หลังจากตอบคำถามแรกครูไปแล้วก็ล้มพับหลับไม่เป็นท่า ก็ขอโอกาสตอบคำถามที่สามต่อเจ้าค่ะ
ครูดีต่อติ๋วอย่างไร ตลอดระยะเวลาที่รู้จักครูมา ครูทำให้ชีวิตหนูก้าวออกจากความวุ่นวายและการปรุงแต่ง ก้าวออกจากความล่อลวงและมายาแห่งชีวิต ให้รู้จักหันมองความจริงยอมรับในตนเองกับสิ่งต่าง ๆที่เกิดขึ้น ครูเป็นผู้ให้โอกาสเสมอ แม้หลายเรื่องที่ดูให้อภัยได้ยาก ครูสอนทุกสิ่งอย่างทั้งการใช้ชีวิต สอนการภาวนาการปฏิบัติตัวต่อผู้คน สอนการทำงาน สอนเรื่องศีล เรื่องความเสียสละ สอนทั้งด้วยคำพูด การกระทำ แบบเป็นต้นแบบ เขียนมาถึงตรงนี้ข้างในก็บอกว่า
“ครูสอนเรื่อง ศีล สมาธิและก็ปัญญา” “ทาน ศีลและภาวนา”
แต่เป็นการสอนแบบพาทำ นำมาปฏิบัติ พัฒนาชีวิต
ถ้าแค่คิดว่าชีวิตนี้ไม่ได้เจอครู หนูคงเป็นเด็กผู้หญิงฟุ้งเฟ้อ เฟิร์ท ยั่วผู้ชายไปวัน ๆ หรือไม่ก็อาจจะพลาดไปทำผิดมหันต์ผิดศีลข้อสามได้อย่างไร้ยางอาย ไม่เห็นหัวพ่อแม่ ไม่กลับบ้าน สภาพคงจะเหมือนตัวอิจฉาในละคร
พอชีวิตได้เจอครูก็ค่อย ๆ มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น แต่ข้างในก็แย้งขึ้นมาเจ้าค่ะว่า “แต่มันช้า”
และบ่อยครั้งครูจะคอยล้อมรั้วไม่ให้ศิษย์นอกลู่นอกทาง
จะตอบแทนพระคุณครูอย่างไร เขียนมาถึงตรงนี้ทำไมหนูรู้สึกแย่กับตนเองจังเลยเจ้าค่ะ เหมือนมันไม่ค่อยมีสติ แต่ก็ต้องส่งงาน เห็นแต่ความแน่นและความขุ่น ท้อแท้กับความย่ำแย่ของตนเอง
ซึ่งเป็นเหตุปัจจัยที่สมควรให้ถูกทำโทษด้วยประการทั้งปวง
ตอนมีสติการทดแทนพระคุณครูแทบจะเป็นการมอบการถวายชีวิตรับใช้เต็มสติเต็มกำลังเจ้าค่ะ
แต่ทำไมตอนขาดสติ จิตมันขุ่นมัวมันแน่น มันต่อต้าน ไม่ศิโรราบ แล้วก็ยังรู้สึกเกลียดความรู้สึกนี้ของตนเอง รังเกียจตัวเองที่มีความรู้สึกแบบนี้ต่อครู หนูไม่อยากเป็นคนชั่วแต่ทำไมจิตใจมันเต็มไปด้วยอคติและความโกรธ
พอครูบอกซ้ายจิตใจหนูก็จะทำขวาจริงๆ ถ้าเขียนออกมาอย่างอื่นก็หลอกตัวเองเจ้าค่ะ
หนูจะรักครูไม่ได้เลยเหรอเจ้าค่ะ ทำไมจิตใจมันชั่วช้าได้ขนาดนี้ ชีวิตดีขึ้นมา ณ ทุกวันนี้ได้ เพราะมีครูคอยชี้นำโขกสับให้ไม่หลงทาง สำนึกในพระคุณไม่มี
กับหน้าที่อุปฐากครู ด้วยความคิดว่า อยากจะทดแทนพระคุณครู แต่พอมองย้อนเข้าไปในจิตใจ
“ไม่ใช่จิตใจของผู้อุปฐากจริงๆ”
มันเป็นก้อนถ่วงที่ไม่พึงปรารถนา
เขียนมาถึงตรงนี้ขึ้นไปอ่านทวน
นี่รึคือสิ่งที่ ใจตอนนี้มองเข้าไปเพื่อหาความดีที่ครูทำให้และวางแนวทางการทดแทนพระคุณ
ทำไมมันเต็มไปด้วยโทสะและความโกรธ ความกลัว ไม่มีความอ่อนโยนสักนิดในจิตใจ หนูโกรธแค้นอะไรนักหนา
ได้แต่บอกตนเองว่า “จะอดทนกับความชั่วในใจตนเองเจ้าค่ะครู”
และจะขอทดแทนพระคุณครู อย่างที่บทสวดได้บอกไว้ว่าขอมอบกายถวายชีวิต
ณ ตอนนี้มีความปรารถนาเพียง ขอออกจากความทุกข์ ความชั่วและความบีบคั้นทั้งปวงให้ได้ และเชื่อว่าชีวิตนี้ครูนำพาได้อย่างที่เคยนำพามา
ตัวชั่วในใจหนูไม่ค่อยจะยอมให้คิดดี เหมือนข้างในมันต้อสู้กันกับการเขียนบันทึกนี้
ครูเหนื่อยยากกับการสอนหนูมาก อดทนอดกลั้น ความเปลี่ยนแปลงของชีวิตนี้ที่เกิดขึ้นไม่น้อยเลยคนรอบข้างร่มเย็นและเป็นสุขมากขึ้น ด้วยเหตุที่หนูไประรานเขาน้อยลง และยังสามารถช่วยเหลือคนรอบข้างได้มากขึ้นอีก อย่างภาระทางครอบครัวจากที่เคยสร้างภาระมาบัดนี้ก็ช่วยได้ ถ้าเป็นก่อนหน้ารู้จักครูคงไม่แม้เพียงจะรับฟังเจ้าค่ะ
ปล. บันทึกที่เขียนไม่ได้ดูดีอย่างที่ใจหนูคิดแต่ก็สะท้อนสภาพจิตใจแท้ๆข้างในเจ้าค่ะ
ไม่มีความเห็น