ฆ่าพระ!
บทสัมภาษณ์ พระกิตติศักดิ์ กิตฺติโสภโณ โดยกองบรรณาธิการ ไทยโพสต์-แทบลอยด์
26 มิถุนายน 2548 กองบรรณาธิการ
บาปนรกครั้งล่าสุด ที่เกิดขึ้นโดยต้องสงสัยว่าอำนาจการเมืองมีส่วนพัวพัน
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">ไม่ใช่พระภาคใต้ ไม่ใช่โจรต่างศาสนา</span><span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">-อย่างที่ชอบเอามาปลุกระดม แต่เป็นโจรหลังบ้านนายกรัฐมนตรีที่เชียงใหม่นี่เอง - ที่ฆ่าได้แม้กระทั่งพระผู้ปฏิบัติธรรม ผู้ดำรงตนอย่างสงบ สมถะ อุทิศชีวิตเผยแพร่หลักธรรมของพระศาสนา ในแนวทางท่านพุทธทาส ที่นายกรัฐมนตรีเอามากล่าวอ้างบ่อยๆ นั่นเอง
</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">นี่จะเป็นการพิสูจน์อีกครั้ง ว่ากระบวนการยุติธรรมจะสามารถหาตัวคนผิดมาลงโทษได้หรือไม่ และจะสาวถึงตัวผู้บงการได้หรือไม่ มิใช่จับมือใครดมไม่ได้ หรือจับได้เพียงมือปืนแต่ไม่ถึงผู้จ้างวาน เช่นคดีเจริญ วัดอักษร หรือนักต่อสู้เพื่อสิทธิชุมชนเกือบยี่สิบศพที่ผ่านมา</span><span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">
</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">ที่ดินเพื่อศาสนา</span><span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">
</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"พวกเรารักที่นั่น มันมีสภาพหลายอย่างใกล้เคียงกับสวนโมกข์เมื่ออดีต สมัยที่ท่านอาจารย์พุทธทาสยังอยู่ มีลำธาร เราเพิ่งขุดให้ลึกลงแช่น้ำได้ กำลังปรับกัน กำลังเตรียมการกันว่าหลังจาก 100 ปีท่านพุทธทาส ปี 2549 พวกเราจะกลับไปที่นั่นแล้วทำให้เต็มที่ จะลดการเคลื่อนไหวทางการเมือง ถ้าไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญประเด็นที่ใหญ่จริงๆ จะลดลง เพราะเรารู้สึกว่าที่ผ่านมาหลายปีก็เหนื่อยกันมาก"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"ท่านเป็นกำลังสำคัญในการจัดทำเว็บไซต์ จัดทำวารสาร ที่ผ่านมาเราพยายามที่จะให้ท่านอยู่อย่างสะดวก ทำงานได้ ตรงไหนที่ท่านชอบเราก็พยายาม support ท่าน เราก็หวังว่าเสร็จ 100 ปีท่านอาจารย์พุทธทาส เราจะ move ทั้งหมด กลุ่มเสขิยธรรม มูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์ โครงการต่างๆ จะไปทำที่นั่น ติดต่อโลกภายนอกทางโทรศัพท์บ้าง ทางระบบออนไลน์ เว็บไซต์ เพราะมันสะดวก และมีบรรยากาศเอื้อต่อการปฏิบัติธรรม"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"แต่พอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก็เหมือนกับว่า ทุกอย่างมันต้อง set ใหม่หมด คือในแง่ของการเคลื่อนไหวทางการเมืองมันคงไม่อะไรหรอก แต่ในแง่ความเป็นนักบวช ชุมชนสังฆะ ชุมชนของความเป็นพระ เราอยู่กันมาตั้งแต่ปี 2536-2537 ที่สวนโมกข์ พอปี 2541 เรียกได้ว่าท่านสุพจน์กับอาตมาไม่เคยมีวันไหนที่ไม่ได้คุยกัน พวกเราอยู่กันแค่ 3-4 รูป มันเป็นอะไรที่มันมากไปกว่าเรื่องของงานหรือว่ามากไปกว่าแค่เพื่อนพระ... เป็นกัลยาณมิตร"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">พระกิตติศักดิ์ กิตติโสภโณ ประธานกลุ่มเสขิยธรรม นิ่งอึ้งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะเล่าให้ฟังว่าตามปกติ ที่สถานปฏิบัติธรรมจะมีพระอยู่ด้วยกัน </span><span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">3 รูปเท่านั้น คือ พระมหาเชิดชัย กวิว์โส, พระสุพจน์ และตัวท่านเอง แล้วก็มีโยมอุปัฏฐากอีกคนหนึ่งเป็นผู้ดูแลสถานที่ กับมีแรงงานรับจ้างมาอาศัยอยู่ 2 ครอบครัว
</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"ตอนแรกเลยพระย้ายมาจากสวนโมกข์ด้วยกัน 5 รูป แล้วบรรยากาศลักษณะอย่างนี้ ความกดดัน ทวีขึ้นๆ บางรูปท่านก็ย้ายออกไป บางรูปก็สิกขาลาเพศไป ก็เหลือ 3 รูป"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">เล่าย้อนให้ฟังตั้งแต่ต้นว่า ที่ดินของสถานปฏิบัติธรรม มีทั้งหมด </span><span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">700 กว่าไร่ เดิมทีเดียวมี 1,500 กว่าไร่ แต่ยกให้เป็นป่าชุมชนไป 800 ไร่เศษ ที่เหลือ 700 ไร่เศษ มีถนนระหว่างหมู่บ้านคั่นกลาง เขตที่ตั้งสถานปฏิบัติธรรมมี 200 ไร่เศษ ฝั่งตรงข้ามมี 500 ไร่ ทั้งหมดเป็นที่ดิน ส.ป.ก.ของพระอาจารย์สิงห์ทน นราสโภ (ดร.สิงห์ทน คำซาว) ซึ่งมอบให้อยู่ในความดูแลของสถานปฏิบัติธรรม โดยฝั่งที่ตั้งสถานปฏิบัติธรรม เป็นที่ดินมี นส.3 อยู่บางส่วน
</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">ที่ดินฝั่งตรงข้ามนี้แหละที่ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่กำลังจับจ้องตาเป็นมัน</span><span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">
</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"เดิมทีคิดกันไว้ว่าจะชวนคนหนุ่มคนสาว ชวนพี่น้องสมัชชาคนจนอะไรพวกนี้เข้ามาทำอะไรกัน ตอนแรกหวังว่าจะเป็นแปลงสมุนไพรเป็นแปลงเกษตรธรรมชาติ แต่ 3 ปีที่ผ่านมามันถูกเผาทุกปี ช่วงไหนเราเผลอจะมีคนเข้ามาเผามีคนเข้ามายิงปืน ใครไม่กล้าแตะ ชาวบ้านแถบนั้นนอกเหนือจากไปหาของป่าก็ไม่กล้าทำอะไร"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"เดิมมันเป็นที่ถือครองมือเปล่า ต่อมาอาจารย์สิงห์ทนท่านซื้อมาแล้วออก ส.ป.ก.ในชื่อคนงานบ้าง ชาวบ้านใกล้เคียงบ้าง เดี๋ยวนี้ก็เป็นที่ ส.ป.ก.อยู่ ที่มีหลักฐานเรา list เอาไว้ฟากนั้นแปลงใหญ่จริงๆ ก็ประมาณ 450 กว่าไร่ นอกนั้นเป็นปีกออกไป กลุ่มผู้มีอิทธิพลจู่ๆ มาตัดขายออกไปประมาณ 70 กว่าไร่"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">เอากันง่ายๆ อย่างนั้นเลยหรือ</span><span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">
</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"ใช่ ก็คือในช่วงนั้น ช่วงที่เขาจับโยมอุปัฏฐากไปซ้อม (นายไพบูลย์ เมืองสุวรรณ อดีตลูกศิษย์พระสิงห์ทน) แล้วก็ซ้อมคนงานที่เป็นปะหล่อง ระหว่างนั้นชาวบ้านก็กลัวหมด แจ้งตำรวจ ตำรวจก็ไม่รับแจ้งความ ก็อยู่ในช่วงที่มันสับสนอลหม่าน เราไม่รู้จะทำยังไง ระหว่างนั้นเขาตัดขายเลย เขาประกาศไปทั่วว่าเขาจะขายทั้งแปลงใหญ่ด้วย เพียงแต่ว่าหลังจากนั้นเราก็ทำจดหมายถึงนายกฯ ทักษิณฯ อาศัยโหนกระแสเข้าไป ตำรวจก็รับแจ้งความข้อหาบุกรุกข่มขู่"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"เราอยู่ในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าของที่ดินเดิม เราเป็นประธานกรรมการมูลนิธิเมตตาธรรมรักษ์เป็นผู้รับมอบอำนาจ มีรายละเอียดในหนังสือมอบอำนาจว่าให้เป็นไปเพื่อประโยชน์ในทางเผยแผ่ศาสนาเท่านั้น ไม่ใช่ว่าเราไปขัดขวางเขาเพราะเรามีผลประโยชน์อะไร แต่เพราะเจ้าของระบุชัด ที่น่าสนใจคือเจ้าหน้าที่พยายามจะบอกว่าการมอบให้ไม่มีความชัดเจน ไม่มีหลักฐาน แต่ว่าวันที่เจ้าของที่ดินมอบอำนาจ ก็ลงบันทึกประจำวันที่โรงพักฝางนั่นแหละ เป็นเอกสารเรียบร้อย มีลายลักษณ์อักษร พ.ต.ท.เกียรติศักดิ์ ฤทธิ์คำรบ เป็นคนบันทึก มีพยานมีหนังสือมอบอำนาจ แต่ประเด็นนี้มันถูกกลบออกไป ที่คนกำลังพูดตอนนี้คือพยายามดิสเครดิตว่าสถานปฏิบัติธรรมไม่ถูกต้อง พระไม่ถูกต้อง"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">แล้วตอนนี้พระอาจารย์สิงห์ทนท่านอยู่ที่ไหน</span><span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">? พระกิตติศักดิ์บอกว่าก็ยังตามหาท่านไม่เจอเหมือนกัน
</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นพระธรรมทูตในต่างประเทศ ประมาณปี 2544-2545 ที่เกิดเรื่องใหญ่ พระถูกฆ่าที่วัดพรหมคุณาราม อริโซนา พอผ่านไปช่วงหนึ่ง ไม่มีพระกล้าไปอยู่ท่านก็ไปเป็นเจ้าอาวาสที่นั่น ปัจจุบันไม่แน่ใจ เพราะหลังจากมอบที่ดินให้ท่านก็แทบจะไม่ติดต่ออะไรเลย พวกเราก็พยายามติดต่ออยู่ อยากให้ท่านมาให้ข้อมูลกับสังคมว่าเป็นยังไง แต่ก็ยังติดต่อไม่ได้ ท่านไปๆ มาๆ มาเมืองไทยชั่วคราว บางทีท่านก็ไปอินเดีย มีคนนิมนต์ท่าน"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">ย้อนเล่าให้ฟังว่า พระอาจารย์สิงห์ทนเมื่อก่อนเป็นพระปลัดของสมเด็จพระสังฆราชวัดโพธิ์ แต่มีเหตุต้องสึกออกไป จึงไปซื้อที่ดินทำการเกษตร แต่ต่อมาก็กลับมาบวชอีก เพราะเบื่อหน่ายชีวิตทางโลก จึงมอบที่ดินให้มูลนิธิเข้ามาดูแลดังกล่าว</span><span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">
</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"ก่อนที่ท่านจะไปทำการเกษตรที่เชียงใหม่นี่เดิมท่านเป็นพระปลัดของสมเด็จพระสังฆราชวัดโพธิ์ ปลัดซ้ายปลัดขวาคู่กับท่านกิตติวุฑโฒนี่แหละ ก็มีประเด็นที่ไม่ลงรอยกันอยู่ แล้วก็มีผู้จ้างวานคนทำร้ายร่างกายท่าน อาตมาเองก็ไม่ทันหรอกเหตุการณ์ แต่ได้ข่าวมา สุดท้ายท่านก็ลาสิกขา ญาติโยมก็รวบรวมเงินทองปัจจัยให้ท่านไปซื้อที่ดินที่นั่นตั้งแต่ปี 2523"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"ท่านลาสิกขาไปแล้วไปทำการเกษตร มีครอบครัว เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยด้วย พอถึงจุดหนึ่ง-ที่ท่านบอกนะ ท่านบอกว่าทำไปทำมามันก็เบื่อ นอนฝันเห็นตัวเองลุกขึ้นห่มจีวรทำวัตรเช้าอยู่เรื่อยๆ ท่านก็รู้สึกว่าถ้าเป็นอย่างนี้กลับมาบวชดีกว่า ท่านเลยตัดสินใจกลับมาบวช พอท่านกลับมาบวชท่านเคยมอบให้อาจารย์มหาวิทยาลัยแม่โจ้เข้ามาพัฒนา ท่านอยากจะให้เป็นแปลงเกษตรสาธิต ท่านมอบเงินให้ด้วย 3 ล้าน แต่อาจารย์ 2-3 คนที่เข้ามาทำไม่ประสบความสำเร็จ สุดท้ายเงินหมด ก็อนุญาตให้แม่ค้ารับซื้อลิ้นจี่เข้ามาเหมา ตอนนั้นยังเป็นสวนลิ้นจี่อยู่ พอตอนหลังแม่ค้าลิ้นจี่มีสามีอยู่ในแวดวง-ที่เขาว่านะ-เป็นพวกลูกน้องขุนส่า พออาจารย์สิงห์ทนได้ข่าวว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ก็เลยยกเลิก อาจารย์สิงห์ทนก็ติดต่ออาจารย์สุลักษณ์ (ศิวรักษ์) ซึ่งขณะนั้นกำลังคิดจะทำมหาวิทยาลัยทางเลือกเสมสิกขาลัย อยากจะมีพื้นที่แบบหมู่บ้านเด็กที่เมืองกาญจน์ อ.สุลักษณ์ก็รับ ท่านก็บอกว่าผมไปทำอะไรที่ไหนต้องมีพระนำ พอดีพวกเรากำลังจะย้ายออกจากสวนโมกข์ ท่านก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นนิมนต์มาอยู่ที่นั่น ท่านถาม อ.สิงห์ทนว่าตกลงไหมถ้าจะมีพระจากสวนโมกข์มาอยู่ อ.สิงห์ทนตกลง พวกเราก็ไปอยู่ที่นั่นกัน"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">นั่นเป็นเหตุการณ์เมื่อปี </span><span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">2541 ที่พระกิตติศักดิ์ พระสุพจน์ พระมหาเชิดชัย และเพื่อนพระอีก 2 รูปย้ายมาตั้งสถานปฏิบัติธรรมอยู่ที่สวนเมตตาธรรม บ้านห้วยงู หมู่ 5 ตำบลสันทราย อำเภอฝาง
</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">บอกว่าตอนนั้นเป็นการมอบอำนาจด้วยวาจา เพิ่งมาทำเป็นลายลักษณ์อักษรเมื่อปี </span><span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">2544 ที่ตั้งมูลนิธิเสร็จ
</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"อาตมาเป็นประธานกรรมการมูลนิธิ อ.สุลักษณ์เป็นประธานคนแรก คนต่อมาก็เป็นอาจารย์ มช.ชื่ออาจารย์เครือมาศ อาตมาเป็นประธานมูลนิธิคนที่ 3"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">หลังจากมอบที่ดินให้แล้วอาจารย์สิงห์ทนก็แทบไม่ติดต่อมาดังที่บอก</span><span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">
</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ยกให้มูลนิธิเป็นกิจจะลักษณะ ท่านบอกว่าสะดวกเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน แต่เราก็ไม่ได้ติดใจอะไร ท่านมอบอำนาจให้ดูแลให้จัดการ ถ้ามีผลประโยชน์อะไรขึ้นมาเนื่องจากที่ดินนี้ก็ถือว่าให้ใช้เพื่อการเผยแผ่พุทธศาสนา"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">บอกว่าครอบครัวอาจารย์ก็เป็นคหบดี </span><span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"ท่านมีภรรยา มีลูก ลูกสาวคนโตเพิ่งจบปริญญา ภรรยาท่านรู้สึกจะเป็นหมอ เป็นคหบดีทางนครปฐม ก็ไม่ได้มาสนใจอะไร เขามีที่ดิน นส.3 ในเชียงใหม่ นครปฐมเยอะ คงเป็นที่เล็กน้อยสำหรับเขา เราก็ไม่รู้เหมือนกัน"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">อิทธิพลแย่งยึด</span><span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">
</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"ชาวบ้านถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นี้ ถ้ายังอยู่ปกติ คุณไปถามชาวบ้านจะบอกได้หมดว่าใครพยายามจะเอาที่ดินตรงนี้ คนนี้เป็นน้องใคร คนนี้ใครหนุนหลัง คนที่เข้ามาพยายามทำนั่นทำนี่บ้านมันอยู่ไหน ชาวบ้านเขารู้หมด เพียงแต่ถึงตอนนี้ชาวบ้านจะกล้าพูดหรือเปล่า อาตมาว่าไม่กล้า เพราะบางคนต้องย้ายครอบครัวออกเลย คนที่อยู่ใกล้ๆ เขากลัวว่าจะถูกปิดปาก เพราะพื้นที่ตรงนั้นมันไกลปืนเที่ยง"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"พูดง่ายๆ ว่าคนที่เกี่ยวข้องบางคนก่อนจะมีชื่อเสียง มันค้าอาวุธตามแนวชายแดน มีบ่อน อันนี้ชาวบ้านรู้กันเป็นปกติ เพราะเมืองชายแดนคนที่ทำอะไรพวกนี้ไม่มีทางที่ชาวบ้านจะไม่รู้ เขาบอกได้หมด เพราะฉะนั้นไม่ใช่ความลับเลย จริงๆ แล้วที่เจ้าหน้าที่บอกว่าจะต้องใช้เวลาคลำหาอะไรต่างๆ ถ้าเจ้าหน้าที่สร้างความมั่นใจให้กับชาวบ้าน จะได้ข้อมูลมหาศาล บอกได้หมด มาวันไหนยังไงชาวบ้านเป็นคนมาบอกเราทุกครั้ง บางทีมาบอกว่านี่ไม่รู้จะทำยังไงแล้วมันเผาตรงนั้นอีกแล้ว ล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว เกือบ 40 ไร่ที่เป็นสวนลิ้นจี่เก่าอยู่ในนั้นโซนหนึ่ง เผาหมดเลย แสดงอิทธิฤทธิ์จุดไฟเผา คนจะมาช่วยดับไฟก็ยิงปืนขึ้นฟ้า หมดไปโซนหนึ่ง พวกเราก็ยังพูดกัน ก็โอเคหมดตรงนั้นไปก็จะฟื้นสมุนไพร ก็อนุญาตให้ชนเผ่าปะหล่องมาทำข้าวไร่ ตอนนี้ไม่รู้พวกปะหล่องจะได้ทำต่อหรือเปล่า คงไม่กล้า"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"ข่าวที่ออกไปบอกว่าพระไม่เคยมีกิจกรรมร่วมกับชุมชน ไปดูได้เลยว่าที่เขามาทำข้าวไร่กันเราบอกด้วยซ้ำไปว่าทางมูลนิธิจะรับซื้อข้าวที่เขาทำ ให้ที่ดินให้ทำ แล้วให้คนงานช่วยด้วย เพราะพวกเราอยากได้ข้าวที่ปลอดสารเคมี"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">การคุกคามหมายยึดครองที่ดินเริ่มต้นมาตั้งแต่พระไปอยู่ได้ช่วงหนึ่ง</span><span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">
</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"เงื่อนหนึ่งที่สำคัญก็คือว่าตัวคนที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด หลังจากที่พวกเราไปอยู่ได้ระยะหนึ่ง คนนี้มาถูกจับยาเสพติดที่เพชรบูรณ์ ปัจจุบันศาลพิพากษาประหารชีวิต รอคิวอยู่ พอคนนี้ถูกจับมันเกิดสุญญากาศ พวกที่เกี่ยวข้องในแวดวงของเขา ซึ่งก็เป็นพวกอยู่ในอำเภอฝางนั่นแหละ ก็พยายามจะเข้ามาเทกโอเวอร์ที่นั่นอีกครั้งหนึ่ง อันนี้เป็นครั้งแรกๆ ที่เข้ามา"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"ตอนนั้น ป.ป.ส.ก็ไปสำรวจทรัพย์สินของคนนี้ พอมีการนำสืบพิสูจน์กันที่ดินตรงนี้ไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ของคนที่ถูกจับ ทาง ป.ป.ส.ก็เข้ามาหาอาตมาก็ยืนยันกับทางอำเภอ ซึ่งเป็นข้อมูลที่สำคัญทางคดี ป.ป.ส.ยืนยันว่าที่ดินตรงนี้เป็นของสถานปฏิบัติธรรม แต่พอเกิดสุญญากาศ หลังจากนั้นมันมีการต่อสายโยงใยกัน โดยมีกลุ่มมาเฟียทหารที่ทำเรื่องพวกนี้ ที่เคยไปทำอยู่ทางสระแก้ว คุณอาจจะเคยได้ข่าว ที่ว่าไปฮุบที่ดิน ส.ป.ก. ชาวบ้านเป็นหมื่นๆ ไร่ที่ตาพระยา โดยวิธีการออกใบประกาศให้ชาวบ้านเอาใบ ส.ป.ก.มา โดยมี อบต.และเจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่นร่วมด้วย เอาใบ ส.ป.ก.มาแล้วจ่ายเงินให้เขา เขาจะออกใบ ส.ป.ก.ให้ใหม่ แล้วพอได้ใบมาเขาไปดำเนินการยังไงกับเจ้าหน้าที่ของรัฐเราก็ไม่รู้ สุดท้ายกลายเป็นชื่อของพวกนี้หมด"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"เข้าใจว่าในระหว่างที่พวกกลุ่มแรกกับกลุ่มนี้ต่อสายกัน ก็มีพรรคพวกของนักการเมืองระดับใหญ่ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการอำนวยความสะดวก และพยายามเข้ามากดดัน มาแสดงท่าทีอะไรต่างๆ ชาวบ้านเขาเริ่มหวาดผวาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่พวกเราด้วยความบริสุทธิ์ใจว่ากับพระมันคงไม่ทำอะไรมั้ง แล้วพอสำนักนายกฯ เขารับเรื่องร้องเรียนแล้วก็สั่งการไป ตั้งกรรมการสอบตำรวจที่ไม่รับแจ้งความ ตำรวจคนนั้นก็คึกคักออกมารับแจ้งความ 2-3 คดี เราก็ว่าเออมันก็คงจะโอเคแล้ว พวกเราก็นิ่งนอนใจ ก็เริ่มที่จะผ่อนเบาเรื่องความวิตกกังวลลงไป"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">บอกว่าเท่าที่ได้ยินมา มาเฟียทหารพวกนี้โยงใยถึงพวกที่ค้าอาวุธชายแดน</span><span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">
</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"ตอนนั้นไปตั้งออฟฟิศกันเลยนะ ในพื้นที่ อ.ฝาง ไปเช่าบ้านเลย กลุ่มคนที่ไปเรียกร้อง ส.ป.ก.จากชาวบ้านเขาไปเปิดออฟฟิศเลย แล้วมี อบต.บางคน มีตำรวจนอกราชการบางคน ครั้งหนึ่งพอตำรวจเขาพากำลังไปล้อมจับ ปรากฏว่ามีนายทหารยศพลตรียังอยู่ในประจำการ อยู่ในบ้านของคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีระดม ส.ป.ก. เขาประกาศไปในพื้นที่ 3 ตำบล โดยมีพื้นที่ของสถานปฏิบัติธรรมอยู่ตรงกลาง คือพื้นที่ตรงนี้เขาเชื่อว่าเขาได้แล้วล่ะ แล้วเขาก็เรียก ส.ป.ก.จากชาวบ้านรอบๆ ชาวบ้านบางคนก็ให้ เขาเก็บใบละ 1,000 บาท เขาว่าถ้าไม่เอามาให้เขาจะยกเลิก ส.ป.ก.นั้น สุดท้ายพอมีการดำเนินการทางคดีกัน คนหนึ่งเป็นทหารนอกราชการยศร้อยเอก แต่ชอบอ้างว่าเป็นยศพันโท ก็หนี อีกคนที่เคยมาขู่อาตมาพร้อมกับนายทหารก็ถูกจับกุม ตอนนี้อยู่ระหว่างประกันตัว"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">คดีนี้เป็นคดีบุกรุกทำลายทรัพย์สินและข่มขู่ อัยการกำลังจะนัดฟังคำสั่ง โดยพระสุพจน์เป็นพยานว่าพระกิตติศักดิ์ถูกข่มขู่ ผู้ต้องหามี </span><span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">2 คนคืออดีตทหารและผู้กว้างขวางในย่านใกล้เคียง
</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"ทหารนอกราชการ เขามักจะบอกคนอื่นยศพันโท แต่เขาบอกอาตมาร้อยเอก แล้วคนที่เป็นชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียง คนนี้ที่ถูกจับกุมและอยู่ระหว่างประกันตัว"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">คนนี้เป็นเพื่อนกับน้องนักการเมือง </span><span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"ชาวบ้านบอกเราอย่างนั้น มีหลายคนยืนยัน เพราะเราเองก็ไม่แน่ใจ เราก็สอบถามจากคนในพื้นที่ เขาบอกชัดเจนว่าเป็นเพื่อนกับนายป้อมที่เป็นน้องชายของ ส.ส.ในทื้นที่"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"ร.อ.ณรงค์เป็นตัวตั้งตัวตีสำคัญที่ออกหน้านำกำลังมาจับโยมอุปัฏฐากของสำนักไปซ้อม จับคนงานปะหล่องไปซ้อม พวกเราก็ยังอยู่ เขาเลยบุกเข้ามาในสถานปฏิบัติธรรม ไปหาอาตมาที่กุฏิแต่อาตมาไม่ยอมคุย อาตมาบอกว่าถ้าคุยต้องไปคุยที่ที่มีคนอื่นด้วย ก็เดินไปที่กุฏิพระสุพจน์ เขาก็มานั่ง คนหนึ่งไปนั่งปิดทางเข้าออก อีกคนก็มานั่งข้างใน หยิบกระเป๋ามาวาง กระเป๋าใส่ปืนแบบหนีบ วางอยู่มันนูนก็รู้ว่าเป็นปืน เขาก็ลูบคลำอยู่ แสดงตัว บอกว่าพระต้องออกไปนอกพื้นที่นี้ ต้องไม่เกี่ยวข้องกับที่ดินนี้อีก ถ้าไม่อย่างนั้นเขาไม่รับรองความปลอดภัย เราก็บอกว่าเราเป็นพระแล้วเขาให้ที่เราก็อยู่ในฐานะเฝ้าที่ ตอนนั้นยังพูดว่าเราเหมือนปู่โสมเฝ้าทรัพย์ เราไม่ได้ไปทำสวนทำไร่ที่งอกงามเป็นกำไร ถ้าหากคุณพิสูจน์ได้ว่าที่ดินแปลงนี้คุณมีสิทธิเอาไปคุณก็พิสูจน์ แต่ถ้าเจ้าของที่เขายังยืนยันว่าจะให้สถานปฏิบัติธรรมเราก็ต้องดูแลไว้ เขาก็บอกว่าถ้าเป็นอย่างนี้เขาไม่รับรองความปลอดภัย อย่าคิดว่าเป็นพระแล้วเขาจะไม่กล้าทำอะไร เขาทำมาเยอะแล้ว เขาบอกอย่างนี้"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"พวกเราก็ปรึกษาหารือกัน คือตอนนั้นอยู่ระหว่างเขายังไม่รับแจ้งความ พวกเราก็พยายามไปบอกตำรวจ ตำรวจก็ไม่มา มีแต่ตำรวจชุดหนึ่งมาขอที่ดินบอกว่าจะช่วยดูแลให้ ก็แล้วแต่ถ้าคุณดูแลได้ก็เอาไปเถอะเราไม่ว่าอะไรหรอก เผื่อว่าพวกเราจะปลอดภัยขึ้น ก็ปรากฏว่าพอตำรวจเข้าไปจับ ที่ดินที่เขามาตัดตอนเอาไปขาย 70 กว่าไร่ เข้ามาตัดต้นลิ้นจี่ออกอะไรออก ตำรวจก็ไปจับมาโรงพัก น้องชาย ส.ส.-อันนี้เราก็ได้ยินมาจากตำรวจโรงพัก บอกว่าสงสัยไม่ไหวแล้วเพราะเขามาเคลียร์ เขาบอกให้ปล่อยผู้ต้องหา เลื่อยยนต์ที่พวกนั้นเอามาก็ต้องคืนให้ไปด้วย ตำรวจก็คืน ไม่นานตำรวจนั้นก็ถูกย้าย"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">พระกิตติศักดิ์บอกว่าคนที่มาซื้อที่ดินเป็นคนมีฐานะ ในละแวกห่างออกไป</span><span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">
</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"เขาขายที่แล้วพามา เขาบอกว่าจะดูแลให้มีการจัดการเรียบร้อย เจ้าตัวคนซื้อก็ไปบอกกับชาวบ้านว่าถ้ารู้ว่าเป็นอย่างนี้เขาไม่ซื้อหรอก แต่นี่เขาซื้อเพราะเห็นว่ามีทั้งทหารทั้ง อบต.รับรองเขา แล้วพวกนี้ก็ไปเอาผู้ใหญ่บ้านมาเซ็นรับรอง เพราะไม่มีเอกสารอะไร ส.ป.ก.อยู่ในชื่อคนที่ถือให้ อ.สิงห์ทน ถ้าเปรียบในกรุงเทพฯ ก็คือฟุตบาทหน้าร้าน ไม่มีใครเจ้าของแต่มีบางกลุ่มบอกของเขานะใครจะมาวางหาบเร่ต้องจ่าย เขาก็ใช้วิธีการลักษณะนี้ บังเอิญหลังจากนั้นไม่นานพอเขามาขู่เราแล้วเราแจ้งความ ผ่านไปสักพักพอตำรวจรับแจ้งความ เขาก็เลยไม่สามารถที่จะขายแปลงอื่นได้ต่อ แต่ก็มีในบันทึกประจำวันที่ตำรวจเอาให้ดู ตอนที่เราร้องเรียนไป เขาพานายทุนรายใหญ่ เจ้าของตลาดมาดูด้วย แล้วเขาต้องการจะขายแปลงใหญ่เลย แต่บังเอิญพอนายทุนคนนี้รู้ เขาก็ไม่เอา"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">บอกว่าที่ดินตรงนั้น ที่จริงสถานปฏิบัติธรรมก็ให้ชาวบ้านในย่านนั้นเข้ามาทำกินหลายราย</span><span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">
</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"บางรายก็ชั่วคราวอย่างปะหล่องมาทำข้าวไร่ บางรายก็มาปลูกเฉพาะช่วงฤดูกาล เพราะหลังจากที่พวกนี้มาเผากันหลายๆ ครั้ง สภาพป่าก็หายไป เคยมีคนที่จะมาขอเป็นขนานใหญ่ แล้วถูกพวกนี้ไปขู่ ก็ไม่กล้ามาทำ เขาอยากทำพืชสวน เราก็กำหนดไว้ว่าอย่าใช้สารเคมี เขาเป็นเจ้าหน้าที่โครงการหลวง พอรู้เรื่องพวกนี้เขาก็ไม่ทำ"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">ส่วนอีก </span><span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">800 ไร่ที่ยกให้เป็นป่าชุมชนก็เพราะชาวบ้านขอ
</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"ทางผู้ใหญ่บ้าน แกนนำชาวบ้านบอกว่าอยากจะมีที่เป็นป่าชุมชนของหมู่บ้าน เพราะแต่ละหมู่บ้านถ้ามีป่าชุมชนทางกรมป่าไม้จะมีงบให้ ชาวบ้านมาบอกอย่างนั้นพวกเราก็ปรึกษากัน ถ้าเขาดูแลได้ เป็นป่ามันก็ดี เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นป่าชุมชนอยู่ ขึ้นป้ายป่าชุมชนใหญ่โต แล้วก็มีคนแถบนั้นเป็นพระท้องถิ่น ท่านอยากจะทำสำนักกรรมฐาน ก็มาขอกับหลวงพ่อสิงห์ทน ท่านก็ให้ เดี๋ยวนี้สำนักกรรมฐานก็ยังอยู่ เพราะฉะนั้นอาตมามองว่าถ้าเป็นที่อื่นอาจจะรู้สึกแปลกว่าทำไม 500 ไร่ 1,000 ไร่ถึงยกให้คนนั้นคนนี้ แต่ถ้ารู้จัก ดร.สิงห์ทน นิสัยท่านเป็นอย่างนี้ ถ้าท่านมั่นใจ เหมือนอย่างกับอาตมาพอผ่านไประยะหนึ่งแล้วท่านมั่นใจ ท่านก็บอกว่าผมยกให้พระกิตติศักดิ์หมดเลย แล้วแต่จะทำ อาตมาบอกว่าอาจารย์ผมไม่เอาหรอก ถ้าเอาเป็นมูลนิธิได้ ระบุชัดเจนว่าเพื่องานศาสนา เพราะเราบอกตรงๆ ว่าเรื่องพวกนี้มันทุกขลาภ ไปรับเข้าถือเข้ามันตายเอาง่ายๆ ครั้งแรก อ.สิงห์ทนทำหนังสือมอบอำนาจอย่างไม่เป็นทางการ เขียนกันธรรมดา พอทีหลังแกก็เป็นห่วงว่าเดี๋ยวมันมีปัญหา แกก็บอกถ้าอย่างนั้นไปโรงพัก ตำรวจก็ทำบันทึกประจำวันให้"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">แล้วชาวบ้านที่ถือ ส</span><span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">.ป.ก.ไว้ไม่มีปัญหาหรือ
</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"ชาวบ้านทางนั้นเขาน่ารัก เขาแสดงเจตนาตั้งแต่เบื้องต้นว่าเป็นเพียงแค่เอาชื่อไปใส่ เพราะฉะนั้นเวลาใครมาถามว่าตรงนี้เป็นที่ใคร ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาก็จะบอกว่าที่ อ.สิงห์ทน แต่พอหลังๆ เขาก็บอกว่าเป็นที่วัด ถึงขนาดตอนที่พวกนั้นไปขู่เขา ว่าต้องเอาใบมาให้ เขายังบอกว่าให้ไม่ได้เพราะเป็นของวัด เป็นของพระ"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">ปริศนาในคดี</span><span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">
</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">คดีนี้ตอนแรกตำรวจพยายามจะสรุปว่ามีชาวบ้านมาฟันไม้ แล้วพระสุพจน์ไปด่าว่าห้ามปรามจึงถูกฆ่า แต่พระกิตติศักดิ์บอกว่าไม่น่าจะมีความเป็นไปได้เลย</span><span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">
</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">วันเกิดเหตุวันที่ </span><span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">17 มิ.ย. ที่สถานปฏิบัติธรรมมีพระสุพจน์อยู่รูปเดียว กับครอบครัวคนงาน 2 ครอบครัว พระกิตติศักดิ์อยู่กรุงเทพฯ พระมหาเชิดชัยมาจัดอมรมที่อาศรมวงศ์สนิท นครนายก
</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">คนที่พบศพคนแรกคือนางคำ เป็นคนใน </span><span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">2 ครอบครัวนั้น
</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"นางคำบอกกับตำรวจว่าวันที่ 17 ออกไปรับจ้างเก็บลิ้นจี่ที่สวนอื่น ได้ลิ้นจี่มาจำนวนหนึ่ง เช้าวันที่ 18 ก็ตั้งใจจะเอาไปถวายพระสุพจน์ พอไปถึงกุฏิไม่เห็นใคร แต่ประตูเปิดอยู่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร วางลิ้นจี่ไว้ จากนั้นก็เดินออกมา ผ่านทางที่ไปพบศพ"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"เส้นทางนั้นปกติเป็นเส้นทางที่พวกเราไม่ได้ใช้ คนงานจะใช้เส้นทางสายนั้นเวลาออกไปข้างนอกบ้าง มันเป็นทางลัดออกไปถนนระหว่างหมู่บ้าน แต่เป็นทางเดินเท้าเล็กๆ แล้วต้องผ่านร่องน้ำที่เขาทดน้ำให้ไหลเข้าไปในสวนซึ่งค่อนข้างชัน ปกติพระสุพจน์ต้องไม่ไปแถวนั้นแน่ เพราะว่าท่านปวดเข่า ช่วงหลังมาท่านเข่าอักเสบ"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"ถ้าสันนิษฐานเวลา วันที่เราไปถึง ที่ริมลำธารหน้ากุฏิท่านยังมีถังน้ำที่แช่สบง, อังสะอยู่ ถ้าตามประสบการณ์ของเรา ท่านสุพจน์จะสรงน้ำช่วงบ่ายๆ ก่อนสรงน้ำท่านก็จะซักผ้า แล้วลงไปสรงน้ำในลำธาร พอขึ้นมาจากลำธารก็จะบิดผ้าไปตาก ท่านทำอย่างนี้อยู่ประจำ พอเราไปวันที่ 19 ถังน้ำยังอยู่ ก็สันนิษฐานว่าเวลาที่เกิดเหตุน่าจะอยู่ระหว่างบ่าย 2 ไม่เกิน 5 โมงเย็น เพราะถ้า 5 โมงเย็นแถบนั้นอากาศเริ่มสลัว ก็ไม่น่าจะไปกับคนแปลกหน้า แต่ในสำนวนตำรวจระบุว่าเสียชีวิตตอน 2 ทุ่ม อาตมาว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะถ้าพระสุพจน์ไปตอนนั้นต้องเอาไฟฉายไปด้วย แต่ไฟฉายก็อยู่ในกุฏิ"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"ถ้าตามประสบการณ์อาตมาอยู่ที่นั่นมา 7 ปี สันนิษฐาน 2 อย่าง อย่างแรกถ้ามีคนคุ้นเคยมาเรียกแล้วบอกว่าให้ไปดูอะไรสักอย่าง เช่นมีสัตว์บาดเจ็บ เพราะท่านเป็นสัตวแพทย์ บางทีก็มีชาวบ้านมาบอกท่านเรื่องสัตว์เจ็บป่วย ท่านก็ดูให้ ถ้าเป็นคนรู้จักมาชวนไปท่านก็อาจจะออกไป"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"ข้อสอง อาตมาสันนิษฐานว่า-คือตอนที่เขาเจอศพท่านไม่ได้พาดผ้า ธรรมเนียมสวนโมกข์ เวลาพระจะออกไปในที่ที่อยู่ในบริเวณวัด ถ้าไม่ห่มจีวรก็จะนุ่งสบงและห่มอังสะ แล้วก็มีผ้าพาด ที่เจอศพนี่ไม่มีผ้าพาด สันนิษฐานเป็นประการที่สองว่า น่าจะมีคนไม่คุ้นเคยหรือคุ้นเคยก็แล้วแต่ มาบอกว่าเกิดเรื่องร้าย เช่น มีคนงานเกิดอุบัติเหตุ หรืออาจจะพระมหาเชิดชัยซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางกลับไปพอดี ไปถึงแล้วถูกทำร้าย ท่านก็ผลุนผลันออกไป เพราะตำรวจมาดูที่เกิดเหตุ ไปที่กุฏิประตูยังเปิดอยู่ คอมพิวเตอร์ยังเปิดอยู่ ยังออนไลน์อินเทอร์เน็ตอยู่"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"วันรุ่งขึ้นที่อาตมาไป ที่โต๊ะทำงานหนังสือยังเปิดอยู่ เพราะท่านกำลังเตรียมทำเว็บไซต์จิตวิวัฒน์ให้หมอประเวศ แล้วหม้อต้มกาแฟยังมีกาแฟเหลืออยู่ ถ้วยกาแฟฉันแล้วแต่ยังไม่ล้าง ตามปกตินิสัยของท่านสุพจน์ผ่านไปสักพักท่านจะล้างถ้วย ท่านเป็นคนเรียบร้อย ค่อนข้างมีระเบียบ หนังสือใครไปหยิบออกมาเล่มหนึ่งท่านก็รู้ แต่ส่วนว่าท่านจะโมโหหรือไม่ นี่ไม่ เป็นคนใจดีเป็นคนใจเย็น เรามักจะพูดล้อเล่นในบรรดาพวกเราว่า ท่านสุพจน์นี่กับคนบ้าก็พูดรู้เรื่อง"</span>
<span style="font-size: 16pt; font-family: "cordia new";">"คือในบรรดาคนปฏิบัติธรรมจะมีพวกเพี้ยนๆ อยู่เยอะ คนเหล่านี้ก็จะชอบมาถามพระ ถามแบบวกไปวนมา ถ้ามาถามอาตมา อาตมาตอบไปสักพักเห็นไม่เข้าท่าก็ลุก แต่ท่านสุพจน์ท่านก็อธิบายไป 2 ชั่วโมง เป็นอย่างนั้น เคยมีชาวบ้านอยู่ห่างจากวัด 3 ก.ม. ลูกเขาป่วยเป็นเชื้อราในสมอง ก็จะเพ้อ พูดเพ้อเจ้อ เขาพามาหาท่านสุพจน์ อยากให้ลูกเขาได้ระบายกับพระ ท่านสุพจน์ก็นั่งรับฟัง แกนั