การสอบตำรวจเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นที่ทราบดีแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นโดยไม่ต้องบ่นทบทวนให้เสียเวลาหรือตอกย้ำความเสื่อมทรามของการโกงที่มีให้เห็นโดยทั่วไปที่มีการสอบเหล่านี้
ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากการที่ทราบว่ามีคนบางกลุ่มมีอวิชชาพิเศษเหนือกว่าตัวเรา แต่ความเจ็บปวดดังกล่าวก็ทุเลาลงไปได้เมื่องสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้อย่างทันท่วงที
ความจริงก็มีความดีอกดีใจแกมความเจ็บปวดอยู่บ้างหลังจากการนำเสนอข่าวการจับกุมผ่านสื่อต่าง ๆ อย่างหนาหู แต่วันนี้การสอบกลับได้ย้อนกลับมาทำลายความรู้สึกเหล่านั้นโดยไม่เหลือแม้แต่ความคิดที่จะคิดหลอกตัวเองให้ได้ดีใจเมื่อมีการประกาศ "ให้การสอบครั้งนี้เป็นโมฆะ"
เรื่องนี้ "เป็นความเจ็บปวดที่สุด" ที่เกิดจากการสอบในครั้งนี้ แม้จะการประกาศจะมีความชอบธรรมโดยระเบียบที่ผู้สมัครรับทราบและยอมรับก่อนการตัดสินใจสมัครสอบ
ที่กล่าวอย่างนี้เพราะอยากให้ผู้อ่านได้มองมุมมองหนึ่งที่เป็นมุมมองเล็ก ๆ แต่มันยิ่งใหญ่สำหรับบางคน
ผมไม่ได้สมัครสอบหรอกแต่ต้องการนำเสนอความจริงในบางมุมมอง เนื่องจากผมเป็นผู้ที่ได้มีโอกาสพาญาติเข้าสู่สนามสอบในวันดังกล่าวฐานะของพลขับ โดยความเจ็บปวดมากที่ว่าคือ "ความสูญเสีย" เราเริ่มต้นด้วยการสมัครที่ต้องมีค่าใช้จ่าย แต่แน่นอนตรงนั้นอาจจะไม่ใช่ประเด็นเพราะไม่กี่บาท แต่ความจริงในครั้งนี้ผมต้องเดินทางจากจังหวัดหนองคายเพื่อมาสอบยังโรงเรียนโนนไทย(อะไรสักอย่าง) ผมเสียค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันร่วมสี่พันบาท เมื่อมาถึงที่อำเภอโนนไทย เนื่องจากห่างจากบ้านเกิดเมืองนอนต้องมาค้างคืน ตอนเที่ยงของวันเสาร์ ผมเข้าติดต่อหาที่พักในทันทีโดยไม่ได้สนใจเรื่องของโรงเรียนสอบเพราะสอบเที่ยงคงหาไม่ยาก ผมมุ่งหน้าหาที่พักตั้งแต่เวลา เที่ยงที่มาถึงจนเวลาล่วงถึง ๖ โมงเย็นจึงได้ที่พัก และอยู่ไกลถึงอำเภอพิมาย หมายความว่าผมขับรถหาที่พักตั้งแต่ อ. โนนไทย ย้อนกับมาจนถึง อ. พิมาย และจ่ายค่าที่พักไปในราคา ๔๐๐ บาท
เมื่อนับความสูญเสียที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เพียงแค่วันสอบรวมถึง ๔๔๐๐ บาท ไม่รวมค่าอาหารการกินอีก นะปัจจุบันนี้ผมทำงานในวุฒิปริญญาตรีที่ ๗๙๐๐ บาท (ได้แต่หวังว่านโยบายรัฐบาลจะเลิกเป็นเพียงความฝันและกลายเป็นความจริงสำหรับคนบางกลุ่มเสียที) มันเป็นเงินที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของเงินเดือน แล้วความสูญเสียนี้เกิดขึ้นโดยที่เราไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย และที่สำคัญจะเดินชีวิตต่อไปอย่างไรกับเงินส่วนที่เหลืออันน้อยนิดที่เสียไปพร้อมกับของตอบแทนที่เจ็บปวด
ซึ่งบทสรุปก็คือ คนดีที่ยอมรับกติกา มีความถูกต้อง ต้องมาสูญเสียเงิน ความเหน็ดเหนื่อย เสียเวลา ฯ เพียงเพราะการทำผิดของคนอื่นที่เป็นคนส่วนน้อยถึงกลับต้องล่มสลายในหลายเรื่อง แม้แต่การถูกประกาศให้การสอบเป็นโมฆะที่ถูกต้องและชอบธรรมตามระเบียบ กฏหมายอย่างไม่สามารถโต้แย้งได้ และที่สำคัญการทุจริตมันเป็นที่กระบวนการในการจัดการสอบ แต่ผลกลับตกอยู่ที่ผู้สมัครสอบและเป็นผลที่ได้รับอย่างชอบโดยระเบียบ
เงินเดือนที่เหลือไม่ถึงสามพัน กับ ๑๘ วันที่เหลืออยู่คือคำตอบของการสอบครั้งนี้
ผมเชื่อในกระบวนการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ ฉะนั้นการประกาศโมฆะแม้จะมีความถูกต้องชอบธรรม แต่มันก็มีคนได้รับผลกระทบ ซึ่งในความคิดของผมคือตำรวจมีความสามารถสืบเสาะหาความจริงได้อยู่แล้วโดยกระบวนการของตำรวจหรือท่านจะปฏิเสธว่า "ไม่สามารถสืบหาได้" เมื่อสามารถสืบหาได้ย่อมรู้ว่าใครถูกหรือผิด เมื่อทราบว่าใครถูกผิดก็สามารถแยกคนถูกออกจากพวกที่ทำผิดได้ เมื่อเหลือแต่คนที่ทำถูกต้องการสามารถที่จะประกาศผลได้ แม้อาจจะใช้เวลานาน แต่มันน่าจะเป็นคำตอบสำหรับทุกฝ่ายมากกว่าคำตอบตามระเบียบหรือกติกาที่วางไว้
ซึ่งบันทึกนี้เป็นเพียงเสียงสะท้อนเล็ก ๆ ที่อยากนำเสนอในมุมมองอีกด้านเท่านั้นว่า "มันมีความสูญเสีย" ที่ชอบด้วยระเบียบ และคงต้องก้มหน้ารับความถูกต้องและผลที่เกิดขึ้นในครั้งนี้อย่างไม่อาจจะแย้งได้
เป็นกำลังใจให้นะคะ
คือว่าพูดอะไรไม่ออกอ่ะ
สภาพแบบนี้อิงจันทร์เคยโดนมาก่อนสมัยสอบบรรจุครู
นานมากแล้ว เมื่อปี 2530 หน่ะค่ะ จึงเข้าใจความรู้สึกดี
ขอบคุณครับคุณ รัชดาวัลย์(อิงจันทร์) มันบอกไม่ออกจริงๆ ทำอะไรไม่ได้จริง ๆ มันถูกต้องและชอบธรรมจริง ๆ แต่อยากให้เขาหรือท่านได้ลองย้อนมองในอีกมุมและอาจจะมีอีกหลายๆ มุม มากกว่ามุมเดียวครับ