...ก่อนอื่นต้องขอชื่นชมท่าน ผอ. คุณครูทุกคนนะคะที่ปลูกฝังให้เด็กรู้จักการปลูกข้าววิธีใหม่ๆ ที่ได้ทั้งความสามัคคี ความสนุกสนาน การมีส่วนร่วมของทุกคน จากการที่ได้อ่านบทความ "โยนกล้าในนาข้าวบ้านหนองผือ"ทำให้ยิ้มตามแบบไม่รู้ตัว...เมื่อวันก่อนครูนิรุตได้พาไปชมแปลงนาผืนน้อยที่เพิ่งปลูกข้าวเสร็จ ต้นข้าวต้นอ่อนกำลังพยายามเกาะผืนดินเพื่อการเจริญเติบโต ตอนนี้ต้นกล้ายังอ่อนอยู่ ยังต้องการการดูแล...แต่พอถึงระยะเวลาหนึ่งต้นกล้าเหล่านี้จะแข็งแรงและเติบโตเป็นต้นข้าวที่สวยงามเต็มผืนนาแห่งนี้แน่นอน...ถึงวันนั้นเด็กๆ คงภูมิใจในผลงานของตัวเอง..เคยถามครูนิรุตว่าทำไมไม่ใช้วิธีปักดำ(พ่อกับแม่เคยทำแล้วได้ผลผลิตดี) ครูนิรุตบอกว่าวิธีนั้นเด็กๆ คงเคยเห็นและรู้จักมาบ้างแล้ว แต่อยากใช้วิธีที่เด็กๆ ทำแล้วเกิดความภาคภูมิใจใน เกิดความสามัคคี และสนุกสนาน ได้เห็นผลงานของตัวเองมากกว่า ผลผลิตอาจได้ไม่เต็มที่แต่ผลผลผลิตทางจิตใจมีค่ามากกว่า
สุดท้ายก็ขอฝากทุกท่านที่เข้ามาอ่านบทความนี้ได้เป็นกำลังใจและสนับสนุนให้เด็กๆ ได้รู้จักอาชีพทางการเกษตร และอยู่อย่างพอเพียงตามรอยเท้าพ่อ นะคะ
สุดยอดการจัดการเรียนการสอน ที่เกิดจากประสบการณ์ตรง ได้ปฏิบัติจริงของผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่ถาวร และสนุกสนาน ขอบคุฯบันทึกที่ดี ๆ ครับ
ขอบคุณข้อคิดดีๆ จากคุณกนิษฐา และกำลังใจจาก"แว่นธรรมทอง" ตลอดจนท่านอาจารย์ขจิต ที่เป็นแบบอย่างด้านการจัดการความรู้ อยากเรียนว่า มีเวลาอ่านและเขียนน้อยลง เนื่องจาก นำนักเรียนสู่ภาคปฏิบัติ ทั้งเรื่องปุ๋ยหมัก ปลูกมะนาว และเลี้ยงกบ รวมทั้งงานสั่งสมคุณภาพ ในช่วงเวลาที่ สพฐ.เริ่มไม่เหลี่ยวแลโรงเรียบนขนาดเล็กเสียแล้ว
ยอดเยี่ยมเลยครับ เป็นการฝึกให้เด็กๆ ได้เรียนรู้และทำในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของตนเอง ตอนเด็กๆ เขาอาจจะยังไม่รู้สึกอะไรมากนัก แต่ครั้นเมื่อเขาเติบโตและเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แล้วเขาจะได้รู้และเข้าใจถึงสิ่งที่ครูฝึกสอนได้อย่างชัดเจน
ขอบคุณครับ อักขณิช ผมก็คิดเหมือนกัน มีวัตถุประสงค์และเป้าหมายเพื่อเขา บางครั้งผลออกมาไม่ชัดเจน บางทีอาจต้องอดทนและรอคอย ถึงเมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ประโยชน์หรือคุณค่า ในการทำเกษตรระบบใหม่ จะทำให้เขาตระหนักยิ่งขึ้น ขอบคุณอีกครั้งครับ