โตนี่ - ฟาง. GotoKnow.
* Taxi. คำนี้แม้จะเป็นภาษาอังกฤษ..แต่ถ้าเราพูดหรือเรียก..ไม่ว่าที่ไหน
บนโลกใบนี้.
ทุกคนเข้าใจความหมายและผู้ที่จะมาตรงหน้าเราก็คือ..คนขับรถแท็กซี่นั่นเอง
!
ไม่ว่าจะเป็นรถสามล้อหรือรถแท็กซี่ แต่ในปัจจุบันผู้เรียก..ยังจะได้พบกับรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างอีกต่างหาก..มาแล้วไม่มาเปล่าน๊ะ
! พี่แกมักจะถามเพราะอยากรู้เสมอว่า..“ ไปไหนครับ ”
?
๔.
เมื่อผมขับรถแท็กซี่.
ใครเคยอ่านทหารเรือไทยในอเมริกา-๑
จะพบว่า..มีบางข้อความคล้ายคลึงกัน ถือว่ากำไรเพราะได้อ่านสองครั้ง.
ส่วนผู้ที่เพิ่งเข้ามาที่บล็อกนี้ก็ถือว่าเป็นโอกาสแรกและไม่ควรข้ามไปเพราะเรื่องนี้..ผ่านมาตั้งแต่ทหารอเมริกันยังมาอยู่ในแผ่นดินไทย
สมัยสงครามเวียตนามโน่น !จนถูกนักศึกษาไทยเดินขบวนขับไล่บ้าง
เผาและฉีกธงชาติของเขาบ้าง
ทั้งที่หลายคนอยากจะไปอยู่ที่บ้านเขา.อย่างถาวร..เขาเปรียบเทียบกันว่า สมัยนั้นมลรัฐแคลิฟอร์เนียร์คือจังหวัดที่
๗๒ ของประเทศไทย.
โดยเฉพาะเป็นประเทศที่คนไทยและ คนเอเชียหลายๆคนอยากไปขุดทองกันมาก สำหรับผมแล้วถ้าให้ไปศึกษาเป็นช่วงสั้นๆก็พร้อมที่จะไปครับ..แต่ถ้าให้ไปอาศัยแบบถาวรล่ะก็..ไม่ได้หยิ่งน๊ะ..ขอปฏิเสธโดยสิ้นเชิง..
ครั้งแรกที่เหยียบดินแดนสหรัฐฯ
-
ผู้เขียนพักอยู่ในค่ายนี้. ปี ๒๕๑๖
ใครที่เป็นนักอ่านอาวุโสคงพอจะจำได้ว่าสมัยนั้น
แท็กซี่ในบ้านเราจะเป็นยี่ห้อออสติน. AUSTIN OF ENGLAND.
ท้ายเปิด-ปิดเหมือนตู้เย็น มิได้ยกขึ้นลงเหมือนปัจจุบัน.
คันเล็กๆ ป้อมๆ ส่วนมากจะสีเทา ผมว่าคงมีผู้อ่านหลายๆท่าน
อาจจะเกิดไม่ทันยุคของสงครามเวียตนามก็เป็นได้ จริงไหมครับ?
ที่จริงเรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไรกับผมด้วย
เพราะเป็นสงครามระหว่างอเมริกัน และชาวเวียตนามต่างหาก.
แต่ที่ผมต้องเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง
ด้วยความบังเอิญก็เพราะช่วงนั้นทหารอเมริกัน
ได้มาใช้พื้นที่ของประเทศไทย เป็นฐานทัพ.
โดยตั้งอยู่ในหลายจังหวัดของประเทศไทยเช่น ที่อุบลฯ , อุดร , ตาคลี ,
โคราช และที่สนามบินอู่ตะเภา จังหวัดชลบุรี
เพื่อนำวัตถุระเบิดไปทิ้ง ถล่มพื้นที่ยุทธศาสตร์ต่างๆ
ในประเทศเวียตนาม.
ช่วงสงครามเวียตนาม. - เครื่องบิน
บี :
52
ประจำที่สนามบินอู่ตะเภา. ปี ๒๕๑๓
ขณะเขียนเรื่องนี้ทางองค์การนาซ่า
จากประเทศสหรัฐฯ..กำลังทำเรื่องเพื่อกลับมาขอใช้สนามบินอู่ตะเภา
ใหม่อีกครั้ง หลังจากที่ทิ้งฐานไปนานกว่า ๓๐ ปี.
และเป็นธรรมดาครับที่ต้องมีฝ่ายคัดค้านและฝ่ายที่เห็นด้วย.เขาว่าสองฝ่ายนี้มักจะหากินร่วมกัน
น่าแปลกน๊ะพอตัวเองเป็นรัฐบาลไม่ยอมทำอะไรเลย..พอกลับมาเป็นฝ่ายค้านดูสิพวกมันตื่นแต่เช้า..ออกสำรวจตลาด.
ว่าไข่แบบชั่งกิโล..ขายดีหรือไม่ ? ช่วงเดียวกันนั้นผมได้เริ่มเข้ารับราชการใหม่ใหม่
ทีแรกผมออกเที่ยวกลางคืนกันก่อน..โดยได้เที่ยวกับเพื่อนรุ่นพี่
ปกติเราจะเที่ยวกันแถวๆกิโลสิบ..ถ้าเมาได้ที่ก็อาจจะเลยไปถึงบ้านฉาง
และนิวแลนด์โน่น !
สมัยนั้นเวลาเที่ยวกันมักจะสนุกสนานกันเพียงอย่างเดียวจริงๆ
ไม่ค่อยจะมีเรื่องมีราวกันหรอกครับ.
ผู้เขียนยังมารับส่งทหารนย.อม.
-
ในการฝึกร่วมเสมอ.
แต่ถ้ามีเรื่อง
อย่างดีก็แค่ชกต่อยแล้วก็เลิกกันไปเอง
ไอ้เรื่องที่จะมาใช้อาวุธเข่นฆ่ากันล่ะก็ !
แทบจะไม่มีเลยจริงๆ
ไม่ใช่ว่าใครกลัวใครหรอกครับ.
ต่อมาไม่ทราบว่า
เพื่อนรุ่นพี่คนที่ผมไปไหนมาไหนด้วยเสมอๆนั้น..แกไปเอารถมาจากไหน ?
เป็นรถเก๋งโตโยต้ารุ่น โคโรล่า Toyota
Corola. เป็นเกียร์พวงมาลัย หรือที่บางคนเรียกว่าเกียร์มือ
ประมาณปี ๒๕๑๓
ใครที่มีรถเก๋งใช้ถือว่าแจ๋วแล้วล่ะครับ.พี่แจ๊คแกมาถามผมว่า เฮ้ย
!เอ็งขับรถแท็กซี่ให้พี่ได้ไหม ? พี่ให้ค่าตัววันละ ๕๐ บาท
และเงินทิปเป็นของเอ็ง .ผมรีบตอบตกลงทันทีครับ
ไม่ต้องคิดมากเลย. เงิน
๕๐ บาทในสมัยนั้นก็ถือว่าไม่น้อยครับ. ผมขอเทียบให้ดูง่ายๆว่า
น้ำมันดีเซลลิตรละ ๗๐ ส.ต.เหล้าแม่โขงขวดละ ๑๗ บาท. ทองคำบาทละประมาณ
๔๐๐ บาท.
สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา.
-หลังสงครามเวียตนาม.
ของต่างๆราคาถูกกว่าสมัยนี้มากทีเดียว.
ผมเองในตอนนั้นใบขับขี่ก็ยังไม่มีกับเขาเลย แต่ในสมัยนั้นเราสามารถเอาบัตรประจำตัวข้าราชการให้ตำรวจดู..ก็ถือว่าใช้ได้แล้วครับ.
ผมยังจำได้ครับว่ามาส่งทหารอเมริกันในตลาดสัตหีบ..ผมขับรถกลับไปที่สนามบินอีกครั้ง
ก็พบตำรวจทางหลวงสัตหีบ
ตั้งด่านตรวจใบขับขี่. ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะทำอย่างไรดี ?
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นผมก็ต้องร้องคำว่า เอ๊ะ !
แล้วบอกกับตัวเองว่า..ไอ้ตำรวจคนนั้นมันเพื่อนผมนี่หว่า
พอเขาเดินมาตรวจผม..เขาเองก็ดันจำผมได้ครับ.ตอนเรียนที่รร.วัดธาตุทองนั้น
เราเรียนอยู่ห้องเดียวกันจนผมจบม.๖
แต่เพื่อนผมคนนี้ต้องเรียนซ้ำชั้นครับ เพราะสอบตก
น่ะสิ. เราจึงได้มาหยุดคุยกันข้างทาง
แล้วก็นัดพบกันอีกในเวลาต่อมา..
เตรียมให้พร้อม -
เพื่อจะเอาไปทิ้งเย็นนี้อีก ๓๐๐ ตัน.
เขาคือจ่าเปาครับ..ตัวดำใหญ่คล้ายๆกับเปาบุ้นจิ้น.ผมจำได้ว่าช่วงนั้นมีโอกาสทำมาหากินโดยอยู่หลังพวงมาลัยประมาณสอง-สามปีเท่านั้นเอง
!ผมต้องเลิกขับไปโดยปริยายเพราะถูกรางวัลสิครับ..ทั้งที่ไม่ได้ซื้อล๊อตเตอร์รี่เลย. ผมสอบได้ทุนกองทัพเรือไปศึกษาและดูงานที่สหรัฐอเมริกาครับ..ช่วงที่ผมมีโอกาสขับรถแท็กซี่
ในสนามบินอู่ตะเภานั้น
รถของผมเป็นรถที่ไม่มีสัมปทานครับ..แหมผมจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าสัมปทานล่ะครับ
! หลายหมื่นบาททีเดียว.
เงินหมื่นบาทในสมัยนั้นมิใช่ใครจะมีกันง่ายๆ ยิ่งเป็นทหาร
ล่ะก็ ! พี่จะเอาเงินมาจากไหนกัน ? ถามจริงๆเถอะ ?
นอกจากได้ภรรยารวยหรือบุพการีรวย มาก่อนเป็นทหาร..
ผู้ที่ประมูลกันอย่างถูกต้อง มีเพียงสองคิวเท่านั้นเองครับ..