ในการประชุมสภาวิชาการ มอ. เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 49 มีการนำเรื่องการบ่มเพาะนักศึกษาเข้าพิจารณาในฐานะเรื่องนโยบายทางวิชาการ
ทาง มอ. คิดเรื่องนี้มาอย่างดี มีเป้าหมายที่สูงส่งมาก คือต้องการพัฒนาให้บัณฑิตของ มอ. มีคุณลักษณะองค์ 4 คือ
ผมชื่นชมกับแนวคิดนี้มาก และยิ่งชื่นชมเมื่อทาง มอ. นำเสนอแนวคิด ยุทธศาสตร์ และแนวปฏิบัติอย่างเป็นระบบและเป็นรูปธรรม
ผมทำหน้าที่หย่อนระเบิดเข้าไปกลางวงว่าที่เสนอมานี้เป็น supply-push development approach จะใช้ไม่ได้ผล เพราะไม่ตรงกับจิตวิทยาพัฒนาการของเยาวชน ที่ต้องการเป็นผู้กระทำ เป็นเจ้าของกิจกรรม ต้องการคิดเอง ต้องการภูมิใจกับผลงานของตน
ผมเสนอให้เปลี่ยนไปใช้ demand-pull development approach ให้นักศึกษาคิดดำเนินการกันเอง ให้เป็นผลงานของนักศึกษา โดยมหาวิทยาลัยเข้าไป empower ไม่ใช่เข้าไปจัดการ
และหัวใจของการบ่มเพาะด้วยกิจกรรมนักศึกษา คือ การทำกิจกรรมอาสาสมัคร เพื่อกล่อมเกลาจิตใจของตนเอง เพราะเอาเมล็ดพันธุ์ด้านดีของตนเองออก ฝึกฝนผ่านการปฏิบัติ เพื่อขยายธรรมชาติด้านดีที่มีอยู่แล้วออกไปครอบครองจิตใจตนเอง ไปเบียดพื้นที่ของธรรมชาติด้านชั่วที่มีอยู่ในมนุษย์ทุกคนไม่ให้ขยายตัว
ผมยังได้เสนอให้ร่วมมือเป็นเครือข่ายกับทาง มน. ในการใช้ KM Workshop ในการเริ่มกิจกรรมแบบนี้ แบบที่เอาผลงานดีๆ ที่มีอยู่แล้วมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้และขยายผล
ขอย้ำว่า การกล่อมเกลาตนเอง และกล่อมเกลากันเองของนักศึกษา ต้องทำผ่านการปฏิบัติ ผ่านกิจกรรมที่ทำเพื่อผู้อื่น คือ voluntarism หรือกิจกรรมอาสาสมัคร ซึ่งสามารถคิดกิจกรรมเพื่อมหาวิทยาลัย เพื่อเพื่อนนักศึกษา เพื่อชุมชน เพื่อท้องถิ่น เพื่อประเทศไทย ได้มากมายไม่สิ้นสุด
การกล่อมเกลาจิตใจนักศึกษา จะควบคู่ไปกับการใช้พลังสร้างสรรค์ พลังเหลือใช้ ของความเป็นคนหนุ่มคนสาว
นี่คือเรื่องอนาคตของสังคมไทยเชียวนะครับ
วิจารณ์ พานิช
2 ก.ย. 49
ขอบพระคุณค่ะอาจารย์
ตอนนี้ที่ งานบริการสนับสนุนนิสิตพิการ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้ผลักดันให้มีชมรมเพื่อนแก้วค่ะ เป็นชมรมหรือกลุ่มนิสิตอาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือเพื่อนผู้พิการค่ะ
เพื่อนแก้ว คำว่า แก้ว มาจาก แก้วกัลยา อันเป็นดอกแก้วพระราชทานให้เป็นสัญลักษณ์ของคนพิการทุกประเภทค่ะ
ดีใจจังเลยค่ะที่ได้อ่านblog ของอาจารย์นี้ ทำให้ได้กำลังใจค่ะว่า เราทำมาถูกทางแล้ว
ต้องหาทางปลูกฝังจิตวิญญาณของการทำเพื่อผู้อื่น วิญญาณอาสาสมัคร ว่าเมื่อปฏิบัติแล้ว ผู้ได้รับประโยชน์สูงสุดคือตัว "ผู้ให้" เอง เป็นการให้ หรือบำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่นเพื่อสร้าง "พุทธะ" ขึ้นในหัวใจตนเอง เป็นการกระทำเพื่อขยายวิญญาณด้านดีของตนเอง
ต้องอย่าแค่คิดว่าเป็นการช่วยเหลือผู้อื่น ในแบบที่ผู้อื่นได้รับประโยชน์
ลองศึกษาแนวคิดของมูลนิธิพุทธฉือจี้ แล้วหาทางประยุกต์ใช้ จะเป็นประโยชน์มาก ค้นด้วยคำหลักว่า ฉือจี้ ก็น่าจะหาบันทึกต่างๆ ได้ ผมก็เคยบันทึกไว้มาก