วันนี้เราทักทายกันด้วยคำถามนะคะ หม้ออะไรเอ่ยมีขา ? มีใครทราบคำตอบไหมค่ะ ห้ามตอบว่าหม้อหุงข้าวไฟฟ้านะคะ เฉลยเลยดีกว่า คำตอบคือ หม้อสามขา สมัยก่อนประวัติศาสตร์ค่ะ ถ้าใครเคยมาเที่ยวที่พิพิธภัณฑถสานแห่งชาติ ชุมพร คงเคยเห็นโบราณวัตถุที่ทำด้วยดินเผา รูปร่างยาวรีคล้ายทรงกระบอกและมีรู โบราณวัตถุชิ้นนี้คือ ส่วนขาของหม้อสามขา นั่นเองค่ะ หม้อสามขาที่พบส่วนใหญ่จะอยู่ในสภาพชำรุด โดยเฉพาะส่วนขาจะหักหลุดออกจากตัวหม้อเสมอค่ะ หม้อรูปทรงแปลกๆ นี้มีความเป็นมาอย่างไร และทำไมต้องมีขายาวออกมาจากตัวหม้อ มาติดตามหาคำตอบกันเลยค่ะ
หม้อสามขา
(หม้อสามขาที่แหล่งโบราณคดีบ้านเก่า
จ.กาญจนบุรี)
หม้อสามขา (tripods) เป็นภาชนะดินเผาสมัยก่อนประวัติศาสตร์ มีขา 3 ขา ติดอยู่ที่สันภาชนะ ขามีลักษณะกลมเรียวและกรวง บริเวณส่วนบนหรือส่วนล่างของขาเจาะรู 1 - 2 รู ถ้าเป็นขาขนาดเล็กอาจมีเพียงรูเดียว ตัวหม้อและขาทำคนละครั้ง เมื่อเสร็จแล้วจึงนำมาต่อกันจึงเห็นรอยต่อบนผิวหม้อเป็นสันนูน หม้อสามขามีขนาดต่างๆ กัน ตั้งแต่ขนาดใหญ่มากจนถึงขนาดเล็ก
การใช้งาน
สันนิษฐานว่าเป็นภาชนะที่นำมาใช้สอยในชีวิตประจำวัน
โดยขาที่ต่อออกมาจากตัวหม้อคงใช้วางคร่อมไฟแทนการตั้งบนเส้า และรูที่ขาคงช่วยเรื่องการระบายความร้อน
ความเป็นมา
การผลิตหม้อสามขาสันนิษฐานว่าน่าจะเริ่มต้นในประเทศจีนก่อน
เพราะพบหลักฐานทางภาคกลางและทางใต้ของมณฑลชานสี (Shansi)
และในจังหวัดต่างๆ ทางด้านตะวันตกของมณฑลเหนอหนาน
(Haunan) ซึ่งจัดอยู่ในวัฒนธรรมหินใหม่ของจีนที่เรียกว่า
วัฒนธรรมหยังเชา (Yang Shao) มีอายุประมาณ
7,000 ปีมาแล้ว
หม้อสามขาเริ่มได้รับความสนใจเมื่อได้มีการขุดค้นทางโบราณคดีที่ไทรโยก
โดยนายแวน เฮ็ดเคอเร็น นักโบราณคดีชาวฮอลแลนด์
และการขุดพบหม้อสามขาที่แหล่งโบราณคดีบ้านเก่า จังหวัดกาญจนบุรี
โดยนายเปีย ซอเร็นเซ็น นักโบราณคดีชาวเดนมาร์ก
โดยให้ชื่อว่า วัฒนธรรมบ้านเก่า
มีอายุระหว่าง 2,000 - 3,000 ปีมาแล้ว
หม้อสามขาที่พบในภาคใต้
(หม้อสามขา พิพิธภัณฑ์ฯ ชุมพร)
หม้อสามขาที่พบในบริเวณภาคใต้ของประเทศไทย
ตัวหม้อมักเป็นภาชนะรูปชามมีสัน โดยสันอยู่กลางลำตัวและต่ำ
ขอบปากผาย ก้นตื้น ขาหม้อมักเป็นขาเรียวยาว
ค่อนไปทางทรงกระบอกมากกว่าทรงกรวย ปลายล่างสุดของขาตัดตรง
แตกต่างจากหม้อสามขาที่พบที่จังหวัดกาญจนบุรี
ซึ่งตัวหม้อเป็นรูปหม้อมีสัน ก้นลึก
ขอบปากค่อนข้างแคบ และขามีลักษณะเป็นรูปกรวยปลายแหลม
รูปแบบและขนาดสัดส่วนของภาชนะของหม้อสามขาในภาคใต้
ทั้งที่พบจากการขุดค้นทางโบราณคดีและการสำรวจในแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในจังหวัดชุมพร
สุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา และตรัง
จะมีลักษณะคล้ายคลึงกับหม้อสามขาที่พบที่
กัว เบอร์ฮาลา (Gua Berhala) และบูกิต กาปลู
(Bukit Kaplu) รัฐเคดาห์
ประเทศมาเลเซีย
เอกสารอ้างอิง
- สถาบันทักษิณคดีศึกษา.
สารานุกรมวัฒนธรรมภาคใต้ พ.ศ.2529 เล่มที่ 2
และเล่มที่ 10. กรุงเทพฯ:อมรินทร์การพิมพ์,
2529.
ถึง คุณผู้ไม่ประสงค์ออกนาม
ขอบคุณที่ช่วยให้ความกระจ่าง
ผมคิดมากเองว่า มันน่าจะมีนัยยะมากกว่าการรู้จักดัดแปลงสร้างเตาไฟ เพราะคิดง่ายๆ เองว่าแค่วางหินสามเส้าก็ตั้งหม้อที่ไม่มีขาได้ จากนั้นก็พัฒนาเป็นเตาไฟได้โดยไม่จำเป็นต้องคิดทำหม้อสามขาก่อน
การคิดทำหม้อสามขาจึงน่าจะมีนัยยะมากกว่าการใช้ขาแทนเส้า การเกิดขึ้นของหม้อสามขาจึงน่าจะเกิดขึ้นจากคุณสมบัติพิเศษของหม้อสามขา ที่เครื่องมือชนิดอื่นไม่สามารถทดแทนได้ ทำให้มีการใช้หม้อสามขาต่อเนื่องไปเป็นระยะเวลานาน นานมากพอที่จะคิดประดิษฐ์เตาไฟได้ด้วยซ้ำ จนกระทั่งสามารถผลิตเครื่องมืออื่น (ที่ไม่ใช่เตาไฟ)ทดแทนหม้อสามขาได้
ถึง คุณผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม
ขอบคุณมากๆ อีกครั้ง
แต่ผมก็ยังไม่เห็นด้วยกับคุณนะ ผมว่า มันน่าจะมีคำอธิบายที่ชัดเจนกว่านี้
และช่วยออกนามได้ไหมครับ จะได้รู้จักกัน
ดีใจจังค่ะ ที่ทางพิพิธภัณฑ์จะช่วยไขความกระจ่าง แต่ดิฉันก็ยังเชื่อว่า หม้อสามขาทำขึ้นเพื่อใช้แทนการตั้งบนหินซึ่งไม่มีความมั่นคง และต่อมามีการสร้างเตาไฟแต่ยังไม่แพร่หลายในหมู่ประชาชน หม้อสามขาจึงยังเป็นที่นิยมใช้ต่อมาเรื่อยๆ จนกระทั่งการใช้เตาไฟแพร่หลายมากขึ้นหม้อสามขาจึงค่อยๆลดความสำคัญลงไป
นี่เป็นเพียงความคิดของคนธรรมดาคนหนึ่งคิดไปตามสามัญสำนึกของความเป็นมนุษย์ว่าสิ่งต่างๆเกิดขึ้นได้อย่างไร พัฒนาไปอย่างไร เป็นความคิดขั้นพื้นฐานง่ายๆเท่านั้นคะ ไม่มีอะไรซับซ้อน
การใช้ไฟประกอบอาหารในยุคแรกๆ มีหลายรูปแบบ ที่ขุดหลุมลงไปก็มี ที่วางหินก่อเป็นเส้าก็มี หรือด้วยวิธีอื่นก็มี แต่ก็มีปัญหาในการควบคุมการลุกไหม้ของเชื้อเพลิง จึงคิดทำเตาไฟขึ้น เพื่อที่จะควบคุมการลุกไหม้ของเชื้อเพลิงให้ร้อนได้มากน้อยตามความต้องการ หรือเพื่อให้ได้ความร้อนสูงขึ้น เตาไฟที่ทำขึ้นนี้ก็มีหลากหลายรูปแบบ เป็นเตาตั้งหม้อก็มี เป็นเตาผิงก็มี
ขอตั้งข้อสังเกตว่า หม้อสามขาที่พบในประเทศไทยส่วนใหญ่จะพบทางด้านตะวันตกของประเทศ จากข้อมูลที่อ่านในเวบนี้ อาจเป็นไปได้ว่าเป็นวัฒนธรรมเฉพาะของชนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดได้หรือไม่ และการพบหม้อสามขาตั้งแต่ทางภาคเหนือลงมาถึงทางใต้ในด้านตะวันตกเข้าไปถึงในประเทศมาเลเซีย ก็อาจแสดงถึงการเคลื่อนย้ายหรือการติดต่อกลุ่มชนดังกล่าวก็เป็นได้
ขอบคุณมากค่ะ ช่วยเรื่องการทำค้นหาในรายงานได้เยอะเลย ถ้ามีวัตถุโบราณวัตถุอะไรที่แปลกๆ อีก ก็นำมาเสนอได้นะค่ะ THANK YOU
หม้อสามขามีความสำคัญเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ยังไงหรอค่ะ
ช่วยตอบด้วยค้าาาาาาาา..........
แปลกนะค่ะหนูก็เคยอ่านมาแล้วค่ะ มีสาระมากค่ะ