มนุษย์เริมรู้จักการสร้างภูมีต้านทานมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์แล้ว เช่น กษัตริย์มิธริดาทีแห่งปอนทุส ป้องกันตนเองจากการถูกวางยาพิษด้วยการดื่มเลยที่เคยได้รับพิษในปริมาณน้อยๆมากก่อน หรือกว่า 2000 ปีที่ชาวจีนโบราณรู้จักการป้องกันไข้ทรพิษ โดยนำเข็มสะกิดตุ่มหนองของผู้ป่วย แล้วไปสะกิดผิวหนังของผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ การกระทำเช่นนี้เรียกว่า Variolation ซึ่งเข้าหลักเกณฑ์ทางการแพทย์สมัยปัจจุบัน กล่าวคือหากโรคใดถ้าเราสามารถเปลี่ยนวิธีการติดโรคใหม่ (mode of infection) ให้ผิดแปลกไปจากการติดโรคตามธรรมชาติ โรคที่เกิดมักจะมีระยะฟักตัวที่สั้น อาการ และดำเนินโรคมักจะอ่อนกว่าโรคที่เกิดเองตามธรรมชาติ และความรู้นี้ได้แพร่หลายออกไป
ในปัจจุบัน โรคที่ใช้วัคซีนป้องกันมีหลักๆ 12 โรค ได้แก่ ไข้ทรพิษ คอตีบ บาดทะยัก ไข้เหลือง ไอกรน หัด คางทูม หัดเยอรมัน ไข้ไทฟอยด์ (ไข้รากสาดน้อย) โปลิโอ พิษสุนัขบ้า และโรคติดเชื้อจาก Haemophilus influenzae type b
การพัฒนาวัคซีนในช่วงแรก
ในปี พ.ศ.2239 Edward Jenner พบว่าคนเลี้ยงวัวเมื่อติดโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษจากสัตว์แล้วจะไม่เป็นไข้ทรพิษอีก เขาจึงนำเอาหนองจากวัวไปสะกิดผิวหนังคนปกติ และเรียกหนองฝีวัวนั้นว่า Vaccine ที่มาจากคำว่า Vacca ที่แปลวัว ซึ่งต่อมาการปลูกฝีก็ได้เอาหนองฝีจากคนที่ปลูกฝีขึ้นไปปลูกให้ผู้อื่นต่อ แต่มีผลเสียเนื่องไม่มีวิธีการเก็บเชื้อไม่ให้เสื่อมคุณภาพ ทำให้เชื้อฝีดาษเป็นพันธุ์ที่คุ้นเคยกับคน ต่อมา Louis Plasteur ค้นพบวิธีการทำให้เชื้ออ่อนฤทธิ์ และ Joseph Lister เป็นบุคคลแรกที่นำ Antiseptic มาใช้ซึ่งนำไปสู่การผลิตวัคซีนชนิดเชื้อตาย ทำให้มีการผลิตวัคซีนชนิดเชื้อตายของโรคหลายชนิดในเวลาต่อมา เช่น โรคพิษสุนัขบ้า ไข้ไทฟอยด์ อหิวาตกโรค กาฬโรคและวัณโรค
ภาพที่ 1 Edward Jenner.(The Johns Hopkins University, Baltimore, MD.)
เป้าหมายสำคัญอีกอย่างหนึ่งของการพัฒนาวัคซีนในช่วงต้นคือ การป้องกันโรคคอตีบ ซึ่งเป็นโรคที่เชื้อเป็นพิษสูง ทำให้เกิดการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันทางลัดและการทำลายพิษของ toxin โดยใช้ formalin กลายเป็น toxoid ที่ใช้ป้องกันทั้งโรคคอตีบและบาดทะยักอย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อปีพ.ศ. 2474 Ernest William Goodpasture ศาสตราจารย์พยาธิวิทยาที่มหาวิทยาลัยแวนเตอร์บิลท์ พบว่าไข่ไก่ฟักเอาไว้ระยะเวลาต่างๆกันนั้นอาจนำมาใช้เป็นเซลล์ที่จะเลี้ยงเชื้อไวรัสได้หลายชนิด และปี พ.ศ. 2493 Frank Macfarlane Burnet แห่งนครเมลเบอร์น ได้ดัดแปลงวิธีให้เหมาะสมยิ่งขึ้น อันเป็นวิธีที่เรียกกันในปัจจุบันว่า “Chick embryo technique” โดยมีข้อที่ดีคือ ไข่ไก่ฟักหาง่าย ใช้ประโยชน์ได้กว้างขวาง ราคาถูกและไม่มีเชื้อโรคอื่นแฝงอยู่ ทำให้เกิดวัคซีนป้องกันไข้เหลือง คางทูม และไข้รากสาดใหญ่
การพัฒนาวัคซีนรุ่นที่ 2 ความรุดหน้าจากการใช้เซลล์เพาะ
เหตุการณ์ที่สำคัญอีกอันหนึ่งก็คือ ในปี พ.ศ. 2483 การที่ John Franklin Enders และคณะในสหรัฐอเมริกา ได้เพาะเลี้ยงไวรัสได้เป็นผลสำเร็จในเซลล์เพาะ (Cell culture) โดยเฉพาะอย่างยิ่งไวรัสโปลิโอในเซลล์เนื้อไตลิงที่เพาะไว้ในหลอดทดลอง เป็นการใช้เซลล์ชนิดอื่นที่ไม่ใช่เซลล์ประสาทมาเลี้ยงไวรัสโปลิโอ เป็นแนวทางนำไปสู่การผลิตวัคซีนป้องกันโรคระบาดที่สำคัญ
ภาพที่ 2 John Franklin Enders
การใช้เซลล์เพาะทำให้ประสบความสำเร็จในการแยกเชื้อไวรัสหลายชนิดในเวลาต่อมา เช่น ไวรัสหัด (2493), Adenovirus (2496), ไวรัสหัดเยอรมัน (2505), ไวรัสโรต้า (2516)
การพัฒนาวัคซีนรุ่นที่ 3 วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อแบคทีเรียชนิดใหม่ๆ
ได้แก่ วัคซีนจากโปรตีนและจากโพลีแซคคาไรด์ ของแบคทีเรีย วัคซีนรีคอมบิแนนท์ที่พัฒนาโดยกรรมวิธีพันธุวิศวกรรม อาทิเช่น
- วัคซีนป้องกันโรคไอกรน ที่ใช้เฉพาะส่วนที่เป็นแอนติเจนที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันโรคได้รับการจดทะเบียนในประเทศญี่ปุ่นมาตั้งแต่ในปี พ.ศ. 2524 แล้ว ซึ่งในปัจจุบันหลายประเทศได้ใช้วัคซีนชนิดนี้แทนชนิดเดิม
- ระหว่างปี พ.ศ. 2513-2523 ได้มีการพัฒนาวัคซีนจาก Polypeptide สำหรับการป้องกันโรคติดเชื้อแบคทีเรียอันได้แก่ เชื้อมินนิงโกคอคคัส นิวโมคอคคัส และฮิบ และเพื่อให้มีฤทธิ์ในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นจึงใช้กรรมวิธีรวมหรือคอนจูเกต Prepeptide เข้ากับโปรตีนหลายชนิด เช่น Tetanus toxoid เป็นต้น
และปี พ.ศ. 2520 มีแนวคิดที่จะรวมวัคซีนชนิดต่างๆไว้ในเข็มเดียวกันเพื่อความสะดวก เช่น วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-โปลิโอ(ชนิดฉีด), คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-ตับอักเสบเอ, คอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน-HIV-โปลิโอ เป็นต้น
_______. มปป. วัคซีนและซีรั่ม. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์อักษรสมัย.
_______. ตำราวิทยาวัคซีนว่าด้วยวัคซีนรุ่นใหม่. กรุงเทพฯ: บริษัท อัมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับบิชชิ่ง จำกัด (มหาชน).
ประเสริฐ ทองเจริญ. 2519. ประวัติการคิดค้นวัคซีน.ใน: ประเสริฐ ทองเจริญ, บรรณาธิการ. วัคซีนและซีรั่ม. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์อักษรสมัย.
ประเสริฐ ทองเจริญ. 2528. วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า จากอดีตจนถึงปัจจุบัน.ใน: ประเสริฐ ทองเจริญ,
ประเสริฐ ทองเจริญ. 2546. มหันตภัยอาวุธชีวภาพและอาวุธเคมี. กรุงเทพฯ: บจก. วิทยพัฒน์
ประวรรณ สุนทรสมัย. 2546. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับวัคซีน. ใน: พรรณี ปิติสุทธิธรรม, ชยันต์ พิเชียรสุนทร,
พรรณพิศ สุวรรณกูล และคณะ. 2547. การฉีดวัคซีนป้องกันโรคในประเทศไทย: ปัจจุบันสู่อนาคต. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: หจก. บี.บี.การพิมพ์และบรรจุภัณฑ์.
วีระชัย วัฒนวีรเดช และคณะ. 2555. คู่มือวัคซีน 2012-2013 และปัญหาที่พบบ่อย. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: บริษัท บียอนด์ เอ็นเทอร์ไพรซ์ จำกัด.
วรศักดิ์ โชติเลอศักดิ์ และคณะ. 2548. วัคซีนและโรคติดเชื้อที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: บริษัท ธนาเพรส จำกัด.
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสถาบัน ChangeFusion. 2549, 30 มิถุนายน. ประวัติศาสตร์วัคซีนที่สำคัญที่สำเร็จแล้ว. เข้าถึงได้จาก :http://www.doctor.or.th/clinic/detail/8261 (วันที่ค้นข้อมูล : 13 สิงหาคม 2555)
อุษา ทิสยากร. 2553. คุณค่าของวัคซีน.ใน : ชุษณา สวนกระต่าย, กมลวรรณ จุติวรกุล, บรรณาธิการ.
โอฬาร พรหมาลิขิต และคณะ. 2554. วัคซีน. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ บจก. นพชัยการพิมพ์
_______. Leadership in Medicine 2010. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Stanley A. Plotkin, MD, Walter A. Orenstein, MD and Paul A. Offit, MD, Vaccines 5th edition, Saunders, An Imprint of Elsevier, 2008
553070017-2 นศ.พ. ชนวิทู แผ่ไพลิน
553070049-9 นศ.พ. ปิติพงศ์ คงทวีศักดิ์
553070087-1 นศ.พ. นภัส ศรีฟ้า
553070020-3 นศ.พ. ชวลี ศรีหาญ
553070051-2 นศ.พ. ปิยะพร บ่อคำเกิด
553070077-4 นศ.พ. สิรภัทร ธนทรัพย์อำไพ
553070117-8 นศ.พ .ชยามรรค เสรีบวรธนศักดิ์
553070190-8 นศ.พ. รัตนาภา เกษรสมบัติ
553070177-0 นศ.พ. พิชามญชุ์ ตันสกุล
553070226-3 นศ.พ. อิสริยา เหมธุวนนท์
553070129-1 นศ.พ. ณัฐภัทร อุทัยวัฒนานนท์
553070170-4 นศ.พ. พรรณประกาย วิไธสง
553070109-7 นศ.พ. จักรเพชร อันทะเกต
553070213-2 นศ.พ. สุริยะ ชราศรี
553070120-9 นศ.พ. ฐิติพงศ์ ชัยเกษมสกุล
553070224-7 นศ.พ. อักษราภัค บรรจงปรุ
553070220-5 นศ.พ. อภินัทธ์ หาแก้ว
553070257-2 นศ.พ. ปัณณ์พัฒน์ เจริญจิรนาถ
553070231-0 นศ.พ. ต้องบุญ สถิตย์วัฒนวงศ์
553070242-5 นศ.พ. ปฏิภาณ ตรัสขจรมงคล
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดีค่ะ
วัคซีนมีที่มาอย่างนี้นี่เอง
กินยาพิษทีละน้อยๆ -[]- จุดกำเนิดของวัคซีน!
วัคซีนมีส่วนสำคัญในวงการแพทย์ ถ้าขาดวิ่งเหล่านี้ไปคงเกิดโรคระบาด และหาทางรักษาได้ยาก โชคดีจริงๆที่เรามีนักวิทยาศาสตร์เก่งๆหลายท่านมาช่วยแก้ปัญหา : D
ขอบคุณมากค่ะ ได้รู้ประวัติของบุคคลที่ทำประโยชน์ให้กับมวลมนุษย์ ;D
กว่าจะเป็นวัคซีน นี่ต้องพยายามกันมากเลยทีเดียว สุดยอด
ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ครับ โชคดีจริงๆที่มีคนคิดค้นวัคซีนขึ้นมา ทำให้ทุกวันนี้โรคอะไรๆก็รักษาได้ง่ายขึ้น
ที่มาของวัคซีนนี่สุดยอดอะ
โอ้โห สุดยอด ลึกซึ้ง เป็นมาอย่างนี้นี่เอง
ถ้าไม่มีวัคซีนนี่คงลำบากแน่ๆเลย
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีดีคับ
ขอบคุณผู้คิดค้นวัคซีนให้เราจริงๆ และคนทำให้ทราบข้อมูลดีแบบนี้ด้วย ดูจากแหล่งข้อมูลแล้ว ทุ่มเทมากค่ะ
ขอบคุณนะคะที่คิดสิ่งดีๆไว้ให้พวกเรา
ขอบคุนมากนะ กำััลังสงสัยเรื่องนี้อยุพอดีเลย
การฉีดวัคซีนถือว่าเป็นวิธีการป้องกันโรคได้ดีเลย :)
ถ้าไม่มีวัคซีน ลำบากแย่เลย ^^
อ่านแล้ว น่า ไปฉีดวัคซีนจิงๆ
วัคซีนนี่สำคัญมากเลย