สอนอย่างไรให้ลูก(หลาน)ศิษย์ อ่านหนังสือได้ 6 ชาตรี สำราญ


การเรียนการสอนที่ดีต้องสอนให้ผู้เรียน รู้วิธีการเรียนรู้ รู้วิธีคิดไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งและสร้างสรรค์ พร้อมกับนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของตนได้จริงๆ

สอนอย่างไร ให้ลูก(หลาน)ศิษย์

อ่านหนังสือได้ (6)

 

 

            คุณเชื่อไหมว่าเด็กๆ  นั้นพอเริ่มอ่านหนังสือออกเขียนหนังสือได้  เขาก็จะเริ่มอ่านเริ่มเขียนทันที  ตรงนี้แหละที่เราต้องการ  ผมเรียกว่าเด็กเริ่มพร้อมที่จะอ่านจะเขียน  ผึ้งก็เหมือนเด็กคนอื่นๆ  พออ่านเรื่องราวที่ผึ้งกับปู่ช่วยกันคิดเขียนปิดไว้ข้างฝาผนังมากเข้า  ผึ้งก็อยากอ่านหนังสือเล่ม  เช้าวันหนึ่งผึ้งหยิบหนังสือแบบเรียนภาษาไทยของกรมวิชาการ  กระทรวงศึกษาธิการ  มานั่งอ่านข้างๆ ผม 

            “ปู่คะ  อ่านว่าไงคะ”  ผึ้งชี้ที่รถไฟ  ผมบอกผึ้ง  ผึ้งอ่านเบาแล้วก็เริ่มสะกดคำอ่าน  ม-า-มา

 

                        รถไฟ

                        รถไฟ   มา

                        ตา        มา        รถไฟ

 

            แน่นอนในเมื่อตัวพยัญชนะ  สระ  และวรรณยุกต์  ผึ้งฝึกอ่าน  เขียนนอกเวลาเรียนเป็นเรื่องๆ  อยู่บ่อยๆ  ผึ้งจำสิ่งเหล่านั้นได้ถึงจะจำได้ไม่หมดทุกตัว  แต่พอผมชี้ให้ดูในแผนภูมิคำเหล่านั้น  ผึ้งจะรำลึกขึ้นมาได้

            พอผึ้งเริ่มอ่านหนังสือที่ปู่หยิบขึ้นมาสอนได้  ผึ้งก็มีกำลังอ่านและอ่าน  ช่วงนี้เองจะมีคำสะกดยากๆ  เช่น  นก  ตก  จน  คน  ซึ่งผมจะไม่สอนคำเขียน  คือสอนว่า  ค-น-คน  แต่ผมจะสอน  ค-โ-ะ-น-คน  แล้วเขียนให้ดูดังนี้  คโะน  พร้อมกับถามว่าอ่านยากไหม  ผึ้งหัวเราพร้อมกับบอกผมว่า  “ตัวอะไรก็ไม่รู้”  ทำเสียงแบบนักร้อง  เราหัวเราด้วยกันก่อนที่ผมจะบอกว่า  เขียนแล้วอ่านยากจึงดึงเอา  โ-ะ  ออกไปคงเหลือแต่  คน  คำอื่นๆ ก็เช่นกัน  แม้แต่คำ  นก  ตก  รก  ปก  ก็ใช้วิธีเดียวกัน  แล้วเราก็ฝึกอ่านสะกดคำเหล่านั้น

            คำว่า  วัน  ขัน  ปัน  บัน  ก็สอนในลักษณะเดียวกัน  คือ  ว-ะ-น-วัน  ถ้าเขียนก็จะได้  วะน  หรือ  วัน  ซึ่งทำให้เปลืองเนื้อที่และอ่านยากเลยลดลงเป็น  วัน  ฉัน  ขัน  ผมจะไม่บอกว่าเป็นสระลดรูป  สระเปลี่ยนรูป  เพราะยากเกินเด็กตัวน้อยๆ จะเข้าใจ

            ผมเองนั้นยอมรับอยู่อย่างหนึ่งว่า  สมัยเรียนหนังสือ  ผมไม่เข้าใจหลักภาษา  หรือไวยากรณ์  เพราะผมมองไม่เห็นภาพ  มีแต่ท่องจำ  และจำยากเพราะกฎเกณฑ์มากเหลือเกิน  แต่พอเป็นครูผมดูภาษาไทยเชิงวิเคราะห์คำ  ผมเห็นภาพในคำและเห็นคำในภาพ  ทำให้ผมเข้าใจภาษามากขึ้น  อ่านวรรณคดีแบบมีความสุขเพราะได้อรรถรสทางวิญญาณเข้าไปด้วย  หนังสือที่ผมอ่านแต่ละเล่มถ้ามีความแปลกใหม่กินใจผม  ผมจะบันทึกไว้แล้วนำมาพินิจพิจารณาหาทางใช้ให้เป็นประโยชน์

            การเรียนการสอนที่ดีต้องสอนให้ผู้เรียน  รู้วิธีการเรียนรู้  รู้วิธีคิดไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งและสร้างสรรค์  พร้อมกับนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันของตนได้จริงๆ  การเรียนที่นำมาใช้ในประโยชน์ในการเรียนรู้ได้จริงนั้นมีคุณค่าต่อผู้เรียนยิ่งนัก

            ผมสอนผึ้งแบบสบายๆ  ไม่มีแรงกดดันใดๆ  ทั้งสิ้น  ผมไม่ได้นำผลการเรียนของผึ้งไปเทียบกับใคร  ผมคอยให้ผึ้งประเมินผลการสอนของผมมากกว่า  ผมประเมินผลการเรียนของผึ้ง  เพราะเมื่อผึ้งอ่านออก  เขียนได้เพียงใดแสดงให้เห็นผลการสอนของผมเพียงนั้น  ผมเฝ้าดูผลการเรียนของผึ้ง  เพื่อนำมาพัฒนาการสอนของผม  มากกว่าดูผึ้งเพื่อตัดสินชะตากรรมของผึ้ง  ปู่หลานร่วมกันเรียนรู้วิธีสอนและวิธีเรียน

            เมื่อผึ้งอ่านหนังสือได้  ผมจะไม่ให้ผึ้งอ่านหนังสือเล่มเดียว  บทเรียน  แบบเรียนภาษาไทยของกระทรวงศึกษาธิการ  ไม่ใช่คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่ครูต้องยึดมาสอนเด็กตลอดปี  หนังสือแบบเรียนภาษาไทยเล่มหนึ่ง  เล่มสอง  ไม่ได้สอนวิธีการเรียนรู้ให้แก่เด็ก  ครูต้องสอนหนังสือหลายๆ เล่ม  เวลานักเรียนอ่านเรื่องใด  ครูจับประเด็นมาถามให้นักเรียนค้นหาคำตอบจากหนังสือหลายๆ เล่ม  เช่น  ชั้น ป.1  ถามให้นักเรียนค้นหาคำที่ประวิสรรชนีย์  เปิดโอกาสให้เด็กๆ  ค้นจากหนังสือหลายๆ เล่ม  เขาค้นเล่มใดให้จดชื่อหนังสือนำมาอ้างอิงแหล่งค้นคว้าด้วย  สิ่งนี้ผู้สอนต้องฝึกผู้เรียน

                        วิธีการเรียนรู้

                        แหล่งเรียนรู้

                        ความคิดสร้างสรรค์

                        และการนำประยุกต์ใช้

 

            คือ  เพชรของผู้เรียน  คือ  ขุมทรัพย์ทางปัญญาของผู้เรียน  เวลาผมให้ผึ้งอ่านหนังสือผมจะนั่งฟัง  มีช่วงใดที่ผมจะสามารถนำมาตั้งคำถามได้  ผมจะถามเช่น  ผึ้งอ่าน  ตา  มา  รถไฟ  ผมถามผึ้งว่า  “ถ้าตาไม่มากับรถไฟ  ตาจะมาหาผึ้งทางใดได้อีก”  ครับ  ผมต้องการให้ผึ้งคิดจากการอ่าน  เพื่อผึ้งอ่านแล้วได้คิด  ผึ้งตอบผมว่ามาทางเรือ  ทางรถยนต์  ทางเครื่องบิน  ทางรถจักรยานยนต์  ผมถามต่อไปว่า  “ถ้าปู่จะให้ผึ้งไปหาปู่ที่ยะลา  ผึ้งจะไปอย่างไร”  ผึ้งตอบผมว่า  “จะนั่งเครื่องบินไปหา  เพราะไม่เสียเวลา  ผึ้งจะทำงานเก็บเงินไว้แล้วนั่งเครื่องไปหาปู่”  คำตอบของเด็กน้อยซ่อนปริศนาให้คิดมากมาย  โดยเฉพาะผึ้งตอบแบบเฉพาะบอกได้ว่าทำไม  นั่นคือการตอบที่ไตร่ตรองแล้ว  คำตอบที่มีเหตุมีผลคือ  สิ่งที่เราต้องการให้เกิดขึ้นกับเด็กๆ  ในสยามประเทศทุกคน

            ผมจะใช้เวลาพูดคุยกับผึ้งมาก  พ่อแม่ของผึ้งก็จะให้เวลากับผึ้งมาก  เวลาผึ้งกับน้องใหม่ขัดใจกันทะเลาะกัน  พ่อแม่ของผึ้งให้ผึ้งคิดหาเหตุผลของความเป็นพี่สาวและน้องใหม่ต้องหาเหตุผลของความเป็นน้องสาว  เมื่อต่างคนต่างรู้เหตุรู้ผลดีแล้ว  (อารมณ์โกรธสงบ  อารมณ์ดีเข้าแทนทั้งคู่ก็จะเล่นกันต่อ)  นี่เป็นการสอนคนให้ก้าวสู่ความเป็นมนุษย์  เวลาผึ้งจะซื้อของเล่น  (ที่มีอยู่ก็มาก)  พ่อแม่ให้หาความจำเป็นบอกประโยชน์บอกเหตุผล  ถ้าสมเหตุสมผลก็จะซื้อ  แต่ตอนนี้เด็กทั้งสองชอบซื้อหนังสืออ่านมากกว่าของเล่นอื่นๆ 

            การเสวนากันแบบใช้เหตุผลค้นหาคำตอบเป็นการสร้างปัญญาให้เกิด  เพราะคำตอบจะได้มาต้องมีข้อมูล  ต้องหาเหตุผลหาข้อมูล  ได้ข้อมูลมาช่วยกันวิเคราะห์  สรุปเป็นข้อมูลความรู้  เสวนาต่อหาความเป็นไปได้สรุปเป็นความรู้  ทำบ่อยๆ  จนเป็นนิสัยปัญญาก็ย่อมเกิด 

            การสอนให้ผึ้งอ่านหนังสือแล้วมาสนทนากันนั้นจะต้องปล่อยให้ผึ้งอ่านจบเรื่องก่อน  ถ้าไม่จบเรื่องถือว่าขัดจังหวะ  ผึ้งไม่ชอบให้ใครขัดจังหวะเวลาอ่านหนังสือ  เมื่อผึ้งอ่านจบแล้ว  เรามานั่งคุยกัน  คำถามที่ขึ้นต้นด้วยทำไม  ส่งผลให้ผึ้งต้องใช้ความคิด

            “ทำไม  แม่ไก่สีแดง  ไม่ยอมให้เพื่อนกินขนมในตอนแรก”

            “ทำไมเพื่อนของแม่ไก่สีแดงจึงมาช่วยแม่ไก่ทำงาน”

            “เรื่องอย่างนี้ในบ้านเรามีไหม”

            “ใครบ้างเอ่ย  บางครั้งเป็นเหมือนแม่ไก่สีแดง  แต่บางครั้งเป็นเหมือนหมูกับแมวและเป็ด”

            คำถามชวนคิดทำให้ผึ้งต้องอ่านทวนซ้ำ  อ่านแล้วมาชวนปู่ให้ตั้งคำถามถามผึ้ง  ครับผึ้งชอบอ่านกับคิด  แต่ไม่ชอบเขียน 

 

รวบรวมจากหนังสือวารสาร สานปฏิรูป

อ่านเป็นเล่มได้ที่นี่ครับ https://docs.google.com/docume...


 

หมายเลขบันทึก: 498936เขียนเมื่อ 17 สิงหาคม 2012 08:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 ตุลาคม 2018 14:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท