หนังสือบนหัวเตียง....


ผมมาประชุมที่เขื่อนอุบลรัตน์...จังหวัดขอนแก่น...ด้วยผมมีความทรงจำและฝันร้ายที่เกิดขึ้นที่นี้...ทำให้ผมไม่สามารถข่มตาให้นอนหลับได้ทั้งสองคืน....

 

ปกติผมไม่มีปัญหาในการนอนหลับ โดยเฉพาะการเดินทางและหลับนอนที่ไม่ใช่บ้าน...แต่ครั้งนี้ผมไม่สามารถทำให้ตนเองหลับสนิทได้เลย...ผมบอกคนไข้ของผมเสมอว่า....อย่าพยายามเพิ่งยานอนหลับ...หรือลองวิเคราะห์หาสิ่งกระตุ้นที่ทำไม่ให้เราสามารถนอนหลับได้...หรือลองสวดมนต์...นั่งสมาธิ...หรือลองฟังเพลงหรือดูทีวีปล่อยใจไปเรื่อยๆ ..ก็ทำให้สามารถนอนหลับไปได้

 

ชีวิตของผมยังวนเวียนกับโลกธรรมแปด...ใจยังรู้สึกทุกข์...และหลายครั้งไม่สามารถบังคับความคิดให้นึกถึงเรื่องราวที่เลวร้ายในอดีตได้

 

แน่นอนผมไม่มียานอนหลับ ถึงมีในมือผมก็คงจะไม่กินแน่ๆ....ภายในห้องนอนผมจะพักที่แฟลตชั้น 4 ....ในห้องใหญ่จะมีห้องย่อยอีก 2 ห้องๆ ละ 2 เตียง....ผมนอนสวดมนต์และแผ่เมตตาให้กับคนที่ผมรักที่จากผมไป...นอนแน่นิ่ง...ปิดไฟเงียบสงบ...เพื่อนที่นอนด้วยกันเขาคงหลับแล้ว....เสียงข้างนอกตัวผมเงียบสงบนิ่ง...แต่เสียงในใจของผมมันดังราวจังหวะกลองที่เคาะกระหน่ำ

 

ผมคิดในใจว่า...ผมคงนอนในห้องไม่ได้...คงต้องออกมานั่งอ่านหนังสือที่ห้องโถง...ผมติดหนังสือมาด้วยเสมอกับการเดินทางทุกครั้ง...ครั้งนี้ผมเอา “หนังสือเกี่ยวกับเซน” และ “หนังสือคนหัวใจแกร่ง”....แต่ผมไม่อยากอ่านยามนี้...

 

ผมเหลือบเห็นด้วยแสงไฟที่ลอดออกมาจากข้างนอก...ข้างหัวเตียงของผมจะมีตู้เล็กๆ มีหนังสือธรรมะทั้งพุทธและศาสนาอื่น ๆ สี่เล่ม....ผมมองเห็นภาพพระพุทธรูปนอนเหยียดยาวห่มจีวรสีเหลืองเรืองรอง

 

ผมเลือกเอาเล่มนี้มาอ่านข้างนอกห้องโถง....ที่เป็นพื้นที่ตางกลางระหว่างสองห้องย่อย...ที่สามารถเปิดไฟส่องสว่างที่ไม่รบกวนคนอื่นๆ

 

คืนแรก...ผมอ่านทุกตัวอักษร...พึมพำในใจทุกประโยค...หนังสือเล่มบางๆ ไม่ถึงหนึ่งร้อยหน้า...แต่ชวนให้อ่านและทำให้ผมทบทวนตนเองได้ดี....คืนแรกผมสามารถกลับไปนอนที่เตียงและหลับได้ประมาณตีสี่กว่าๆ

 

คืนสอง...ผมอ่านเช่นเดิม...จากตัวอักษรแรกจนถึงตัวอักษรสุดท้าย....ด้วยเวลาเร็วขึ้น...และกลับมาอ่านใหม่...พร้อมกับเขียนในสมุดบันทึกได้ถึงห้าหน้า....เพราะผมชอบคำสอนของท่านพระพุทธเจ้า

 

ผมค่อนข้างเห็นด้วยอย่างมากที่มีคนกล่าวว่า...”ศาสนาพุทธของผมไม่ใช่ศาสนา...เพราะศาสนาพุทธไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลย...เพราะศาสนาพุทธคือความจริงในธรรมชาติ...”....ผมเห็นด้วยเมื่อได้อ่านหนังสือเล่มบางๆ เล่มนี้

 

คืนที่สอง...ผมสามารถนอนหลับได้ในเวลาตีสาม...แต่ไม่ทุรนทุรายทรมานเหมือนคืนแรก...มีความเข้าใจในความเกิดขึ้น...ตั้งอยู่...และดับไป ของสิ่งที่วนเวียนในความคิดตลอดทั้งเวลากลางวัน

 

ผมมองสายน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์ได้อย่างเข้าใจ...มองมุมเดิมๆ ...ตลอดทั้งสองวัน...ที่เพียรมองและหวนระลึกถึง....มีบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนไปในสายน้ำที่นิ่งสงบอย่างนั้น

 

หนังสือเล่มบางๆ นั้นชื่อว่า “พุทธโอวาท (สามเดือน) ก่อนปรินิพพาน” ของ “วัดถ้ำกองเพล”..เมื่อเห็นคำว่า “ปรินิพพาน” ผมนึกถึงลูกชาย-ทิมดาบ...ผมส่งความรักข้ามขอบฟ้าและอวยพรให้มีความสุขยามราตรีกาล

 

ลูกชายจะชอบท่องเสมอว่า...”พ.ศ. เริ่มต้นจากวันปรินิพพานของพระพุทธเจ้า...ค.ศ. เริ่มต้นจากวันประสูติของพระเยซู...”

ถ้าอย่างนั้น...พระพุทธเจ้าปรินิพพานมาแล้วถึง 2,555 ปี แล้วนะ...แต่พุทธโอวาทยังคงอยู่...เพราะเป็นสัจธรรมของธรรมชาติ

 

“...เราเคยบอกเธอแล้วมิใช่หรือ บุคคลย่อมต้องพลัดพราก จากสิ่งที่รัก พึงใจเป็นธรรมดา หลีกเลี่ยงไม่ได้..”

 

“..ความเพียรพยายามของเธอทั้งหลายต้องทำเอง ตถาคตเป็นเพียงผู้บอกทางเท่านั้น...”

 

“...ความทุกข์ทั้งมวลมีมูลรากมาจากตัณหา อุปาทาน ความทะยาน อยากดิ้นรน และความยึดมั่นถือมั่นว่า เป็นเราเป็นของเรา...”

 

“...มนุษย์ส่วนใหญ่มัววุ่นวายอยู่กับเรื่องกาย เรื่องกิน เรื่องเกียรติ จนลืมนึกถึงสิ่งหนึ่ง ซึ่งสามารถให้ความสุขแก่ตนได้ทุกเวลา สิ่งนั้นคือ จิตที่ผ่องแพ้ว...”

 

“...ทำไมมนุษย์จึงยอมตัวเป็นทาสของสังคมจนแทบจะกระดิกกระเดี้ยตัวมิได้ จะทำอะไรจะคิดอะไรก็ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของสังคมไปเสียหมด สังคมจึงกลายเป็นเครื่องมือจองจำชีวิต ที่มนุษย์ซึ่งสำคัญตัวว่าเจริญ แล้วช่วยกันสร้างขึ้น เพื่อผูกมัดตัวเองให้อึดอัดรำคาญ มนุษย์ยิ่งเจริญนี้ก็ดูเหมือน จะมีเสรีภาพน้อยลงทั้งกายและทางใจ...”

 

“...สัตว์ทั้งหลายมีความตายเป็นที่สุดนั้น เป็นสัจธรรมที่ไม่ยกเว้นแม้แต่พระพุทธเอง...”

 

“...สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้น สิ่งนั้นย่อมมีการดับไปเป็นธรรมดา สิ่งทั้งหลายทั้งปวงเกิดขึ้น เพราะมีเหตุสิ่งนั้นย่อมดับได้ สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นในเบื้องต้น ตั้งอยู่ในท่ามกลาง และดับไปในที่สุด...”

ฯลฯ..................

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 491994เขียนเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 23:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 10:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

เวลาและวารีไม่เคยถอยกลับนะครับ คุณหมอ ...

มีเกิด แล้วก็มีดับ เป็นเช่นนั้นเอง ;)...

นาฬิกาชีวิต เดินไปแล้วไม่ย้อนกลับมา

ขอบคุณธรรมมะยามเช้า ที่ได้อ่านก่อนเดินทางไปปฏิบัติธรรมทีวัด

เพลงไพเราะจังค่ะ

สวัสดีค่ะสวัสดี ปลอดโปร่งโล่งใจกับธรรมะก่อนนอนที่เก็บมาฝากนะคะ ขอบคุณค่ะ

คงต้องจดจำไปใช้บ้าง

เพราะบางครั้งก็วนเวียนความคิดในสมอง

จนทำให้นอนไม่หลับเช่นกัน

ขอบคุณนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท