ผู้ค้ำประกันมืออาชีพ 2


“ยุติธรรมคือศาสตร์” จริงๆนะ ค่อยๆรู้เรียนกันไปจะทำให้ท่านมีภูมิของการยั้งคิด ก่อนจะทำธุรกรรมใดๆ ซึ่งผมไม่ได้ต้องการให้ท่านเป็นฝ่ายชนะคดีแต่ต้องการให้ท่าน มีวิธีคิดและมุมมองที่ดีขึ้นจะได้ไม่ต้องใช้บริการทนายในทางแก้ไข แต่จะใช้ในทางป้องกัน

ผู้ค้ำประกันมืออาชีพ 2 

สวัสดีครับ ชาว G2K ทุกท่าน

บันทึกก่อนหน้านี้ ผมได้ขอแบ่งบันทึกเป็น สองกรณี ซึ่งกรณีแรก เข้าใจว่าท่านคงได้รู้เรียนกันไปแล้ว หากท่านใดที่เข้ามาอ่านบันทึกนี้ไม่ได้อ่านในกรณีแรกก็เข้าไปอ่านได้ที่นี้ครับ คลิ๊กเลยครับ

เอาหละ.......เรามาเข้าเรื่องกรณีที่สองกันเลยครับ  ช้าไปเดี๋ยวจะแก่กว่าเดิม ฮิ.ฮิ.....

            กรณีที่สอง คือผู้ค้ำประกันหลุดพ้นข้อผูกพันการค้ำประกันไม่ต้องรับผิดมูลหนี้ที่ตัวเองค้ำประกันต่อไปอีก เพราะเจ้าหนี้ไม่จ่ายค่าทนาย....ฮา.ฮา.........อันนี้ผมพูดจิง.จิง.นะ (ที่ถูกต้อง จริงๆนะ) คือเจ้าหนี้คิดช้าไปหน่อย....ไม่ปรึกษาทนายก่อนจะทำอะไรลงไปเกี่ยวตัวลูกหนี้

            คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ เจ้าหนี้(เป็นบริษัทจำกัด)  เป็นผู้ให้เช่าซื้อรถยนต์ ส่วนลูกหนี้กับผู้ค้ำประกันเป็นบุคคลธรรมดาอย่างผมกับท่านนี้หละครับ คือมีฐานะดีมีความสามารถหาดอกเบี้ยมาจ่ายได้ การซื้อรถยนต์จึงใช้วิธีเช่าซื้อเอา ไม่เหมือนบางคนที่ต้องซื้อเงินสดเพราะไม่มีปัญญาเสียดอกเบี้ย....สงสัย ฐานะทางบ้านคงไม่ดี......ฮา.ฮา............

            เมื่อทำสัญญาเช่าซื้อกันแล้ว ลูกหนี้ก็กรุณาเจ้าหนี้มากจ่ายค่าเช่าซื้อไปสามงวดแล้วไม่จ่ายอีกเลย......ฮิ.ฮิ.......เจ้าหนี้ก็ต้องติดตามเอารถคืน กว่าเจ้าหนี้จะติดตามพบรถก็ปาเข้าไปหนึ่งปีกับหนึ่งเดือน สัญญาเช่าซื้อทำไว้ สามสิบหกงวด (สามสิบหกเดือน) จ่ายไปสามงวด แล้วไม่จ่ายอีกเลย เอารถไปใช้จนเจ้าหนี้ติดตามยึดรถคืนได้ในอีกสิบเดือนต่อมา เท่ากับลูกหนี้ใช้รถไป โดยลูกหนี้กรุณาจ่ายเงินให้เจ้าหนีไป สามเดือน.....เออ.....ลูกหนี้ผู้น่ารัก......ฮา.ฮา.....

           ตอนที่เจ้าหนี้ติดตามยึดรถคืนไปจากลูกหนี้ ก็ได้ให้ลูกหนี้ลงชื่อรับทราบในบันทึกว่าหากนำรถไปขายทอดตลาดแล้วได้เงินไม่ครับจำนวนตามบันทึก คือ 835,000.-บาท จะยินยอมชำระเงินส่วนที่ขาดให้ภายในกำหนด เจ็ด วัน (ดูเจ้าหนี้ทำซิครับโหดมาก...ฮิ.ฮิ.....ขนาดให้ผ่อนตามสัญญาเดือนละไม่กี่ตังค์ยังไม่ผ่อนเลยคิดได้งัย....เดี๋ยวรู้)

            เมื่อยึดรถไปแล้วก็ทำการขายทอดตลาด เจ้าหนี้ขายไปเมื่อไหร่ไม่รู้และได้เงินเท่าไหร่ไม่รู้ แต่รู้จากหนังสือทวงถามเงินส่วนที่ขาดจำนวน อีก 260,000.-บาท อันนี้เจ้าหนี้บอกว่า ลูกหนี้กับผู้ค้ำประกันต้องรับผิดชอบนะ หากไม่จ่ายขอให้แก่ตั้งแต่เกิด....ฮา.ฮา......ผู้ค้ำประกันเมื่อรับหนังสือแล้วถึงทราบว่า ไอ้เจ้าเพื่อนยาก....ที่ตัวรักกว่าคนข้างกายมันทำเข้าให้แล้ว....จึงใช้วิธีโทรไปด่ามัน....ส่วนด่ามันว่าอย่างไรผมไม่ทราบวันหน้าเจอตัวจะถามให้ถ้าอย่างรู้เรื่องชาวบ้าน.....ฮา.ฮา....ครั้นไอ้เจ้าเพื่อนยากถูกด่าก็ต้องรีบโดย..ไวไว...(ทำไมไม่..มาม่า...ก็ไม่ทราบ) ไปตกลงกับเจ้าหนี้ ทั้งกราบ ทั้งขอขมา ทั้งขมขู่ว่าไม่มาจีบพนักงานของเจ้าหนี้อีก จนเจ้าหนี้ใจอ่อน จึงทำสัญญาให้ลูกหนี้ผ่อนชำระค่าเสียหายได้ โดยตกลงกันมีสาระสำคัญดังนี้

                        หนังสือรับสภาพหนี้

หนังสือฉบับนี้ทำระหว่าง.........................................

            ๑ลูกหนี้ขอรับผิดชอบเงินค่าเสียหายและค่าติดตามและค่าดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน 275,000.-บาท

            ๒เงินจำนวนดังกล่าวจะผ่อนชำระให้เดือนละไม่ต่ำกว่า 15,000.-บาททุกวันที่ 3 ของเดือน โดยจะชำระให้ครบจำนวนตามข้อ ๑ ภายใน วันที่ 3 มีนาคม 2537 (คือระยะเวลาผ่อนชำระ 1 ปีนะครับ)

            ๓ถ้าผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งให้ถือว่าผิดนัดเต็มจำนวน และยินยอมให้คิดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 %ต่อปีจากต้นเงิน 275,000.-บาทไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

            ๔................................................................

            นี้คือสระสำคัญของสัญญารับสภาพหนี้ที่ลูกหนี้รายนี้ไปทำกับเจ้าหนี้เมื่อถูกผู้ค้ำประกันติดต่อสอบถามลูกหนี้ไป ภายหลังจากที่ผู้ค้ำประกันได้รับหนังสือทวงถามจากเจ้าหนี้

            ถ้าท่านดูตามที่ว่ามานี้แล้วเรื่องก็น่าจะจบ ไม่น่าจะมีปัญหาอีกต่อไป เพราะลูกหนี้กับเจ้าหนี้ตกลงกันได้ตามที่ยกเอาขอความบางตอนของสัญญามาให้อ่าน

            แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นเจ้าหนี้และผู้ค้ำประกันคิดไม่ทันหรือคิดชาไปก็ไม่ทราบ ท่านเชื่อหรือไม่ว่าลูกหนี้รายนี้ เป็นลูกหนี้ที่สุดยอด.....ฮิ.ฮิ.....

            ปรากฏว่า...เจ้าหนี้ได้รับเงินสด 15,000.-บาท ในวันทำสัญญารับสภาพหนี้เพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นเจ้าหนี้ไม่ได้รับชำระอีกเลย....ฮา.ฮา.......

พักก่อนนะครับก่อนไปศาลกัน....เดี๋ยวจะแก่กว่าเดิม...ฮิ.ฮิ...

  

พักกันพอหายง่วงแล้วเราไปศาลกันนะครับ

            เจ้าหนี้เมื่อไม่ได้รับชำระเงินตามสัญญารับสภาพหนี้ก็ต้องนำคดีนี้ไปศาล ทนายเจ้าหนี้ก็ทำการขั้นตอน(แฮ....ตรงนี้คำพูดใครนะ.....ฟังคุ้นๆ) และแล้ววันหนึ่งในกลางฤดูหนาว บรรยากาศกำลังน่าสบายๆ ผู้ค้ำประกันกำลังชื่นชมมวลหมู่แมลงภู่ผึ้งอย่างมีความสุข ทันใดนั้น......มีใครอยู่บ้านไหมครับ.....ผมเป็นเจ้าพนักงานเดินหมายศาลครับ...มีหมายมาส่งให้คุณ...............ครับ ความสุขของ ผู้ค้ำประกันหายไปในบัดดล เรื่องก็เลยมาถึงผม เมื่อสืบสวนสอบสวน(ยังกับเจ้าพนักงานสอบสวน)ก็ได้ความตามที่ว่ามาแล้ว จึงบอกผู้ค้ำประกันว่า ดีแล้วครับจ่ายค่าทนายเสียบ้างชอบไปค้ำประกันให้เพื่อนรักดีนัก...ฮา.ฮา.....

            ในชั้นศาล....

            ผมต่อสู้ให้ตามข้อกฎหมายว่า จำเลยที่2(ผู้ค้ำประกัน)ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ (เจ้าหนี้) อีก (ยกเว้นค่าทนายของผม...แฮ......) เพราะเข้าค้ำประกันหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อเท่านั้น แต่ไม่ได้ค้ำประกันหนี้ตามหนังสือสัญญารับสภาพหนี้ที่โจทก์ กับจำเลยที่ 1(ลูกหนี้) ทำกันภายหลัง ซึ่งเป็นการแปลงหนี้ใหม่ จำเลยที่ 2 จึงหลุดพ้น

            ฝ่ายโจทก์ นำสืบว่า หนี้ ตามหนังสือรับสภาพหนี้ที่นำส่งศาลหมาย จ.......ไว้นี้ (เอกสารที่โจทก์อ้างนำส่งเป็นพยานหลักฐานต่อศาลทางศาลจะกำหนดเลขหมายไว้ว่าเป็นหมาย จ. ส่วนของจำเลยจะกำหนดเป็นหมาย ล. ทั้งสองหมายจะตามด้วยหมายเลขเรียงลำดับไปเช่น หมาย จ.๑ จ.๒ จ.๓ หรือ ล.๑ ล๒. ล๓. ทั้งนี้เพื่อง่ายต่อการอ้างอิงและตรวจสอบ) ก็คือมูลหนี้ที่เกิดจากสัญญาเช่าซื้อ โจทก์ไม่ได้แปลงหนี้ใหม่ คือต่อสู้กันทำนองนี้

            ฝ่ายจำเลยที่ 1 ฮิ.ฮิ.....อย่าหวังว่าจะมาศาล.....ฮา.ฮา......เห็นยังว่าลูกหนี้รายนี้สุดยอด......ศาลต้องสั่งขาดนัดแล้วสืบพยานเฉพาะโจทก์กับจำเลยที่ 2 แต่ด้วยบทกำหนดของกฎหมายโจทก์ก็ต้องนำสืบพยานต่างๆก่อนจำเลยที่ 2 เมื่อสืบพยานกันเสร็จสิ้นศาลก็นัดวันฟังคำพิพากษาตามขั้นตอน (คุ้นอีกแล้วคำนี้ แฮ.....)

ก่อนทราบผลคำพิพากษา พักอีกทีนะเห็นผู้สูงวัยแอบหลับอีกแล้วเห็นใจ...ฮา.ฮา.......

 

 

เอาหละกลับมาฟังคำพิพากษากันว่าผลเป็นอย่างไรเอาเพียงย่อๆพอเข้าใจนะครับ

            คดีนี้โจทก์นำสืบว่า

            จำเลยที่ 1 เช่าซื้อรถยนต์ไปจากโจทก์ โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าเช่าซื้อตามสัญญา โจทก์ จึงยึดรถยนต์ คันที่เช่าซื้อ คืนจากจำเลยที่ 1ในสภาพเสียหาย พร้อมทั้งได้ทำหนังสือตามเอกสาร หมาย จ.5 โดยจำเลยที่ 1ยอมใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์หาก นำรถยนต์ไปขายทอดตลาดแล้วได้เงินไม่ครบจำนวนตามสัญญาเช่าซื้อ และต่อมาเมื่อโจทก์ขายทอดตลาดรถยนต์ดังกล่าวได้เงินไม่ครบจำนวนจึงได้ทวงถามเอาจาก จำเลยทั้งสอง ภายหลังจากที่โจทก์ทวงถามแล้ว จำเลยที่ 1 จึงได้ทำหนังสือ ตามเอกสารหมาย จ.9 ให้แก่โจทก์ เห็นว่าเอกสารหมาย จ. 9 มิใช่เป็นเพียงการตกลงชำระหนี้โดยการเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาชำระหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อเดิมเท่านั้น  แม้ในหนังสือหมาย จ.9 จะระบุว่าเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ แต่ข้อความในหนังสือยังมีข้อความระบุไว้ว่า  ตามที่..(ระบุชื่อ จำเลยที่ 1)..........ได้เช่าซื้อรถยนต์ไปจาก....(ระบุชื่อ บริษัทโจทก์)......นั้น..จำเลยที่ 1 ได้คืนรถยนต์ ที่เช่าซื้อให้แก่โจทก์ในสภาพเสียหายจึงยอมชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 275,000.-บาท ให้แก่โจทก์ โดยผ่อนชำระเป็นงวดๆ อันถือเป็นการตกลงระงับข้อพิพาทระหว่างโจทก์ กับจำเลยที่ 1 ซึ่งมีอยู่ตามสัญญาเช่าซื้อเดิมให้เสร็จไปด้วย และการที่โจทก์ยอมผ่อนผันให้แก่จำเลยที่ 1ตามข้อตกลงใหม่ที่ทำขึ้นตามเอกสารหมาย จ.9 นั่น  ข้อตกลงดังกล่าว จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850ประกอบ มาตรา 852  อันเป็นผลทำให้การเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้ยอมสละระงับสิ้นไป และผลของสัญญาทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญาหมาย จ.9 ดังนั้นสิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามสัญญาเช่าซื้อเดิมซึ่งมีต่อจำเลยที่ 2 จึงระงับไปด้วย และจำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันสัญญาเช่าซื้อตามมูลหนี้เดิมก็ไม่ได้ตกลงใน การทำบันทึกตามเอกสารหมาย จ.9 ด้วย จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิด

พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน จำนวน 275,000.-บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน 275,000.- บาท นับแต่วันฟ้อง สำหรับจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง

ง่วงเปล่าครับ สูงวัยแล้วพักอีกทีนะ...ฮิ.ฮิ...

 

เอาหละพักพอแล้ว

เป็นงัย...ครับอย่างนี้ จะไม่ให้เรียกว่า ผู้ค้ำประกันมืออาชีพ...ก็เกินไปพี่....ในเมื่อไม่ต้องรับผิดชอบในหนี้ค่าเช่าซื้อที่ตัวเข้าไปค้ำประกันให้กับเพื่อนแท้ผู้น่ารัก...แฮ.....

เมื่อผมได้รับเรื่องมาและจากการสอบข้อเท็จจริงต่างๆ ผมมองว่า กรณีนี้ ผู้ค้ำประกันน่าจะหลุดพ้น เพราะถือเป็นการแปลงหนี้ใหม่ และเป็นการผ่อนระยะเวลาการชำระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ซึ่งจะเป็นเหตุให้ ผู้ค้ำประกันหลุดพ้น ผมจึงตั้งแนวต่อสู้โจทก์ไปตามที่ได้พิจารณาจากข้อเท็จจริง ผมมองว่างานนี้เจ้าหนี้ น่าจะพลาดท่าเสียแล้ว ซึ่งเป็นไปได้ว่าทางฝ่ายติดตามลูกหนี้กระทำไปโดยไม่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายเสียก่อน คงคิดแต่เพียงว่าได้เงินเพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้คิดไปถึงว่าผลของการทำหนังสือรับสภาพหนี้ จะทำให้หลักประกันหนี้สิ้นผลไปด้วย

คราวนี้มาดูข้อกฎหมายที่ผมใช้ต่อสู้กับฝ่ายโจทก์มีตามนี้ครับ

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 698

อันผู้ค้ำประกันย่อมหลุดพ้นจากความรับผิดในขณะเมื่อหนี้ของลูกหนี้ระงับสิ้นไปไม่ว่าเพราะเหตุใด ๆ

มาตรา 850 

อันว่าประนีประนอมยอมความนั้น คือสัญญาซึ่งผู้เป็นคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายระงับข้อพิพาทอันใดอันหนึ่งซึ่งมีอยู่  หรือจะมีขึ้นนั้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน

มาตรา 852

ผลของสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ย่อมทำให้การเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้ยอมสละนั้นระงับสิ้นไป และทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญานั้นว่าเป็นของตน

 

เห็นยังครับ “ยุติธรรมคือศาสตร์”  จริงๆนะ ค่อยๆรู้เรียนกันไปจะทำให้ท่านมีภูมิของการยั้งคิด ก่อนจะทำธุรกรรมใดๆ ซึ่งผมไม่ได้ต้องการให้ท่านเป็นฝ่ายชนะคดีแต่ต้องการให้ท่าน มีวิธีคิดและมุมมองที่ดีขึ้นจะได้ไม่ต้องใช้บริการทนายในทางแก้ไข แต่จะใช้ในทางป้องกัน

ก่อนจบบันทึกนี้ให้รางวัลที่ทนอ่านเป็นภาพงามๆให้ชื่นชมอีกสองภาพตามนี้ครับ

ภาพแรก

 

ภาพสอง

คราวนี้เที่ยวศาลแพ่ง คราวหน้าไปศาลอาญากันบ้าง.....รับรองหนุกหนานครับ......ฮิ.ฮิ.....

หมายเลขบันทึก: 495254เขียนเมื่อ 19 กรกฎาคม 2012 00:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 กรกฎาคม 2012 01:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

มาชวนทนายไปหุงข้าวหม้อดิน กินแกงเลียงทีวัดหารเทา ดังข้าวสังหยดหรอยคาด

สวัสดีค่ะ

  • บันทึกยาว ๆ แบบนี้ ปกติจะอ่านลวก ๆ คริ คริ
  • แต่บันทึกนี้อ่านละเอียดเลยค่ะ เพลินดี มีอา
  • จนต้องหาเวลาย้อนไปอ่านบันทึกก่อน ๆ 
  • ได้ความรู้เรื่องกฎหมายใกล้ตัวดีมากค่ะ เพราะอยู่ทั้งในฐานะผู้กู้และผู้ค้ำ ฮา
  • บันทึกหน้าท่านบอกจะพาไปศาลอาญา
  • งั้นเดือนหน้า คงให้ท่านพาไปศาลทรัพย์สินทางปัญญาบ้างแล้วหละ 55555+

สวัสดีค่ะคุณทนายแปดขา

มาชมภาพงามๆ ค่ะ 5 5 5

:)

ขอบคุณค่ะกับคำเตือนที่บอกให้ป้องกันไว้ก่อน

ไม่กลัวว่าจะมีแต่คนป้องกันจนไม่ต้องพึ่งทนายเหรอคะ.....ฮาาาาา

อยาก "แปรงหนี้" จังครับ (อ่านผ่านแล้วสะดุดครับ น่าจะเป็น "แปลงหนี้" )

กับข้อมูลวันนี้ และที่สื่อมวลชนเสนอข่าว (TV เกี่ยวกับแพะแท็กซี่) และเรื่องอื่น ๆ ผมรู้สึกว่า ผู้ที่มีอันจะกิน (กลาง ถึงร่ำรวย) จะเป็นกลุ่มคน ที่ได้เปรียบทั้งด้านคดีความ การรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ เพราะมีทางเลือกมากมาย ที่จะไขว่คว้าเลือกสรรสิ่งที่ดีให้ตนเอง

ในขณะที่คนยากจน แร้นแค้นทุกหนทาง จนกว่าจะมี "นักบุญ" ด้านคดี ด้านการรักษาโรค มาอาสาดูแลพวกเขา

สวัสดีครับ ท่าน Blank วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei--

มาเป็นคนแรกอีกแล้วครับท่าน.....อย่างนี้รักตายเลย.....

เมื่อคืนผมแวะไปกินข้าวหม้อดินมาแล้วครับ เวลาคงใกล้เคียงกับที่บังแวะมา

เห็นกับข้าวแล้วหิวตอนดึก ถ้าเป็นแบบนี้ทุกบ่อย คงลงพุงอีกแล้ว...ฮา.ฮา..

อิจฉาบัง...ที่ได้ทำกิจกรรมที่มีความสุขบ่อยๆ

ชีวิตใน กทม.น่าเบื่อครับ ตอนนี้นับวันรอการสิ้นสุดภาระกิจ  แล้วจะกลับไปใช้ชีวิตช่วงสูงวัยอยู่พังงาครับ

ขอบพระคุณที่แวะมาชวนไปกินข้าวหม้อดินครับ

 

สวัสดีครับ คุณครู Blank อิงจันทร์ บ้านกลอนไฉไล

ฮิ.ฮิ...แสดงว่าคุณครูชอบเที่ยวศาลทรัพยสินทางปัญญา....แฮ...

ในฐานะนักฎหมายขอแนะนำว่าให้เป็น ผู้กู้ เพียงอย่างเดียวแล้วจะรวยครับ

เพราะเท่าที่เห็นมา ผู้กู้ มีความสามารถจ่ายดอกเบี้ย

ใครใช้แต่เงินสดของตัวเอง แสดงว่าฐานะทางบ้านไม่ดีไม่มีปัญญาจ่ายดอกเบี้ย..ฮา.ฮา...

ขอบพระคุณครับที่แวะมาให้กำลังใจ

สวัสดีครับคุณ Blank  ปูดำอันดามัน

ทำไมไม่อ่านหนังสือ.....มองภาพถ่าย...เดี๋ยวจับให้ค้ำประกันเงินกู้เสียเลย..ฮา.ฮา....

คุณปูเดินทางบ่อยจังเลยนะครับ อยากไปบ้าง...จะได้ถ่ายภาพงามๆ

ขอบพระคุณครับที่แวะมาให้กำลังใจ 

สวัสดีครับคุณครู Blank krugui

จากกันไปนาน...ครูกีร์..สบายดีนะครับ

นานๆเจอที...สวยขึ้น....มีแอบน่ารักด้วย...คนข้างกายครูกีร์โชคดีจัง

ฮิ.ฮิ...ใช้ทนายในทางป้องกันผมไม่กลัวว่าจะตกงานครับ เดี๋ยวตั้งหน่วยสร้างงานไปจัดให้

ขอบพระคุณที่แวะมาให้กำลังใจแล้วผมจะแวะไปครับ

สวัสดีครับคุณ Blank คณิน อุดมความสุข

ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งที่คุณคณิน ท้วงติงเรื่องคำผิด

คำว่า แปรงหนี้ ผิดครับ ที่ถูกต้อง แปลงหนี้ ครับ ผมได้แก้ไขแล้ว ขอบพระคุณอีกครั้งครับ

ผมเองก็ติดตามข่าว แพะแท็กซี และข่าวอื่นๆที่ไม่ได้รับความยุติธรรมอยู่บ่อยๆ

ทั้งเคยเข้าไปช่วยเหลือโดยไม่เรียกร้องใดๆบ่อยครับ หากได้รับรู้และสามารถเข้าช่วยเหลือได้ในขณะนั้น ผมไม่ได้มองว่าเขาผู้นั้นจะยากจน หรือมีอันจะกิน ถ้าเขาไม่ได้รับความยุติธรรม

กรณีแท็กซี ยังไม่เป็นกรณีสุดท้ายครับ ต้องแก้ที่แนวคิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจครับ ระบบกฎหมายและวิธีปฏิบัติได้วางไว้ดีแล้ว แต่นำมาใช้ในแนวทางที่ขาดเมตตาธรรม

อย่างเช่นกรณีแท็กซี หากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีแนวคิดที่มีเมตตาธรรมอีกหน่อยเดียวเท่านั้น แพะแท็กซี ก็ไม่ต้องถูกคุมขัง เพราะเขาเข้ามอมตัวเอง การพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราวสามารถทำได้เพราะมีหลักวิธีปฏิบัติวางไว้แล้ว แต่ไม่นำมาใช้ เงิน 20,000.-บาทที่จ่ายให้เขาไม่ได้ช่วยให้ได้รับความภาคภูมิกลับมา ตอนจับกุมเขาทำข่าวเสียใหญ่โต ชาวไทยและต่างประเทศทราบกันหมด พอเจ้าหน้าที่ตำรวจยอมรับว่าที่ควบคุมตัวไว้นะแพะแน่ ทำไมไม่กู้ความภาคภูมิให้เขามากกว่าเงิน 20,000.-บาท หากเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อำนาจที่มีในทางเมตตาธรรม ชาวบ้านก็ไม่ต้องตกเป็นแพะ ผมคิดเล่นๆเอาว่าถ้าแท็กซี ท่านนี้เป็น ส.ส.แล้วใช้เวลาว่างมาขับแท็กซี ตอนนี้ก็ไม่ได้มีประชุมสภา เอกสิทธิ์ก็ไม่มี เขาจะถูกควบคุมตัวเปล่านะ ฝากคุณคณิน ไปคิดเล่นๆ...ฮิ.ฮิ...

ขอบพระคุณครับที่แวะมาให้กำลังใจ 

มาตักตวงความรู้…..ดีๆ อย่างนี้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท