เทคโนโลยีการศึกษาแบบพอเพียง

เทคโนโลยีการศึกษาแบบพอเพียง  (Sufficient Educational Technology  : SET)

ในวงการศึกษาทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย ซึ่งกำลังเข้าสู่การศึกษาโดยผ่านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสาร ในกระแสระบบอีเลิร์นนิ่ง (E-learning) นั้น  ยังมีโรงเรียนที่ด้อยโอกาสหลายโรงเรียน ที่ยังรอความหวังทางเทคโนโลยี

           เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ มีประโยชน์ต่อวงการศึกษา  การใช้คอมพิวเตอร์  ควรใช้แบบบูรณาการ  เพราะประเทศไทยมีบริบท(องค์ประกอบ) หลายประการ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ  สังคมและวัฒนธรรมที่แตกต่างจากประเทศอื่นๆ  จึงสมควรที่จะต้องวิเคราะห์หลายประการ เพราะประเทศไทยยังมีเด็กที่ยากจนอีกมากมาย  ฉะนั้นในการจัดการศึกษา (แบบพอเพียง)  หรือเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy) ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ  ที่พระองค์ทรงเสนอแนวคิดที่น่าสนใจ  คือ 3 ห่วง 2 เงื่อนไข  

          ในวงการศึกษาไทย กำลังสนใจเรื่องการศึกษาในระบบอีเลิร์นนิ่ง (E-learning)  อย่างมาก จึงขอเสนอ"การบริหารจัดการเทคโนโลยีการศึกษาไทย ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจแบบพอเพียง  ซึ่งเทคโนโลยีการศึกษาไทย ไม่เหมือนกับเทคโนโลยีการศึกษาของต่างประเทศ"  จึงเรียกว่า เทคโนโลยีการศึกษาแบบพอเพียง (Sufficient Educational Technology : SET) โดยนำแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นฐานในการวิเคราะห์     ในการพัฒนาประเทศ (การศึกษาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศด้วย)  มีอยู่ 3 ปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง คือ  เงิน  เทคโนโลยีและคน

       1.เงินและงบประมาณด้านการศึกษา  ต้องพิจารณาด้านการบริหารจัดการเพราะงบส่วนใหญ่ เป็นค่าเงินเดือนอื่นๆ  เช่นค่าน้ำ ค่าไฟ  ที่เหลือจึงไปสู่เด็กนักเรียน (ไม่ได้บุคลากร และค่าใช้จ่ายให้นักเรียนก่อน) ต่อมารัฐได้เปลี่ยนมาใช้การบริหารจัดการแบบ   รายหัว ซึ่งโรงเรียนขนาดใหญ่จะได้เปรียบมาก เพราะมีผู้นิยมมาก จึงมีนักเรียนจำนวนมาก      

       2. เทคโนโลยี ซึ่งต้องซื้อจากต่างประเทศและซื้อในราคาแพง  เมื่อไม่มีสิ่งทดแทน ที่พอจะเทียบเคียงได้ก็ต้องตกเป็นทาสของเทคโนโลยี  ยอมซื้อของราคาแพง ขาดอิสรภาพ และขาดการพึ่งพาตนเอง
       3. คนที่มีคุณภาพ การศึกษาไทยผลิตคนที่มีคุณภาพสูงได้น้อย ไม่เพียงพอ  ต่างประเทศจึงเข้ามาลงทุน และคนไทยเป็นลูกจ้าง  ฉะนั้นจะต้องเร่งสร้างนักเรียนนักศึกษาไทยให้มีคุณภาพ รู้เท่าทันต่างๆ รู้จักวิเคราะห์ สังเคราะห์ คิดในรูปแบบต่างๆ ให้มากยิ่งขึ้น ให้เป็นพื้นฐานของเด็กไทย  สามารถสร้างงานได้เองบนพื้นฐานของประเทศไทย  สังคมไทย  เรียนรู้ซึ่งกันและกัน แล้วพัฒนาปรับปรุงตนเอง

     มีการวิจัยเรื่องข้อดีของการใช้สื่อการเรียนการสอนมากมาย แต่การศึกษาไทย  ยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร  ผู้สอนควรจะบูรณาการเทคโนโลยี และสื่อต่าง ๆ  ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ช่วยสอน และอีเลิร์นนิ่งกับสื่อพื้นบ้านต่างๆ   ของไทย หรือสื่อพื้นฐานต่างๆ  ให้เป็นองค์รวม ต้องใช้สื่อให้หลากหลาย  ให้สมดุลกันกับบริบทของโรงเรียนและเด็กไทย  สื่อพื้นฐานมีความสำคัญอย่างยิ่ง  ขอให้ครูมีความมั่นใจ ว่ากำลังทำอะไร มั่นใจในสิ่งที่ทำ ที่ได้วิเคราะห์แล้ว เพราะนั่นคือการพึ่งตนเองของครูไทย ที่จะนำความรู้ สื่อผู้เรียน หรือนำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และพัฒนาเต็มตามศักยภาพ  ในขณะเดียวกันก็ต้องพัฒนาสื่อสมัยใหม่ไปพร้อมๆ กันอย่างผสมผสาน

          จากการได้อ่านบทความดังกล่าว  เห็นด้วย  เพราะโรงเรียนหรือครูผู้สอน  ควรนำเทคโนโลยี ใช้ร่วมกับสื่อพื้นฐาน หรือสื่อตามภูมิปัญญาท้องถิ่น  ผสมผสานกันให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้เรียน  รู้จักคิด  วิเคราะห์และหาแนวทางผลิตสื่อการสอนสมัยใหม่  ตามความเหมาะสมของผู้เรียน  โดยใช้ความระมัดระวัง  รอบคอบในการพัฒนาให้ผู้เรียน  เกิดการเรียนรู้ตามศักยภาพ  

          และจากบทความดังกล่าว สามารถนำความรู้  มาใช้ในการเรียนการสอนได้เป็นอย่างดียิ่ง  เพราะการที่เรารู้จักใช้สิ่งที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น  ภูมิปัญญาท้องถิ่น  หรือสื่อพื้นฐานต่างๆ  ที่มีอยู่แล้วนำมาบูรณาการในการเรียนการสอน  โดยอาศัยปราชญ์ชาวบ้าน เป็นผู้นำความรู้มาสู่ผู้เรียนร่วมกับเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน ซึ่งตรงกับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ  ที่ทรงสอนให้เรารู้จักพอเพียง คือเพียงพอกับสิ่งที่มีอยู่  นำสิ่งที่มีอยู่มาเป็นสื่อ เป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้  ตามความเหมาะสมของแต่ละโรงเรียน 

[ชยันต์ เพชรศรีจันทร์]

ชอบครับ และ นำสมุดนี้เข้าแพลนเน็ตแล้ว ผมได้เริ่มต้น และ ทำเรื่องนี้อยู่ โดยอาศัยความพยายามอย่างยิ่งยวด ครับ