ผญา ตอนที่ ๑๕


หมวด ๑๕ บททั่วไป ส่งท้ายเด้อครับพี่น้อง
  • นางเอ้ย......เจ้าผู้กินเข่าจ้าว ขายาว สูงเจินเทิน…อ้ายผู้กินเข่าปั่น....ขาสั่น...ยังบ่เทิง......ความมักอ้าย มันบ่สั่นคือขา

ยาวสำวา...ปานวาผ้าบุญผเวส......
อ้ายมักเจ่า...อยากได้มานอนเฮียง....
อยากได้ยินเสียงเจ่า อยู่สุยามนั่นแล่ว......

  • อันว่าโพศรีสร้อย ใบบ่ดกนกบ่แก่น

    หมากบ่หวานจ้อยจ้อย กาเอี้ยงบ่สงวน

    บัดว่าโพศรีสร้อย ใบดกนกแก่น

    หมากหากหวานจ้อยจ้อย กาเอี้ยงจั่งสงวน นั่นเด้อ

  • กกไม้ใหญ่ แต่ใบบ่มี

    สาวผู้ดี บ่มีศีลสร้าง

    เป็นแม่ฮ้าง แล่นขึ้นแล่นลง

    เป็นพระสงฆ์ วินัยบ่คอบ

    คือผีปอบ กินตับกินไต

แปงขัวสร้าง สะพานทองเทียวท่อง
หมายอยากเป็นพี่น้อง จังได้มาแวะหยาม"

  • คนเพิ่นญ้อง เถิงถิ่น แดนอีสาน

    ว่ามีของโบฮาน อยู่เต็ม ภายพื้น

    เฮามาพากันสร้าง ฮักษา สืบต่อ

    ของดีมีอยู่แล้ว อย่าไลถิ่ม เปล่าดาย เด้อ….พี่น้อง….เด้อ

  • คันได้กินปลาแล้วอย่าลืมปูปะปล่อย

    ลางเทือปลาขาดข้อง ยังสิได้ป่นปู เด้

  • คันเจ้าได้ขี่ซ่าง กั้งฮ่มสัปทน

    อย่าสิลืมคนจน งอยโพนเกาฮิ้น

    คันเจ้าได้ขี่ซ่าง กั้งฮ่มเป็นพญา

    อย่าสิลืมชาวนา ขี่ควายคอนกล้า

    คันเจ้าได้ขี่ซ่าง อย่าลืมหมู่หมูหมา

    ห่ากะโมยมาลัก สิเห่าหอนให้มันย่าน

    ลางเทือกวงฟานเต้น นำดงสิได้ไล่

    ลางเทือได้ต่อนซิ้น ยังสิได้อ่าวคุณ .น้องเอ้ย

  • ไกลขอให้ไกลแต่บ้าน ฮั่วไฮ่นาสวน

    ไกลขอให้ไกลแต่มวล หมู่เฮือนกับเล้า

    ส่วนว่าวาจาเว้า สองเฮาอย่าได้ห่าง

    ต่างคนแม้นสิอยู่ต่างบ้าน ความเว้าอย่าห่างกัน

  • "แนวอ้ายสร้างขัวเงินเจ้าบ่นำ

    แนวอ้ายสร้างขัวคำเจ้าบ่ไต่

    บัดว่าไทไกลบ้าน สร้างแต่ขัวไม้อ้อ

    มีแต่ตอไม้แต้ เป็นเสี้ยน สิค่อยคลาน ซั่นบ่ สาวจุฬาฯ เอย...."

  • คันเจ้าตายเป็นขมิ้นหัวดงชน ข่อยสินำไปก่น

    เกิดเป็นคนคันบ่ได้กล่อมกลิ้ง ตายเป็นขมิ้นยังสิได้กล่อมคิง ซั่นแหลว....นางเอย

  • "ไกลกายเจ้า ใจกะอยู่นำนาง

    บ่มีทางไกลกัน ให้พรากหนีไกลข้าง

    แม้นสิอยู่ฟากฟ้า สิหย่อเป็นแผ่นดินเดียว

    ตรางสิบคืนซาวคืน สิหย่อเป็นคราวมื้อ

    คันความฮักมันคือข้าว สิขอกินให้มันอิ่ม

    คันความฮักมันคือนำบ่อแก้ว สิลงล้างอาบสรง......ซั่นแล้ว"

 "อ้ายคือนกเจ่าดั่ง เรียบฝั่งแคมสระ
ผัดแต่เห็นปลามา กะอยากกินจนแดดิ้น
เห็นแต่นกเต็นเต้น บินลงกินก่อน
นกเจ่าแหงนเบิ่งฟ้า น้ำตาย้อยอาบขี้ดิน ซั่นแล้ว"

"มีแต่ความปากเว้า ใจบ่เอาอ้ายบ่ว่า
อย่ามาตั๋วให้คอยถ่า คำสัญญาบ่มั่นแก่น
แม้นว่าทางฝ่ายเจ้า มีคนเฝ้านอนเคียง
หรือว่าเพียงหลอกเว้า ให้อ้ายเฝ้าป่วงละเมอ หล้าเอย"

คันได้กินลาบก้อยซิ้น อย่าลืมแจ่วแพวผัก
ได้กินพาซีเงินพาซีคำ อย่าสิลืมกระเบียนฮ้าง

ผู้ฟังเอย…คนเดียวนี้บ่คือคนรุ่นเก่า คนสมัยสู่มื้อนี้บ่คือกี้เก่าหลัง
แต่อดีตเก่าพุ้น คุณปู่คุณตา คนไปมาหากัน บ่รวดเร็วไวฟ้าว
การแต่งตัวสมัยนั้น ธรรมเนียมแบบเก่า ฝ้ายก็เข็นด้วยมือ เหล่นหลาเฮานั้น
มือเข็นฝ้าย พากันลงข่วง เข็นฝ้ายอยู่เดิ่นบ้าน ไฟไต้กะบ่มี
มีก็มีไฟตั้ง กองฟืนสุมต่อ เอาแสงเดือนอยู่ฟ้า มาใช้เจ้าซ่อยแสง
อยู่กันเป็นคุ้มคุ้ม ลงข่วงโฮมกัน กินข้าแลงแล้วลงโฮม หมู่ฝูงมาเต้า
บ่จักเด็กหรือเฒ่า เอาแคนลงมาเป่า ทั้งดีดซุงโอ่ยพร้อม ซออู้ก็โห่งัน
ออกข่วงนั้นแล้วก็ไปข่วงนี้ เลียนเลาะตบมือ ผู้เฒ่านอนทางซาน เหงี่ยหูฟังไว้
ประเพณีไทยแท้ บ่คือกันหลายอย่าง ทางอีสานทุกทั่วหน้า เป็นจั่งซี่คราวกี้เก่าเดิม …พี่น้องเอย

ขอขอบคุณครูบา-อาจารย์ทุกท่านครับผม

ก.กตัญญู ๒๐๐๔๗๒ เรียบเรียง

หมายเลขบันทึก: 496880เขียนเมื่อ 1 สิงหาคม 2012 14:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 สิงหาคม 2012 16:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
  • มาถามว่าเอารูปขึ้นได้หรือยังครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท