AARสองวันนี้ได้เรียนรู้อะไรบ้่าง   


สองวันนี้ได้เรียนรู้อะไรบ้าง   

ครูแนะให้ถอดบทเรียนว่าสองวันนี้ได้เรียนรู้อะไรบ้าง ตั้งใจกับตนเองตั้งแต่ออกจากขอนแก่นจะพยายามแก้ไขตนเองและทำให้ดีที่สุดทำตามคำชี้แนะของครูให้ได้บริบูรณ์มากที่สุด
ได้เรียนรู้วิธีการสอนน้องภัสโดยน้อมเอาวิธีที่ครูเคยใช้ผนวกกับลงมือทำเป็นเพื่อน เช่นคุยกันตกลงกันว่าจะทำจะทำอะไรบ้างแล้วก็ทำไปด้วยกัน ทำวัตรเช้าตอนตีสามครึ่งเช้าแรกเริ่มพอได้แต่ต้องใช้ความอดทน เพราะหนูมักจะขุ่นและรู้สึกเจ็บใจ ก่อนที่จะเข้าใจ พฤติกรรมของน้องเป็นครูที่ดีของหนู

สะท้อนตัวชั่วในใจของหนูชัด หนูเคยทำแบบน้อง ตอนเผลอบางทีก็ยังทำอยู่ งอแง ขี้เกียจ ชอบต่อรอง อวดดี อวดเก่ง พอเจอแบบนี้เหมือนเห็นตนเองมากกว่าเห็นน้อง

โกรธตนเองมากกว่าโกรธน้อง เลยเป็นลักษณะ

เห็นอดทน เอาใหม่ ปั่นป่วนหลบมาทำความสงบเอาใหม่ วนๆในแต่ละเรื่อง

รู้สึกว่าน้องเริ่มหลบ อยู่ที่ความพร้อมและความเมตตาในใจหนูละ ตอนที่ความเห็นแก่ตัวในใจดันขึ้นมาก็อยากจะเดินหนีไม่ตามค่ะ

แต่สุดท้ายก็พยายามหรือบางคราก็ช่างมันปล่อยไปก่อน

 ยิ่งถูกมอบหมายให้สอนน้องยิ่งเข้าใจครู

ทุกถ้อยคำทุกอิริยาบท ของครูที่เคยปฏิสัมพันธ์ต่อหนู ไม่ว่าจะเป็นคำชม คำติ การกระแทก ให้ตื่น นั้นสมควรแกเหตุด้วยประการทั้งปวง

ตอนที่โดนครูฝึกฝนบ่มเพาะเห็นไม่ชัดเหมือนคลุกวงใน แบบขับรถกลางสายฝน

แต่ตอนนี้เหมือนมองเห็นชัดขึ้นและพยายามปรับกระบวนท่ามากขึ้นอยู่ที่การตั้งสติแล้วว่าจะทำอย่างไร

พอเอ่ยถึงสติตอนที่ไปนวดถวายครู หนูจะร้องไห้ไม่ใช่เพราะโกรธค่ะครูที่ครูบอกว่า 

"นวดไม่ดีเพราะพยายามนวดเลียนแบบหมอนวดที่เขียนในบันทึกหรือตำราที่อ่านมาแต่ไม่ได้ใช้ใจ"

เป็นอาการเจ็บใจตัวเองที่ทำไม่ได้สักที พยามยามเรียกสติยิ่งตอนพยามแก้ไขกับตนเองยิ่งรู้สึกว่าครูเมตตาใช้ทั้งร่างกาย เป็นครูให้หนูได้ฝึกเจริญสติ

พอครูบอกว่าตรงนั้นแหละกดแรงๆ มันดีใจมาก

 เพราะเหมือนหนูคิดจนลืมว่าต้องทำอย่างไร

พอค่อยๆนวดก็ดีขึ้น เวลานวดให้ครูมันอยากจะนวดให้ในท่านอนรู้สึกถนัดกว่าท่านั่งแล้วสุดท้ายก็เหมือนสู้กับตนเองแล้วก็ขุ่นข้างในค่ะ

ได้ฝึกการจดจำจุดเจ็บปวดของครู และวิธีการนวดอย่างมีสติค่ะ

ระหว่างนวดให้ครูแล้วครูเล่าถึงวิธีการจัดการกับสภาวะเจ็บป่วย

ว่านั่งพิจารณากาย มองเข้าไปที่การไอ สาเหตุการไอ ควบคุมด้วยระบบประสาทอัตตโนมัติแล้วก็ทำความเข้าใจมัน นั่งภาวนาเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน

พอลงนอนจิตรวมก็หาย

 หนูฟังครูเหมือนเรียนหนังสือ เหมือนฟัง lecture แต่ไม่เคยเห็นกับตนเองลึกซึ้งขนาดนี้ค่ะครู

ทำมู่ลี่ให้ครูเหมือนหนูจดจ่อกับงานนี้จนพลาดว่า "ควรถามครูก่อน" รู้สึกจ๋อยเลยค่ะ

แล้วยอมรับว่าเอาใหม่ให้ถามครูก่อน

ภารกิจรับข้าวถวายครู วันแรกยังทำเป็นปกติวันที่สองหนูเห็นใจตนเองที่มันอยากขัดคำสั่ง ทั้งๆที่ครูย้ำว่า

เอาแค่ข้าวกับอาหารสองอย่าง ใจหนูอยากตักอย่างอื่นให้มากๆ มีผัดวุ้นเส้นมาจากชาวบ้านหนูตักลง แล้วก็พิจารณากับตนเอง

นี่ไงที่มันชอบขัดคำสั่งครู แล้วก็พลาดอยู่เรื่อยๆ

อาหารถวายครูควรจะเป็นอาหารที่ "ไม่มีชูรส จืดๆ เหมาะกับธาตุขันธุ์"

แต่ใจมันก็เถียงว่าครูไอ น่าจะได้จิบน้ำซุปอุ่นๆ แต่สุดท้ายก็เช็ดบาตร แล้วตักเฉพาะสิ่งที่ครูสั่งด้วยลงใจกับตนเองว่า

"ทางที่ต้องเดินไปมันแคบ ต้องเดินด้วยใจที่เชื่อมั่น เชื่อถือ ศรัทธาและมีสติน้อมนำให้เกิดปัญญา"

ไม่ใช่สักๆแต่เอาความคิดที่เป็นกิเลสมาแถกับครู

ทำกับข้าวถวายพระเตรียมกับข้าว ฝึกกับตนเองในการแบ่งงานน้องแล้วก็แบ่งงานตนเอง รักษาใจขุ่นมัวให้น้อยลง

สภาวะที่ทำงานกับน้องเหมือนหนูทำงานกับครูเลยค่ะ

ไม่มีสติก็เป็นตัวถ่วง

ถามว่าช่วยได้ไหม ช่วยได้แต่ได้น้อยกว่าศักยภาพที่น้องมี

พอเห็นน้องแล้วก็เห็นตนเองแล้วก็บอกตนเองว่า 

"ฝึกนะติ๋วฝึกกับตนเองให้ได้ค่อยค่อยๆแก้ไขในตนเองแล้วค่อยๆแก้ไขน้อง"

เห็นใจตนเองที่ตำหนิน้องอยู่มากแต่ที่มากกว่าคือ

เห็นตัวชั่วของตนเองในน้องสิ่งที่น้องเป็นน้องทำก็เหมือนหนูเลย

 เรื่องไม่ใส่ใจ ไม่ใช้ปัญญาการต้มมาม่าให้เด็กๆที่มาเรียนหนังสือกับครู วันแรก ด้วยใจที่ไม่เคยฝึกให้ตนเองใส่ใจในคนรอบข้างมากไปกว่าเอาใจ ทำให้น้องๆได้รับบาดเจ็บทานมาม่ารสเผ็ดแสบท้อง

สะท้อนถึงใจของหนูที่ไม่รู้จักมองบริบท เอาใจเขามาใส่ใจเรา

ครูเรียกไปตักเตือนให้สติกับหนู

แล้วครูก็เมตตาให้โอกาสในวันถัดมา โดยให้ทำอีก แถมทอดเฟรนส์ไฟร์ และน้ำเฮลบลูบอย เหมือนได้แก้ไขกับตนเองฝึกการใส่ใจสิ่งตรงหน้า คนที่อยู่ตรงหน้า

คำพูดที่ครูสอนตอนเด็กๆท่องก่อนทานข้าวที่ว่า

ตามีไว้ดู

หูมีไว้ฟัง

ใจมีไว้......................

ฟังแล้วรู้สึกขนลุกปีติมากค่ะครู

อีกเรื่องที่ประหลาดใจกับตนเอง

หนูดีใจมากที่ครูอนุญาตให้นอนที่กุฏิเดิม

ได้เห็นใจที่มันรักแล้วก็คิดขึ้นมาว่า

"แค่นี้ก็ยึดเหนาะ"

 พอรู้สึกดีใจแล้วได้ภาวนาก็ตั้งใจฝึกจับเวลานั่ง ๑ ชั่วโมงเดินหนึ่งชั่วโมง นั่งได้ครึ่งชั่วโมงเงียบไปพอมันออกมาจากสมาธิอีกครึ่งชั่วโมงทนเอามากว่าค่ะครู

พอลงเดินแล้วผ่อนคลายมีสติถี่ขึ้น เหมือนรับรู้ภายนอกไปพร้อมๆกับพุทโธกับลมหายใจ ได้ยินเสียงไอของครู ครบชั่วโมงจึงลงนั่ง

ครานี้เบาเร็วกว่าเริ่มนั่งเลยแต่ลงไปแป๊บเดียวแล้วก็แว๊บกับตนเองว่า

ต้มน้ำไว้แล้วเตรียมเป็นน้ำอุ่นถวายครูท่านจะดื่มหรือไม่ก็แล้วแต่ท่านนะ

ใจหนูตอนนี้มีศัรทธาในเส้นทางมากขึ้น ศรัทธาในครูและคำสอนของครู ตั้งใจกับตนเองว่าต้องทำให้ได้และจะทำให้ดีที่สุด 

ได้ข้อปฏิบัติช่วงเสาร์อาทิตย์กับตนเองว่า

"เข้าวัดเย็นวันศุกร์ กราบหลวงปู่ กราบพระอาจารย์ ทำความสะอาดกุฏิครู กุฏิตนเอง สอนน้อง ตกลงกำหนดกิจวัตรกับน้อง เช้าขัดห้องน้ำหลังศาลา ๓ เช้าวันเสาร์รับข้าวเผื่อครู ทานเสร็จล้างบาตร มารับคำสั่งเอากระเป๋าและกุญแจไปเปิดทำความสะอาดกุฏิครู วันอาทิตย์ระหว่างวันแล้วแต่ครูจะเมตตาแต่ทุกเช้าต้องขัดห้องน้ำ บ่ายๆกลับไปนอนบ้านพ่อแม่ เช้าวันจันทร์ขับรถไปทำงานที่ขอนแก่น"

ได้การจัดการกับตนเองตนปั่นป่วนคือให้นั่งขัดสมาธิเพชรแล้วหายใจไปเรื่อยๆแล้วจะดีขึ้นค่ะ

หมายเลขบันทึก: 493094เขียนเมื่อ 2 กรกฎาคม 2012 07:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 กรกฎาคม 2012 11:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท