่ควรแสดงเพียงความเหมือนต้นแบบ แต่ควรแสดงอารมณ์ และความรู้สึกลึกๆ ในจิตใจของผู้ถูกวาดด้วย ดังนั้น จึงคิดต่อไปว่า เพียงแค่วาดภาพอวัยวะที่เห็นจากภายนอกคงไม่เพียงพอ แต่ต้องรู้ถึงการทำงานของมันด้วยจึงทำให้ต้องชำแหละดูเนื้อข้างในอย่างละเอียด
เมื่อลีโอนาโด เห็นชายชราคนหนึ่งกำลังจะตายในโรงพยาบาลที่ Florence เขาได้เขียนบันทึกว่า ต้องการจะชำแหละศพชายคนนี้ เพื่อหาสาเหตุการตาย และหลังจากที่ได้ผ่าศพ เขาก็พบว่า เส้นเลือดแดงของชายคนนั้นตีบมาก นี่คือการบรรยาย 2,000 คำที่กล่าวถึงอาการผนังหลอดโลหิตแดงแข็ง (atherosclerosis) เป็นครั้งแรกในวงการแพทย์ลีโอนาโด ยังได้บันทึกสภาพของตับชายคนนั้นว่าแห้งผาก แข็ง และซีด ซึ่งเป็นอาการของโรคตับแข็ง (cirrhosis)
นอกจากนี้ลีโอนาโด ยังได้มีการศึกษากายวิภาคของสัตว์โดยใช้หัวใจวัวที่มีโครงสร้างแตกต่างจากหัวใจคนเล็กน้อย และได้วาดภาพของช่องว่างในหัวใจ รวมถึงได้วิเคราะห์หน้าที่ของลิ้นหัวใจ อย่างละเอียด จากนั้นได้ออกแบบอุปกรณ์แสดงการทำงานของหัวใจ โดยใช้น้ำแทนโลหิต เพื่อศึกษาการไหลของเลือดในเส้นโลหิตแดงใหญ่ และพบว่ากระแสวนที่เกิดขึ้นมีบทบาทสำคัญในการปิดลิ้นหัวใจซึ่งองค์ความรู้นี้ได้รับการยืนยันว่าถูกต้องในปี 1912
ในปี 1543 เมื่ออันเดรียส เวซาเลียส เสนอผลงานเรื่อง “On the fabric of the human body” วิชากายวิภาคศาสตร์ก็ได้ถือกำเนิด ซึ่งถ้าลีดอนาโด ได้เผยแพร่ผลงานที่ตนทำก่อนเวซาเลียสร่วม 30 ปี เกียรติการเป็นบิดาของวิชากายวิภาคศาสตร์ ก็ต้องตกเป็นของลีโอนาโด โดยปริยาย ภาพวาดที่โด่งดังของ ลีโอนาโด เช่น Mona Lisa ได้เปลี่ยนโลกศิลปะ แต่ภาพวาดกายวิภาคศาสตร์ของลีโอนาโด กลับไม่มีใครเห็นในยุคนั้น
อ่านประกอบ:http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9550000098220
http://www.royalcollection.org.uk/exhibitions/leonardo-da-vinci-anatomist
video:http://www.youtube.com/watch?v=SdxEF51kY_4
ไม่มีความเห็น