...ช่วงนี้ฝนฟ้าเบาบางแต่ก็ไม่ได้ห่างหายไปเสียทีเดียวก็มีโปรยปรายช่วยพรมยอดต้นไม้คลายร้อนอยู่บ้าง.
...ปกติส่วนมากในแต่ละวันชีวิตและงานจะขลุกอยู่ในสวน ไม่ค่อยได้ออกไปไหนแต่หากคราใดได้ออกจากสวนไปทำธุระกับโลกภายนอกก็จะได้เรื่องราวกลับมาให้ชวนคิด ขบคิด พิจารณา ทุกครั้ง.
...วานนี้ออกจากสวน(บ้าน)ไปทำธุระข้างนอก(โลกภายนอก)ก็ได้ไปรับรู้ สัมผัสกับสองเรื่องราว(อย่างไม่ตั้งใจ)ให้นำกลับมาชวนคิดพิจารณา "มองแบบธรรมะ รับรู้อย่างเข้าใจ" (ศีลข้อ๓)
...เรื่องแรก: เป็นเรื่องราวชีวิตของผู้ชายคนหนึ่งที่อายุราวๆ59-60ปี มีภรรยาและลูก4คนอยู่ที่ภาคตะวันออก ต่อมาได้แยกทางกับภรรยาแล้วมาได้ภรรยาคนใหม่ที่ขอนแก่น(คนบ้านเดียวกัน) ในขณะเดียวกันก็ได้พาลูกชาย2คน(รุ่นพี่ดิฉันประมาณ5ปี)ขึ้นมาอยู่ด้วยกันด้วยลักษณะนิสัยของลุกชายทั้งสองคนเป็นคนที่ขยันขันแข็งเอาการเอางานจึงไม่มีปัญหาใดๆกับญาติๆและภรรยาใหม่ของพ่อ.
...เนื่องจากภรรยาใหม่มีที่ดินให้ทำกินพอสมควรผู้ชายคนดังกล่าวจึงออกรถไถมาทำกินและรับจ้างโดยมีลูกชายทั้งสองคนช่วยงาน(ช่างซ่อม) ฐานะค่อนข้างดีมีกินมีใช้.
...กับภรรยาใหม่ได้ลูกสาว1คน(รุ่นน้องดิฉันประมาณ3-4ปีคลุกคลีกันมาแต่เด็ก)ผู้ชายคนดังกล่าวขยันในการประกอบอาชีพทั้งเลี้ยงวัว ทำไร่ ทำนา รับจ้าง เผาถ่านฯลฯ แต่...เจ้าชู้ เวลามีเงินเงินเข้ามือผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยารับไปได้ง่ายๆ(มากกว่าเข้ามือภรรยาและลูก).
...ต่อมาภรรยาล้มป่วยด้วยมะเร็งปากมดลูก(ทรมานทั้งกายและใจ)ผู้ชายคนที่เป็นสามีซึ่งโดยปกติแล้วก็มักออกจากบ้านไปหาหญิงอื่นโดยไม่สนใจลูกกับภรรยาอยู่แล้วยิ่งภรรยาล้มป่วยก็ยังไม่ดูแลซำ้ยังมีท่าทีรังเกียจ ภรรยารักษาตัวอยู่นาน2-3ปี แต่ผู้ป่วยเองก็พอจะทราบสภาพตัวเอง และเสียชีวิตในเวลาต่อมาทรัพย์สินก็แบ่งสันปันส่วนเสร็จสิ้นไม่มีปัญหาอะไร.
...สิ่งที่ไปรับรู้โดยบังเอิญครานี้กับคำพูดที่ลอยเข้าหู"ลูกสาวเป็นคนไม่ดี ไม่เคยถามสุขทุกข์พ่อเลย"ทรัพย์สินที่มีในส่วนของผู้ชายคนดังกล่าวก็หมดลงลูกชาย2คนก็มีครอบครัวภาระ ลูกสาวก็มีครอบครัว ดังนั้นจึงโดดเดี่ยวจึงจะกลับไปหาลูกอีก2คนที่อยู่กับภรรยาคนแรก(ผู้ชายคนนี้มาที่บ้านดิฉันบ่อยเพราะเป็นเพื่อนพ่อ) คำพูดจากผู้ใหญ่ที่คุยกัน มันไม่เพียงเข้าหูแต่มันวิ่งเข้ามาถึงหัวใจที่ให้รู้สึกจึงต้องนำมาพิจารณาใคร่ครวญตามหลักธรรมคำสอน เพราะเหตุใดอะไรคือเหตุและผล.
...สิ่งที่ให้คิดกับตัวเอง: ชีวิตแต่ละคนย่อมแตกต่างกันออกไป จะดูแค่ภายนอกแล้วตัดสินคงไม่ได้ หากมองในมุมคนที่เป็นลูกกับสิ่งที่เค้าได้รับกับสิ่งที่ตัวเองและแม่ถูกกระทำ รอยแผลและความเจ็บปวดภายในใจใครบ้างที่เข้าใจ(ลูกไม่มีวันลืมพระคุณพ่อแม่) ขณะที่ภรรยายังมีชีวิตอยู่ไม่เคยเห็นค่าทำดี แต่ตอนนี้ที่ภรรยาจากไปกลับคร่ำครวญหาแสนดีนักหนา(เปล่าประโยชน์).
...มุมชีวิตจริงลูกกับพ่อแม่ "แล้วจะโทษใครทำเองก็คงต้องรับเอง" ...
................................................................................................
...เรื่องราวที่สองเป็นภาษาท่าทางที่ได้รับและสะดุดใจ(สะดุดแววตาและรอยยิ้ม) ให้นำกลับมาคิดพิจารณาตามหลักธรรมะและชีวิตที่เป็นไป.
...วันเดียวกันกับเรื่องราวที่หนึ่ง(เช้ากับบ่าย) บ่ายเย็นๆกับวันที่ออกนอกบ้านไปจ่ายตลาด(ตลาดนัด)ฝนมีท่าทีจะตกลงเม็ดบางๆลงมา คนที่นำของมาขายบางรายก็กางร่มบางรายก็เก็บของเข้ากล่อง.
...ดูท่าทีฝนฟ้าแล้วคงจะไม่ตกจนเปียกปอน(ฟ้าเริ่มเปิด)ดิฉันจึงเดินดูนั่นนี่ไปเรื่อยๆแบบสบายใจแบบไม่รีบร้อน เดินได้สักพักก็พลันสายตาไปประสานเข้ากับสายตาคู่หนึ่งของเด็กสาวที่กำลังช่วยแม่เก็บของและมองมาที่ข้าพเจ้าซึ่งก็สะดุดเล็กน้อย(ใคร) พอนึกออกดิฉันจึงได้สบตาและยิ้มตอบกลับไป.
...จากยิ้มน้อยๆไม่ค่อยกล้าของเด็กสาวพอเห็นข้าพเจ้ายิ้มตอบกลับไป ก็มีแววตาที่บ่งบอกถึงความดีใจ(ความรู้สึกที่ดิฉันได้ยินออกมาจากแววตาคู่นั้นคือขอบคุณที่เข้าใจ ขอบคุณที่ไม่รังเกียจ).
...เบื้องหลังเรื่องราวชีวิตของเด็กสาวคนนี้ไม่ต่างจากเรื่องราวที่หนึ่ง(ศีลข้อ๓เช่นกัน)แต่เป็นสิ่งที่"เกิด(เหตุ)"จากพ่อและแม่แต่"ลูก(ผล)"ได้รับผล.
...ผู้เป็นพ่อมีอาชีพขับรถขนส่งบริษัทเอกชนส่วนแม่(ภรรยาคนที่สอง)อยู่บ้านตัดเย็บเสื้อผ้ามีลูกสาวและลูกชาย(ลูกสาวรุ่นเดียวกันกับน้องสาวของดิฉัน24-25ปี) ผู้เป็นแม่ชอบสังสรรค์ปาร์ตี้กินเหล้าร้องเพลงกับกลุ่มเพื่อนๆทั้งหญิงชายอยู่เป็นประจำ(อยู่แถวๆบ้านไม่อยากรู้ก็ต้องเห็นไม่อยากฟังก็ลอยเข้ามาในหู บางครั้งถึงกับต้องปิดหู).
...ผู้เป็นสามีเมื่ออายุจะเลข6แล้วจึงกลับมาอยู่บ้านกับภรรยาและลูก ด้วยเหตุแห่งปาร์ตี้ชาย-หญิง เรื่องราวการทะเลาะตบตีกันเป็นประจำของพ่อและแม่คือความเคยชินของลูกเมื่อหนักเข้าผู้เป็นพ่อซ้อมแม่อย่างหนักและตัวเองขับรถชนเสียชีวิต(ทำร้ายตัวเอง).
...ไม่มีเสาหลักครอบครัว แต่ผู้เป็นแม่ก็ยังเป็นแบบเดิม(มีผู้ชายแวะเวียนมาหา2-3คนบางครั้งถึงขนาดแย่งความเป็นเจ้าของกัน) นานวันเข้าปัญหา ภาระค่าใช้จ่ายจากที่เรียนหนังสือเด็กสาวและน้องชายต้องพักกลางคัน.
...เด็กสาวหายไปพักใหญ่กลับมาอีกครั้งกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปกับการแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าพร้อมกับเสื้อผ้าชุดที่สวมใส่.
...อยู่ต่อมาสักพัก มีรถยนต์ที่ไม่ซ้ำคันที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมารับออกไปจากบ้าน...
...เรื่องราวชีวิตให้ครุ่นคิดเหตุคือศีลกับการรักษา...ก็เป็นเรื่องราวที่ทำให้คิดสะท้อนกับตัวเองอีกครั้งตรงที่ชีวิตเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อน ไม่สามรถไประบุว่าใครผิดใครถูกใครดีใครเลว(กว่ากัน) แต่เหตุและผลสามารถรับรู้ได้จาก"ข้อวัตรปฏบัติอยู่ในกรอบแห่งศีล"มากน้อยเพียงใด...ทุกคนมีเส้นทางทางอยู่ที่เลือกเดิน...
*** มองแบบธรรมะ รับรู้อย่างเข้าใจ : ขอบพระคุณและสวัสดีค่ะ ***
สวัสดีค่ะคุณน้อย พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนศีล 5 สำหรับปุถุชนทั่วไปเมื่อ 2600 ปีมมาแล้ว มาถึงวันนี้ก็ยังมีให้เห็นผลของสิ่งที่เกิดขึ้นจากการไม่รักษาศีล ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป วิวัฒนาการด้านจิตใจของคนไม่ได้เปลี่ยนตามกาลเวลา
ในขณะที่เราเองก็ยังคงได้มาเกิดในชาตินี้ และพร้อมจะตกเป็นเหยื่อของอบายได้ทุกเมื่อ คนใกล้ถามว่าเหนื่อยมั๊ย ที่จะต้องเวียนว่ายตายเกิดเช่นนี้ ตอบไปว่ามีบ้าง เขาก็บอกถ้างั้นก็ให้รีบสะสางสิ่งที่มีในชาตินี้เสีย เผื่อจะได้หลุดพ้นจากวงจรนี้เร็วขึ้น
หวังว่าน้องๆ ที่กำลังอยู่ในครอบครัวที่คุณน้อยเล่ามาจะก้าวผ่านและสะสางหนี้ในชาตินี้เสีย อย่างน้อยก็กับพ่อแม่ของตน ยิ่งทำได้ยากคงอานิสงฆ์แรง หากทำได้คงดีค่ะ
มีคลิปมาฝาก ถึงฟังไม่เป็นแต่สัมผัสด้วยใจนะคะ
สวัสดีค่ะคุณปริม...
...ธรรมะที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ เป็นสิ่งที่เก่าสมัยแต่ใหม่เสมอค่ะ...
...จากสองเรื่องราวเบื้องต้นก็ได้แต่ใคร่ครวญพิจารณาค่ะคุณปริม มนุษย์เราเกิดมามีต่างก็มีเส้นทางให้เลือกเดินและเชื่อว่าทุกๆคนต้องการเลือกที่จะเดินในเส้นทางที่ดีที่ถูกต้องและสดใส...
...แต่เพราะเหตุใดบางสิ่งบางอย่างที่หลายๆคนต้องเดินไปทั้งๆที่รู้ว่า มันไม่ดี มันไม่ถูกต้อง มันจะต้องเจ็บปวด...
...หากถามใจของคนเหล่านี้คงตอบได้โดยไม่ลังเลว่าไม่อยากก้าวเดินไปในเส้นทางนั้นเช่นกัน"แต่ก็ต้องไป" นี่คือสิ่งที่น้อยบอกกับตัวเองว่าธรรมะนั้นแสนละเอียดอ่อนเพราะฉะนั้นชีวิตหากต้องการหลุดพ้นและเบาสะบายก็ต้องยิ่งละเอียดอ่อนตาม...(ไม่อยากไปแต่ต้องไป ไม่อยากทำแต่ต้องเดินเข้าหา!...อะไรคือแรงผลักที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า นี่ใช่ไหมที่เรียกว่ากรรม-เวร)...
...เพียงเรื่องราวสองเรื่องหากสัมผัสด้วยใจที่รับรู้ตามหลักธรรมชาติของความจริงแล้ว ทำให้เราสามารถมองเห็น อดีต(อดีตชาติ) ปัจจุบัน และอนาคต(ชาติภพข้างหน้าหน้า) เหตุ:เพราะแบบอย่างคือพ่อและแม่ผิดศีลข้อ3รวมถึงทุกข้อที่เหลือ ใครๆห้ามก็ไม่ฟัง(แม้แต่แม่ที่ห้ามปรามก็ยังถูกเถียง(อดีต).
...เมื่อเหตุได้กระทำไปแล้วก็ต้องได้รับผลที่ตามมา (ปัจจุบัน) กับความว้าเหว่อ้างว้าง เจ็บปวด.ในเมื่อไม่เคยทำดีกับลูก ไม่เคยมีน้ำใจกับลูก(การกระทำ)แล้วจะให้ลูกกระทำตอบได้เช่นไร แต่ในความเป็นลูกก็ทำตามหน้าที่คือช่วยเหลืองานพ่อแม่ไม่เคยทิ้งขว้าง(ลูกสาวคนเดียว)ที่พ่อบอกใครๆว่าลูกไม่ใส่ใจมันคือกรรมที่เริ่มทำงานแล้วภายในใจ.
...อนาคต(ชาติภพต่อไป)ก็คงกลับขึ้นมาได้ยาก"เช่นเดียวกับคนที่กระโดดลงเหว" หรือเช่นเดียวกับคนที่ไม่เคยหยอดเหรียญลงกระปุกเช่นคนอื่นๆแล้วจะรอทุบกระปุกเพื่อให้มีเงินรออยู่เต็มกระปุกนั้นคงเป็นไปได้ยากค่ะ.
...ดนตรีคือศาตร์และศิลป์ที่จรรโลงจิตใจ แม้จะฟังภาษาไม่ออกแปลไม่เข้าใจในเนื้อหาแต่ภาษาใจไม่เคยปิดกันจินตนาการ.
...ขอบคุณค่ะ...
เพราะเบื่อหน่ายกับการเวียนว่ายตายเกิด ชาตินี้จึงพยายามวางสิ่งที่แบกไว้ให้มากที่สุดและสะสมสะเบียงภายในให้มากที่สุดค่ะ
สวัสดีค่ะคุณใหญ่... คุณSila... คุณPoo... คุณหมอดิเรก...
...ขอบพระคุณทุกๆท่านที่กรุณาเข้ามาเยี่ยมชมและมอบดอกไม้ให้กำลังใจกับเรื่องเล่าสะท้อนชีวิตค่ะ...