วันแม่


คำว่า แม่ นั้นสำคัญมากกับทุกชีวิต

แม่ของเรา (4 August 2012) 

           คำว่า แม่ นั้นสำคัญมากกับทุกชีวิต  ความรู้ความสามารถเชิงประจักษ์ที่ลูกได้รับจนกระทั่งนำไปปฏิบัติได้ถูกต้อง  สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขนั้นสุดยอดจริงๆ  เป็นครูคนแรกที่ทั้งสอน  ทั้งดูแลเอาใจใส่เราอย่างใกล้ชิด  โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเป็นครูที่สอนบูรณาการให้ลูกเรียนรู้ได้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ได้อย่างลงตัว  สอนเราตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งเข้านอน  ความละเอียดอ่อนที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมานั้น แสดงถึงความรักที่แม่มอบให้
กับลูก ส่งผลถึงพฤติกรรม  จิตใจที่แสดงออกมาของลูก ๆ ได้ว่า แม่นั้นรักเรามากแค่ไหน  ดังคนสมัยก่อนที่ท่านพูดว่า ถ้าอยากรู้ว่าแม่รักเรามากแค่ไหนนั้น   ก็ต่อเมื่อเรามีลูกเองนั่นแหละ  ซึ่งมันก็เป็นวัฏจักรที่ไม่มีวันสิ้นสุด ของคำว่าแม่

          ขณะนี้ คุณแม่อายุ 68 ปี แล้วนะ  คุณแม่ยังแข็งแรง ชอบทำอาหารให้ลูกหลานรับประทานอยู่ทุกวัน ท่านเป็นคนชอบทำกับข้าว ท่านจะมีความสุขเมื่อเห็นลูกหลานทานข้าวอย่างเอร็ดอร่อย  และพวกเราก็จะชมว่าท่านฝีมือไม่เคยตกเลยนะ ท่านก็จะยิ้ม  พอใจ  คุณแม่ท่านจะรู้ว่าลูกคนไหนชอบทานอะไร ไม่ชอบทานอะไร ฉันเป็นลูกคนโต ทำงานอยู่กรุงเทพมหานคร มีครอบครัวแล้ว บางครั้งก็ไปรับท่านมาอยู่ด้วยแต่ท่านก็จะอยู่ไม่กี่วันท่านก็จะกลับ บางครั้งเมื่อมีวันหยุด โอกาส หรือเป็นเทศกาล ที่ลูกๆ ต้องกลับไปเยี่ยมท่านและเมื่อรู้ว่าฉันจะไปหาท่าน ท่านต้องเตรียมกับข้าวหรืออาหารพร้อมที่ลูก หลานชอบ และคอยโทร. ถามว่าออกมาหรือยัง ถึงไหนแล้ว ดังนั้นเมื่อท่านโทร.หนึ่งครั้ง  เราต้องโทรให้ท่านรู้เองเพื่อลดความเป็นห่วงของท่าน  แต่ท่านก็จะรอเรา   ในความเป็นแม่นั้นท่านยังเห็นว่าลูก ๆ ซึ่งต่างก็มีภาระและครอบครัวกันหมดแล้วนั้นเป็นเด็กในสายตาท่านอยู่ตลอดเวลา ท่านยังต้องย้ำ ต้องบอกให้ทำนั่นทำนี่ ตามที่ท่านอยากจะให้เราทำ  พอเห็นว่าเราทำให้ท่านได้ก็จะยิ้ม พอใจ ถ้าไม่ทำตามก็จะโกรธและก็จะมีเสียงตัดพ้อนิดหน่อย  เราก็เปลี่ยนเรื่องให้หันไปสนใจหลานๆแทน เพื่อลดความโกรธลง

           ปีนี้ฉันได้มีโอกาสไปหาท่านในวันเข้าพรรษา ท่านดีใจ เราก็ดีใจมากเช่นกันที่เห็นท่านมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง  ฉันได้พาท่านไปทำบุญที่วัดป่าที่ท่านอยากไป ท่านจะเป็นคนเตรียมของทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นอาหารคาวหวาน เครื่องสังฆทาน เทียนพรรษา  โดยจะเตรียมก่อนวันที่ไปทำบุญ 1 – 2 วัน  นี่แหละความสุขของผู้สูงอายุ ท่านมีความสุขเมื่อเห็นลูกมีงานทำ มีครอบครัวที่มั่นคง  และได้มีโอกาสทำบุญ

          คนสูงอายุและมากด้วยประสบการณ์ และประสบผลสำเร็จในชีวิต เลี้ยงลูกให้เป็นคนดีได้  นั้นเราจะสังเกตว่าท่านจะไม่เชื่อใครง่าย ๆ มั่นใจในตนเองสูง ยากที่จะเปลี่ยนแปลงหรือปรับตนเองให้เข้ากับสถานการณ์ของโลกปัจจุบัน เช่น ความเป็นอยู่ ท่านเคยอยู่ที่ไหนท่านก็จะอยู่ที่นั่น ลูกหลานรับมาอยู่ด้วยเพราะหน้าที่การงานท่านก็ยังยืนยันว่าท่านอยู่คนเดียวได้โดยไม่ตามมาอยู่กับลูกหลานทั้ง ๆ ที่ในใจนั้นเหงา ว้าเหว่  ทำให้บางครั้งลูกหลานก็คิดว่าท่านทำความลำบากใจให้กับลูกหลานเหมือนกัน  แต่อย่างไรก็ตามเราเป็นผู้น้อย ความกตัญญูกตเวทีที่บรรพบุรุษไทยเราได้ปลูกฝังให้กับเราอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นวัฒนธรรมประเพณี ที่ลูกหลานก็ต้องเข้าใจท่านด้วยเหมือนกัน ต้องหาวิธีการที่จะช่วยในปรับเปลี่ยนตนเองและความรู้สึก ให้ท่านเกิดความขัดแย้งกับเราให้น้อยที่สุด จะวิธีไหนก็แล้วแต่ ซึ่งเราก็ต้องดูสถานการณ์และเวลาที่เหมาะสมจึงจะเป็นหนทางที่จะช่วยพยุงความสุขของแม่ให้เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกหลานให้นาน ๆ

          จะเห็นได้ว่าแม่รักเรา เราก็รักแม่ ความรักนี้จะหาอะไรเปรียบไม่ได้ ไม่มีขาย  ไม่มีอะไรที่จะเข้ามาแทนที่ได้เป็นความผูกพันที่ลึกซึ้ง  ในหัวใจของแม่คือ ลูก  และในหัวใจของลูกก็คือแม่เช่นเดียวกัน  เรามีชีวิต  มีอนาคต มีครอบครัวที่ดี เพราะมีแม่ที่ดี เป็นต้นแบบ เป็นแบบอย่างที่ให้ลูกได้แบบอย่างที่ดี  ส่งผลไปถึงลูกหลานต่อไปภายภาคหน้าซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ายิ่งของประเทศชาติ  ครอบครัวมีคนดี  สังคมก็มีคนดี  ประเทศชาติก็มีแต่คนดี เป็นลูกโซ่ ดังสุภาษิตเปรียบลูกที่ดีว่า “ลูกไม่หล่นไม่ไกลต้น” พ่อแม่ก็ชื่นใจและถ้าลูกเป็นคนไม่ดี ก็จะเปรียบว่า  “เชื้อไม่ทิ้งแถว” ก็ทำให้พ่อแม่เศร้าใจนั่นเอง  ลูก ๆ จะเลือกสุภาษิตไหนในการพัฒนาตนเองให้เป็นคนดีของชาติได้คงไม่ยาก

หมายเลขบันทึก: 497301เขียนเมื่อ 5 สิงหาคม 2012 22:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 สิงหาคม 2012 22:48 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท