117. ฝันลมๆ แล้งๆ กับการศึกษาไทย 2020(2563)


จะเรียกว่า "ฝัน ฝัน หวาน" หรือ "ฝันลมๆ แล้งๆ" ดีหนอ

กับการศึกษาไทย ที่ถามถึง ในปี 2020

เพราะก้าวย่างของการศึกษาไทย...ที่ผ่านมา ราวอยู่ในฝันที่ไม่เป็นจริง

 

เราฝันว่าจะใช้ "การศึกษา เป็นยาหม้อใหญ่" แก้สารพัดโรค

โดยเฉพาะ "โรคยากจน" ของประชาชนทั่วหน้า

แต่เหตุใด ลูกหลานยิ่งเรียนสูง พ่อแม่ยิ่งยากจนเล่า

 

ไฉน ลูกหลานที่เรียนสูงส่ง ยังว่างงาน หางานทำไม่ได้เล่า

ก็เพราะสิ่งที่ร่ำเรียนนั้น ช่างไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตเอาเสียเลย

 

ไฉน ครูอาจารย์ที่อ้างว่าทำงานสอนกันอย่างหนักนั้น

ลูกศิษย์ กลับได้เพียงความรู้ติดสมอง ที่ไม่สามารถใช้การได้

หากเป็นได้เพียงลูกจ้างที่ทำงานราวกับหุ่นยนต์ กลไกเครื่องจักร

หากไม่สามารถสร้างสรรค์ผลงาน หรือสร้างงานของตนได้เอง

 

ไฉน คนที่คอรัปชั่นสูง โกงบ้านโกงเมือง ก็มักจะจบการศึกษาสูง

ไฉน การศึกษาที่เกิดขึ้นจึงกลายเป็นเครื่องแบ่งชนชั้น

ไฉน การศึกษาจึงกลายเป็นการแข่งขันที่บ้าคลั่ง

ไฉน การศึกษาจึงกลายเป็น สิ่งสร้างความทุกข์ให้กับผู้เรียนทุกช่วงชั้น

 

ฉันตอบคำถามเหล่านั้นไม่ได้เลย แม้จะอยู่ในแวดวงนี้มาเนิ่นนาน

หรือฉันก็เป็นเพียงฟันเฟืองหนึ่ง ที่ขับเคลื่อนการศึกษาที่ไร้คุณภาพ

ของสังคมไทย ให้ก้าวย่างต่อไปในวงล้อเดิมๆ

เพราะเกรงกลัวความเปลี่ยนแปลง

 

ฉันไม่กล้าจะฝันว่า...

สักวันหนึ่ง การศึกษาไทย จะเป็นอิสระจากระบบการเมือง

สักวันหนึ่ง การศึกษาไทยจะหลุดพ้นจากการเป็นเครื่องมือแห่งการสร้าง

"พลเมือง" ให้กับรัฐที่ถูกครอบงำจากคนเพียงกลุ่มเล็กๆ แต่ทรงอำนาจ

 

สักวันหนึ่ง การศึกษาไทยจะเป็น การเรียนรู้เพื่อชีวิตอย่างแท้จริง

เป็นการเรียนรู้ที่ตั้งอยู่บนฐานชีวิต ฐานชุมชน และเกื้อกูลต่อการอยู่ในท้องถิ่น

มากกว่าการผลักให้คนต้องออกจากท้องถิ่นและวิถีชีวิตของตนเอง

เพื่อไปอยู่ในเมืองหรือถิ่นอื่นๆ เพื่อให้มีงานทำสอดคล้องกับความรู้ที่ได้รับมา

และ

สักวันหนึ่ง ที่เราจะเชิดชู คนที่มีความรู้แท้จริง มิใช่คนที่มีความรู้แบบท่องจำ

 

ฉันไม่แน่ใจว่า ปี 2020 การศึกษาไทย แบบที่ฉันฝัน จะเกิดขึ้นหรือไม่

หรือฉันต้องตื่นจากฝัน

พบกับความจริงที่ว่า "การศึกษาไทย" ยังเหมือนเดิม

ตราบเท่าที่ เรายังนิยาม การศึกษา เช่นเดิม 

และรัฐก็ยังเห็น การศึกษา เป็นเพียงกระทรวงหนึ่งที่จะจัดสรรให้

ใครก็ไม่รู้ มาเป็น รัฐมนตรี ตามโควต้า ตามใจ...

พ่อแม่ ยังคงคิดเพียงว่า...จะเอาลูกไปเข้าโรงเรียนดังๆ ที่ไหนดี

 

ดึกแล้ว ฉันคิดว่าจะต้องเข้านอนแล้ว

เพื่อจะได้ฝันหวานว่า...เมื่อตื่นมาในปี 2020 

การศึกษาไทย จะเป็น การเรียนรู้ที่มีความสุข และงดงามสำหรับทุกคน.

หมายเลขบันทึก: 494919เขียนเมื่อ 15 กรกฎาคม 2012 22:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 กันยายน 2012 13:27 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

ขอบคุณสำหรับบทความที่ดีนะครับ ผมขอเสนอความคิดเห็นด้วยนะครับ การศึกษาไทยจะดีสมตามที่ท่านฝันนั้น เราทุกคนต้องช่วยกันครับ เราทุกคนคือ รัฐบาล ผู้บริหารทุกภาคส่วน ชุมชน ท้องถิ่น โดยเฉพาะผู้ปกครองด้วยครับ ผมเองก็อยู่ในวงการศึกษาเช่นเดียวกับท่านครับ ก็อดเป็นห่วงมากเหมือนกันครับ ประเทศไทยเรากำลังเกิดอะไรขึ้นครับ เด็กและเยาวชนกระทำความผิดกฏหมายอย่างร้ายแรงมากขึ้น ยาเสพติดมากขึ้น คนไทยเราเชื่อในความรวยที่เป็นมิจฉาฐิทิมากขึ้น คือไม่สนใจว่าจะได้เงินมาด้วยวิธีใด ขอให้รวยอย่างเดียว และผู้นำในองค์กรของเราเปลี่ยนไป เป็นตัวอย่างที่ทำให้ลูกหลานไทยเอาเป็นตัวอย่าง ไม่ได้ขึ้นมาจากความรู้ความสามารถและคุณความดี แต่มาจากการเมืองที่ไม่ชอบธรรม ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ระบบการศึกษาของไทยเรามีคุณภาพไม่เป็นไปตามนโยบายที่ทุกคนฝันครับ เด็กไทยในปัจจุบัน จบการศึกษาในระดับอุดมศึกษาตามคณะที่เลือกไว้ แต่ตกงานและทำงานไม่ตรงสาขาที่จบกันเป็นจำนวนมากครับ ประมาณหนึ่งแสนคนต่อปีครับ และหน่วยงานที่ควบคุมคุณภาพการศึกษาในระดับต่าง ๆ เช่นในระดับอุดมศึกษาควบคุมดูแลได้ไม่ทั่วถึง กรณีที่มีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของเอกชน ที่มีนักศึกษาเรียนระดับมหาบัณฑิต แต่จบการศึกษาด้วยวิธีการอย่างหลอก ๆ ทำให้มีการฟ้องร้องซึ่งระบุไว้ในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ข้อมูลดังกล่าวนี้ จึงเป็นสาเหตุทำให้ การศึกษาไทยที่เราฝันว่าจะพัฒนาให้ลูกหลานไทยเราเป็นคนดีและมีความรู้ทางวิชาการที่เพียบพร้อมและพร้อมจะอยู่ในสังคมอย่างมีความสุขนั้น คงต้องฝันไปอีกนานครับ

ปล.แต่ตอนนี้เป็นห่วงว่ายาเสพติดระบาดมากไปทั่วเมืองไทยแล้วครับ

มีตลกร้ายเล่าให้ อ.วรกาญจน์ฟังค่ะ


หลายครั้งเมื่อเริ่มเปิดเทอมใหม่ เจอะเจอผู้เรียนหน้าใหม่ๆ

ฉันเคยตั้งคำถามกับเขาว่า


"ถ้าหากวันนี้ ยังไม่ต้องเรียน แต่จ่ายค่าเทอมให้หมดก่อน

แล้วสถาบันฯ จะให้ปริญญากับท่านไปเลย รับกับมือ...ด้วย

แล้วหลังจากนั้นเราค่อยมาเรียนรู้กัน จะนานแค่ไหนก็ได้  

เราจะจัดการเรียนการสอนให้อย่างเต็มที่

คำถามคือ จะมีใครกลับมาเรียนเพื่อรับความรู้บ้าง ???"

 

ฉัน พบว่า มีมือยกขึ้นทันทีเพียง 1-2 คนเท่านั้น 

มีบางคนลังเล ไม่แน่ใจ 

แต่มีหลายๆ คนมั่นใจว่าจะไม่กลับมาเรียน

เพราะเขาได้รับสิ่งที่ปรารถนาแล้ว นั่นคือ "ใบปริญญา"

 

นี่กระมัง...ภูเขาน้ำแข็งในระบบการศึกษาไทย.

 

 

อืมม... เป็น "ตลกร้าย" ที่กระตุกต่อมคิดได้ดีมากๆ เลยครับ

  • ชัดเจน เห็นจริง ตรงเป้า เข้าจุดตาย ฯลฯ
  • ระดับ "พี่เขาทราย" คงกองกับพื้น
  • แต่ไหง.!... นักการศึกษไทยจึงยังยิ้มระรื่นบอก "ฉันออกแบบมาดีที่สุดแล้ว ครูเองที่โง่... ไม่มีคุณภาพ...!..."
  • ปัดโธ่...!... (โอ้...จริง...?...)
  • ...?....?....?....
  • อยากให้ลองอ่าน http://www.gotoknow.org/blogs/posts/494750 ดูนิดหนึ่ง
  • แล้วลองเทียบกันดูว่า "ใครฝนลมๆแล้งๆกว่า" หรือพอๆกันน่ะครับ

...หากจะเป็นเพียงฝัน...(ความจริงคงไม่เกิด)...ถ้า..ตอนตื่น..แต่ไม่ตื่นตัว..ฝันที่มี..คงเป็นแค่ฝัน..ค้างๆ..."วันนี้เรา..รู้..ตื่น..หรือยัง"..ถ้า..เราตื่นแล้ว..การศึกษาคงจะหลับอยู่ไม่ได้..(สักวัน..ไฟคงรนก้น"นักกินเมือง"...อ้ะะๆๆ..ยายธี..

  • อาจารย์ครับ
  • อาจารย์สบายดีไหม
  • หายไปนานเลยครับ

ตราบใดที่ยังคืนครูสู่ห้องเรียนไม่ได้ ตราบนั้นเด็กไทยก็ยังด้อยคุณภาพกว่าที่ไหนๆ คิดว่าครูเอกชนยังได้สอนเต็มที่มากกว่าครูรัฐนะคะ เพราะโรงเรียนเอกชนมีเจ้าหน้าที่ในแผนกต่างๆ ถ้าเป็นโรงเรียนรัฐครูหนึ่งคนสวมหัวโขนมากกว่าหนึ่งแน่ๆคะ ทุกวันนี้อยากจะลาออกวันละหลายรอบ รบกับเด็กยังไม่พอต้องรบกับงานเสริมอีกมากมาย เฮ้อ...เหนื่อยสุดๆคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท