นักสู้ผู้ไม่จำนนต่อโชคชะตา


แบบอย่างทรงคุณค่า...ลลิตา ประดิษฐ์

 

          มีผู้กล่าวไว้ว่า  คนเรานั้นเลือกเกิดไม่ได้  แต่เลือกที่จะเป็นได้...แต่หลายคนเลือกเกิดไม่ได้และยังเลือกเป็นไม่ได้อีกด้วย  อาจจะเป็นด้วยเหตุปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ  เป็นตัวกำหนด  แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดคือตัวของเราเอง   ว่าจะยอมจำนนต่อโชค ชะตา โดยอ้างเหตุผลของความไม่พร้อมมารองรับการกระทำของตน  หรือต่อสู้ดิ้นรนไปสู่สิ่งที่ดีกว่า สิ่งที่เหมาะสมกว่าโดยไม่เอาปัจจัยแห่งชะตากรรมมากำหนดการกระทำของตน เอาความไม่สมบูรณ์แห่งตนมาเป็นพลังขับเคลื่อนสร้างคุณค่าให้แต่ตนเอง และคนรอบข้าง

         เมื่อเอ่ยชื่อ “ลลิตา ประดิษฐ์” คงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้จักเธอ  ซึ่งเธอก็มิได้ปรารถนาให้ใครรู้จัก เพราะว่าชีวิตของเธอมิได้น่ารื่นเริงยินดี อย่างเด็กผู้หญิงตัวน้อยคนหนึ่งจะพึงได้รับ

          เธอถือกำเนิดเมื่อวันที่  ๑๓  เดือนกันยายน  พ.ศ.๒๕๓๖  ณ บ้านเลขที่ ๑๐๘/๓  หมู่ที่ ๑  ตำบลเมืองบางขลัง  อ.สวรรคโลก  จ.สุโขทัย  บิดาชื่อ นายนเรศ  ประดิษฐ์  มารดาชื่อ นางราตรี  ศรีทองทา  บิดามารดาแยกทางกันตั้งแต่ลลิตายังเด็ก  นางแอ๋ว  เปรมใจ  ในฐานะน้องสาวของย่าเกิดความสงสาร  จึงได้รับไว้อุปการะเลี้ยงดู  รักและเอ็นดูเสมือนลูก  ทั้งๆ ที่ย่าแอ๋วเองก็ได้ไม่มีฐานะร่ำรวย  มีอาชีพทำนา  มีบุตร ๒ คน  เสียชีวิต ๑ คน เหลือบุตรสาวอีก ๑ คน  ซึ่งกำลังอยู่ในวัยเรียนเช่นกัน 

          ด้วยความที่ลลิตา  เป็นเด็กดี  กริยา  มารยาทเรียบร้อย  ว่านอนสอนง่าย  ย่าแอ๋วจึงส่งเสียให้เรียน  ด้วยความตั้งใจ  ใฝ่ดี  ทำให้ตั้งแต่เรียนชั้นประถมศึกษา  ถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย  ผลการเรียนเฉลี่ยตลอดหลักสูตร  ๔.๐๐  ตลอดทุกเทอม  และมีโอกาสไปเป็นตัวแทนของโรงเรียนสวรรค์อนันต์วิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ อ.สวรรคโลก เข้าร่วมแข่งขันกิจกรรมทางวิชาการบ่อยครั้ง 

          เมื่ออาจารย์แนะแนวได้ประชาสัมพันธ์ว่าคณะแพทยศาสตร์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดรับสมัครสอบคัดเลือกระบบรับตรงของกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย โควต้าภาคเหนือ ประจำปี ๒๕๕๕  ลลิตามีความประสงค์ที่จะสมัครเพื่อเข้าเรียนตามที่ตนเองตั้งใจไว้  แต่หนทางไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด เนื่องจากการสมัครครั้งนี้จะต้องใช้หมายเลขประจำตัวบัตรประชาชนของแม่ผู้ให้กำเนิด  ซึ่งในใบสูติบัตรไม่มีหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนระบุไว้  เพราะถ้าหากไม่มีก็ไม่สามารถสมัครสอบได้ 

          ด้วยความที่ตั้งแต่เกิดและอยู่รอดเป็นชีวิต เธอไม่เคยเห็นหน้าแม่เลยสักครั้ง  ย่าแอ๋วขวนขวายทุกวิถีทาง  ตั้งแต่ไปติดต่ออำเภอเพื่อช่วยหาข้อมูล  ทางเจ้าหน้าที่ห้องทะเบียนและบัตร อ.สวรรคโลกได้สเก็ตภาพค้นแล้วปรากฏว่าบุคคลที่ชื่อราตรี  ศรีทองทา  ภูมิลำเนาอยู่จังหวัดนครพนมมี ๒ คน  และไม่มีหลักฐานยืนยันว่าบุคคลใดเป็นแม่ของลลิตา  ขณะลลิตารู้สึกสิ้นหวัง  หมดกำลังใจ เธอคิดว่าคงไม่มีบุญ วาสนา โชคชะตาคงกำหนดให้เธอเป็นเช่นนี้....

          อย่างไรก็ตาม  โชคชะตาไม่ได้โหดร้ายกับเธอมากไปกว่านี้  เมื่อลลิตาตัดสินใจเป็นครั้งสุดท้ายด้วยการโทรปรึกษาหารือกับพ่อ  พ่อซึ่งทำงานรับจ้างอยู่กรุงเทพฯ พร้อมครอบครัวใหม่  พ่อจึงได้ลองใช้บริการ BUG  เพื่อสอบถามเบอร์โทรศัพท์ของแม่ลลิตา  ก็ไม่พบ  แต่บังเอิญว่าพบเบอร์โทรศัพท์ของคนที่มีนามสกุลเดียวกับแม่ของลลิตา  พ่อจึงได้ลองโทรไปถาม  ปรากฏโชคเข้าข้างลลิตา  เดชะบุญคนที่พ่อโทรไปถามนั้นเป็นน้องสาวของแม่ซึ่งทำงานที่ อบต.ในจังหวัดนครพนม  จึงสามารถติดต่อกับแม่ได้  เพื่อขอสำเนาบัตรประชาชนส่งมาให้   เมื่อได้รับเอกสารก็สมัครเข้าสอบคัดเลือก  หลังจากนั้นจึงได้นัดพบกับแม่  ตอนนั้นลลิตาอายุ ๑๘  ปี ถือเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหน้าแม่

          วันเวลาผ่านไป  ถึงวันประกาศผลสอบ  ปรากฏว่าลลิตา  สอบติดคณะแพทยศาสตร์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 

          แต่อุปสรรคของลลิตายังไม่จบแค่นั้น  ด้วยที่ฐานะทางบ้านยากจนประกอบกับการเรียนแพทย์ต้องใช้เงินจำนวนมาก  ย่าแอ๋วไม่มีเงินเพียงพอที่จะส่งเรียนแน่  และได้สอบถามกับทางอาจารย์เกี่ยวกับทุนการศึกษาของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่  อาจารย์แจ้งว่ากำลังช่วยดูเรื่องทุนให้ เนื่องจากปีนี้ถูกตัดงบประมาณ  อาจารย์จึงแนะนำว่าให้ลองไปขอ อบต. เพราะ อบต.เมืองบางขลังได้เคยทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่จะส่งนักศึกษามาเรียนพยาบาล

          เมื่อความทราบถึงนายสุวิทย์  ทองสงค์  นายก อบต.เมืองบางขลัง  จึงได้หาแนวทางที่จะช่วยเหลือแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณาให้ทุนการศึกษา  นำโดยนายกฯ สุวิทย์ ทองสงค์, กำนันสนิท  ชื่นชอบ, ประธานสภาฯ มาเยือน โพธิ์ทอง, ปลัดฯ วิทยา เกษรพรหม, รองปลัดฯ สุวรรณ ทรัพย์ศิริกาญจนา, ผอ.พิภพ ไขแจ้ง, อ.กรรณิกา อินปฐม, ประธานประชาคมตำบล ประทวน ขุมเพ็ชร ได้พิจารณาให้ความช่วยเหลือทุนการศึกษาในเบื้องต้น 

          งบประมาณเพียงน้อยนิดที่เธอได้รับจาก อบต.เมืองบางขลังนั้นไม่เพียงพอต่อการศึกษาในคณะแพทย์ศาสตร์แน่ เพราะระบบราชการเบิกจ่ายยาก กำหนดให้จ่ายได้เฉพาะค่าเทอมเท่านั้น (ค่าวัสดุ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และค่าอื่นๆ ไม่สามารถเบิกจ่ายได้) จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีผู้ให้ความช่วยเหลือเธอเพิ่มขึ้น ในฐานะที่เธอไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา  เข้มแข็งภายใต้ร่างกายที่บอบบาง  ใฝ่ดี จนทำให้เธอมีวันนี้  วันที่เด็กหญิงบ้านนอกตัวน้อยๆ คนหนึ่งก้าวออกจากความไม่สมบูรณ์แห่งชีวิตไปสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ในระดับอุดมศึกษา  (ในคณะที่ทุกคนใฝ่ฝันอยากจะให้ลูก หลานได้เข้าเรียน)  แต่...ไม่มีใครทราบได้ว่า  ในวันพรุ่งนี้ของลลิตาจะเป็นเช่นไร...

          อย่างไรก็ตาม  ในวัย ๑๙ ปี   เธอบอกย่าเธอด้วยความมุ่งมั่นว่า  เธอจะไม่ลืมบุคคล องค์กรที่ได้ให้ความช่วยเหลือเธอ และเมื่อจบการศึกษาแล้วเธอจะกลับไปทำงานรับใช้ชุมชน พัฒนาสุโขทัย และประเทศไทยของเธอ ให้เต็มความสามารถ 

          ขอคารวะในจิตใจนักสู้ผู้ไม่ยอมแพ้ของเธอคนนี้...ผู้ที่โชคชะตาไม่สามารถกักขังเธอเอาไว้ได้...

          สนใจข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  อบต.เมืองบางขลัง โทร ๐๘๑-๗๒๗๘๑๖๑, ๐๕๕-๙๔๒๗๑๕, www.bangkhung.go.th (มีรูปภาพของเธอด้วย) หรือให้การช่วยเหลือเธอโดยตรงได้ที่ ธนาคารกรุงไทย สาขาสวรรคโลก ชื่อบัญชี ช่วยเหลือทุนการศึกษานางสาวลลิตา ประดิษฐ์  บัญชีเลขที่ 617-0-29898-7

                                                                                                                             

หมายเลขบันทึก: 495702เขียนเมื่อ 23 กรกฎาคม 2012 11:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2013 08:19 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • ขอชื่นชมทีมงานทุกๆๆท่าน
  • ที่ส่งเสริมเธอ

ความกตัญู...เป็นเครื่องหมายของคนดีนะคะ

ขอบคุณมาก กับบทความดีดีนีนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท