สภาวะแวดล้อม กับ ชีวิตที่ผ่านมาของผม 2


ความรัก + ความจริงใจ + ธาลัสซีเมีย = ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

อ่าในที่สุดผมก็มีเวลามาอัพเรื่องดราม่าของผมได้ซักทีครับ ห่างหายไปนานเหมือนกัน ขอโทษนะครับที่ทำให้ต้องรอ (??) มีเรื่องราวสะเทือนใจแก่ตัวผมอย่างมาก เพื่อนที่แอดมาจากเฟสบุ๊คที่เป็นธาลัสซีเมียเหมือนกัน เขารู้จักผมผ่านบล็อกที่ผมเขียนไว้นี้ กำลังป่วยย่ำแย่มากๆ ทั้งๆที่ไม่กี่วันเขายังยิ้มอยู่เลย ผมสันนิษฐานไม่ได้ว่าเขาเป็นอะไร อยากให้เขาหาย เชื่อไหมเขาเป็นผู้ป่วยที่มีแนวคิด Thinking Positive ผมยังอิจฉาในโลกอันสดใสเขาที่ผมไม่คิดว่าในชีวิตผมจะมีแบบนั้นได้ ยอมรับว่า"เขาเป็นแรงบันดานใจให้ผมจริงๆ" 


เข้าไปให้กำลังใจได้ที่นี่ครับ https://www.facebook.com/k.pongpawan

คราวที่แล้วเรื่องดราม่ากับชีวิตธาลัสซีเมียของผมยังไม่จบครับ ดูๆไปแล้วยังมีอีกมากมายที่จะต้องเขียนแต่สิ่งนั้นมันยากที่จะเรียบเรียงเป็นคำพูดและถ้อยคำจริงๆ รอยยิ้ม และ น้ำตาคนที่ป่วยเป็นโรคนี้มีกันทุกคนครับ

พอขึ้นชั้นม.4 ผมตัวเล็กมากๆ เล็กจริงๆเหมือนเอาม.ต้นมาเรียน ม.4 อย่างไรอย่างนั้นการเปลี่ยนจากกางเกงสีกากีเป็นสีดำในแบบฉบับของผมมันไม่สวยงามอย่างที่คิด ผมได้รู้จักทั้งเพื่อนเก่าและเพื่อนต่างโรงเรียนใหม่ๆแต่ความรู้สึกของผมมันยังเหมืือนเดิม ผมยังไม่หายจากธาลัสซีเมียที่เป็นอยู่ และ ผมยังเป็นจุดด้อยของคนอื่นอยู่เหมือนเดิม

เอาหละถึง ม.4 แล้วผมก็มีความรู้สึกแบบรักๆกุ๊กกิ๊กๆเหมือนกันนะ ถึงแม้ว่าคนอย่างผมไม่เหมาะที่จะรักคนอื่นซักเท่าไร แค่ดูแลตัวเองแทบจะเอาตัวไม่รอดแต่ก็อย่างว่าผมเองมันก็เป็นมนุษย์ที่มีจิตใจใช่เป็นหุ่นยนต์ซะเมื่อไหร่ใช่มะ .....

สาวขึ้น ม.4 มีความเป็นสาวอย่างแรกรุ่นบางคนก็สวยจนจำไม่ได้ผมก็ได้แต่มองเหมือนเดิม เพราะตอนนั้นยังดำไม่หายกับธาตุเหล็กที่เกาะตามผิวหนังจนดำปิดปี๋ พ่อแม่พาผมย้ายโรงพยาบาลเพราะการรักษาที่นี่ถึงแม้จะถูกแต่ก็ไม่ได้รับการรักษาที่ดีเท่าที่ควร ผมจึงได้รับการขับธาตุเหล็กจากโรงพยาบาลที่เชียงใหม่ตั้งแต่บัดนั้นมา ความสว่างสดใสก็เข้ามาสู่ใบหน้าผมตั้งแต่บัดนั้น

จำได้ว่าตอนนั้นธาตุเหล็กในร่างกายมีเยอะมาก 8000 กว่ามั้งมันก็เลยดำอย่างที่เห็นมันก็ลดๆ เพิ่มๆ จนกระทั่งเหลือแค่พันกว่าๆ ผมก็ขาวขึ้นมาทันตาเห้นยิ่งกว่าใช้นีเวียซะอีก แต่เรื่องการอัพร่างกายและเพิ่มน้ำหนักมันยากซะเหลือเิกินผมเองกินเท่าไร ออกกำลังกายเท่าไรก็ไม่เพิ่ม ก็เลยทิ้งมันซะดื้อๆ

ผมเริ่มที่จะแสดงความรักมากขึ้นหลังจากได้ใช้ยาขับเหล็ก มันทำให้ผมอาจจะหล่อทันตาเห็น แต่ก็อย่างว่าสมัยผมมันเป็นทุนนิยมไปแล้วความรักอย่างเดียวไม่เพียงพอจริงๆ

ความรัก + ความจริงใจ + ธาลัสซีเมีย  = ไม่มีอะไรเกิดขึ้น สมการนี้ใช้ได้ผลตั้งแต่ ม.4 ยัน ม.6 ไม่มีทฤษฎีไหนมาลบล้างทฤษฎีนี้ได้เลยผมทนต่อการผิดหวังและคำพูดปฎิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าจนไม่อยากยิ้มให้ใครอีกแม้กระทั่งตัวเอง


สิ่งสุดท้ายที่ควรมีและรักษาไว้ คือ ชีวิต และ เราอาจจะไม่ผิดหวังตลอดซะทีเดียว มันก็แค่ปรัชญาแต่สำหรับผมแล้ว มุมมองแบบนั้นง่ายที่จะพูดแต่แค่คำพูดมันไม่เพียงพอต่อการทำใจและยอมรับมัน

ผมใช้ชีวิตกับเพื่อนสนิทบอกตรงๆในตอนนั้นผมมีแค่ 3 คนเท่านั้น แค่สามคนจริงๆ เพื่อนที่ผมสามารถพึ่งพาได้จนถึงในเวลานี้ที่ผมเขียนบทความขณะนี้ผมก็ยังมีเท่าเดิม

อ่า... ผ่านจุดๆนั้นก็ถึงช่วงชีวิตที่ดีที่สุดของผม ชีวิตมหาวิทยาลัย.....

http://siamthalassemia.blogspot.com/2012/06/2.html

หมายเลขบันทึก: 491677เขียนเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 13:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 13:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท