ประวัติจังหวัดตรัง
จังหวัดตรังถูกค้นพบมาตั้งแต่สมัยก่อนพุทธศตวรรษที่ 8 ซึ่งจากหลักฐานในกฎหมายของปโตเลมี ซึ่งชาวจีนเรียกว่า ปีอลดา หลักฐานนี้ได้กล่าวถึง เมืองปีอลดา ว่าเป็นเมืองท่าฝั่งมหาสมุทรอินเดียและแหลมสุวรรณภูมิทางตะวันตก สภาพเป็นชุมชนเล็กๆ และเป็นทางข้ามของแหลมมาลายู ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับ อำเภอปะเหลียนในปัจจุบัน
สมัยพุทธศตวรรษที่ 11 – 16 ได้พบหลักฐานที่ตำบลเขากอบ อำเภอห้วยยอด ว่าเป็นชุมชนที่สำคัญ มีท่าประดู่(คลองหลวง) ซึ่งจะเป็นทางที่ใช้ในการคมนาคม ซึ่งในตำบลเขากอบนั้นมีการทำนามาก จึงถือว่าเป็นทำเลดีในการตั้งเมือง อีกทั้งยังมีคลองมวนและคลองยางยวนไหลผ่านแล้วไหลรวมกันเป็น
คลองกอบ ในปัจจุบัน อีกทั้งพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นในสมัยก่อนประวัติศาสตร์
สมัยตามพรลิงค์ และสมัยศรีวิชัย ที่ตำบลเขากอบ นาวง บางดี และยังพบพระพิมพ์ดินดิบศรีวิชัย จารึกคาถาเยอฺมมา ซึ่งจารึกเป็นภาษาสันสกฤตสร้างตามแบบพระพุทธศาสนานิกายมหายาน-วชิรยาน ที่วัดคีรีวิหาร วัดหูแกง ถ้ำเขาสาย
สมัยพุทธศตวรรษที่ 17-19 มีการกล่าวว่ามีการตั้งเมืองที่ตำบลห้วยยอด และตำบลลำภูรา เพราะมีสายน้ำที่สำคัญ 2 สายคือ คลองห้วยยอดและคลองลำภูรา ซึ่งจะมาบรรจบกันเป็นแม่น้ำตรัง และตามตำนานเมืองนครศรีธรรมราชในปีพ.ศ. 1773 เมืองนครศรีธรรมราชได้แยกหัวเมืองต่างๆออกมาเป็นเมือง 12 นักษัตร และจัดให้เมืองตรังเป็นหัวเมืองมะเมีย ทำหน้าที่เป็นหัวเมืองท่าประจำฝั่งทะเลตะวันตกของเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งจะใช้ในการติดต่อค้าขายกับอินเดียและศรีลังกา
สมัยพุทธศตวรรษที่ 20 – 24 เป็นสมัยอยุธยา ย้ายศูยน์กลางการติดต่อมาอยู่ใกล้แม่น้ำตรัง เกิด
ศูยน์กลางทางการค้าและการติดต่อทางด้านเรือ ณ. บ้านนาแขก บ้านอู่ตะเภา มีกองเรือรบชายฝั่งทะเลตะวันออก จากจดหมายเหตุปอร์ตุเกสได้ระบุว่า ในปี พ.ศ. 2054 อินเดียได้ยกทัพมาตีเมืองมะละกาและได้เดินทางผ่านเมืองตรัง
สมัยกรุงธนบุรี ได้แยกหัวเมืองปักษ์ใต้ออกจากนครศรีธรรมราช
สมัยรัตนโกสินทร์
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงผนวกเมืองตรัง และเมืองภูราเข้าด้วยกัน และกลายเป็นเมืองตรังภูรา และได้แต่งตั้งให้พระยาภัคดีบริรักษ์เป็นผู้รักษาเมืองตรังภูรา
สมัย พ.ศ. 2347 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงยกเปลี่ยนระบอบการปกครอง และทรงให้เมืองตรังขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานครฯ
สมัย พ.ศ. 2354 พระบาทสมเด็จพระเลิศหล้านภาลัยโปรดเกล้าให้จัดทำเนียบข้าราชการเมืองนคร ตรังมีความสำคัญจนมีหัวเมืองขึ้น มีค่ายด่าน ซึ่งถือเป็นหัวเมืองชั้น 1
สมัย พ.ศ. 2433 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จพระพาสหัวเมืองปักษ์ใต้ ทรงเห็นว่าผู้ปกครองเมืองตรังอ่อนแอ และไม่มีความเป็นธรรม จึงย้ายพระยาตรังคภูมาภิบาล (เอี่ยม ณ นคร) ย้ายไปรับราชการเมืองนครศรีธรรมราช และให้พระยาอัษฎงคตทิศรักษา (คอซิมบี้ ณ ระนอง) เจ้าเมือง
กระบุรี มาเป็นเจ้าเมืองตรัง
สมัย พ.ศ. 2434 ทางการได้ยุบเหมืองปะเหลียนรวมกับเมืองตรัง ได้มีการใช้ประกาศข้อบังคับลักษณะการปกครองท้องที่การปกครองเป็นอำเภอ จังหวัดตรังมี 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอบางรัก อำเภอเขาขาว(ห้วยยอด) อำเภอสิเกา และ อำเภอปะเหลียน
สมัย พ.ศ. 2436 พระยาอัษงฎงคตทิศรักษา (คอซิมบี้ ณ ระนอง) ได้ย้ายเมืองจากควนธานีมายังกันตังซึ่งอยู่ติดทะเล เพื่อสะดวกในการติดต่อค้าขายกับประเทศแถบยุโรป พม่า มาลายู สิงข์โปร์ ปีนัง
สมัย พ.ศ. 2454 พระยาอัษงฎงคตทิศรักษา (คอซิมบี้ ณ ระนอง) ได้สั่งให้ก่อสร้างทางรถไฟสายใต้ ที่กำหนดให้มีทางแยกจากทุ่งสงมู่งสู่ท่าเรือกันตัง
สมัย พ.ศ. 2458 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเล็งเห็นว่าเมืองกันตังไม่เหมาะแก่การตั้งเมือง เพราะมีสภาพทางภูมิศาสตร์เป็นที่ลุ่มน้ำท่วมถึงได้ง่าย ขยายตัวเมืองได้ยาก ไม่เป็นศูยน์กลางของจังหวัด จึงย้ายเมืองมาตั้งที่ตำบลทับเที่ยง อำเภอบางรัก และได้ทรงพระราชทานตำหนักผ่อนกายเป็นศาลากลางประจำจังหวัด
สมัย พ.ศ. 2459 เปลี่ยนชื่ออำเภอบางรักเป็นอำเภอเมือง และมีนายอำเภอคนแรกคือ ขุนอำนาจสิงขร (ตาด ณ นคร)
สมัย พ.ศ. 2460 ร.6 มีการจัดระเบียบราชการแผ่นดิน จึงยกระดับเมืองตรัง ให้เป็นจังหวัดตรัง มีพระยารัษฎา(สิน เทพหัสดินฯ) เป็นผู้ว่าราชการคนแรก
สมัย พ.ศ. 2474 จังหวัดตรังเริ่มการปกครองสุขาภิบาล
สมัย พ.ศ.
2476
สุขาภิบาลเมืองตรังได้ยกฐานะเป็นเทศบาลเมืองตรัง
บรรณานุกรม
เทศบาลนครตรัง. แลหลัง...เมืองตรัง ใต้ร่มพระบารมี. กรุงเทพฯ: เวิร์คพอยท์ พับลิชชิ่ง,
2549
ประทุม ชุ่มเพ็งพันธุ์. ประวัติศาสตร์อารายธรรมภาคใต้แหล่งประวัติศาสตร์และ
โบราณคดีที่สำคัญในประเทศไทย. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาส์น, 2544
มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย. สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคใต้. กรุงเทพฯ: มูลนิธิ
สารานุกรมวัฒธนรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์, 2544
วริศรา แก้วสิทธิ์. ย้อนรอยประวัติศาสตร์ สกย. บนเส้นทางยางพาราไทย. กรุงเทพฯ:
สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง, 2549
สนิท พลเดช. ตรัง 11 ศตวรรษ. ตรัง : [ม.ป.ท., ม.ป.ป.]
http://www.trangzone.com/95_detail.php. 12 สิงหาคม 2549
โอ้ว~ *-*ดีค่ะเราเปนคนไม่ค่อยรุ้ประวัติจ.ตรังเลย ทำให้เราได้ความรู้มากขึ้นแย้ว
ในฐานะที่เป็นคนตรังด้วยกัน ก็ดีใจมากคับที่เห็นประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของจังหวัดตรังได้ถูกนำมาบอกกล่าวให้คนอื่นได้รู้
และถ้าใครสนใจอยากจะรู้ประวัติความเป็นมาของยางพาราที่เข้ามาในประเทศไทยก็เข้ามาดูได้ที่
สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณมากสำหรับข้อมูลดีๆ และอยากให้มีเรื่องราวความเป็นมาของจังหวัดตรังมาให้อ่านกันอีก จาก...คนรักบ้านเกิด.ไม่ได้เป็นคนจังหวัดตรังค่ะ แต่เข้ามาหาความรู้เพิ่มเติมค่ะ
แล้วจะกลับไปหาประวัติบ้านเกิดของตัวเองบ้าง
ความรู้เพิ่มเติม
อยู่ตรังค่ะ....แต่มะค่อยรู้ประวัติสักเท่ารัย...พอด้ายเข้ามาอ่าน...คิดว่าจ.ตรังของเรา...ประวัติความเปนมาดีมากเรยค่ะ...กว่าจาด้ายเปนนครเมืองตรัง...ต้องใช้เวลานานทีเดียว....เล่าหั้ยฟังคงมะอยากรู้เท่ามาลองเปิดอ่านเองนะค่ะ...รับรองจาติดจัยจ.ตรังของเราแน่ค่ะ....สุดยอดดดดดดดดดดดดดด
hello K'Si ...
I'm trang people too ka :D