ช่วงนี้ข่าวสังคมโหมกระพือ เรื่องค่าครองชีพและความเป็นอยู่ บ้างก็ว่าเศรษฐกิจไม่ดี ค้าขายไม่ได้ ข้าวของราคาแพง รายได้ไม่พอรายจ่ายฯลฯ อันที่จริงข่าวก็ดี สังคมและเศรษฐกิจมันก็เป็นพลวัตรของมันอยู่ตลอดอย่างนี้ มีขึ้นก็มีลง มีได้ ก็มีเสีย วันก่อนข่าวบอกว่าตลาดหุ้นปิดที่แดนบวก เศรษฐกิจกำลังดี ไม่กี่สัปดาห์ก็ว่าไปอีกแบบ นี้คือธรรมชาติของธรรมชาติ
วันนี้หลายท่านเป็นเศรษฐีใหม่จากเงินกู้ หลายท่านอยู่ในภาวะรัดเข็มขัดนิรภัย หลายท่านตกอยู่ในภาวะที่หมดตัว ทั้งหมดเป็นไปตามระบบ และกลไก (เราต้องทำความเข้าใจกับระบบและกลไกให้ดีๆ) แล้วจะรู้ว่ามันคืออะไร มันทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ท่านพุทธทาสบอกว่า "ตถตา" ขอแต่เพียงว่าเราอย่าหยุด?อย่าถอย? อย่าล้ม? ทุกอย่าต้องรวมพลังทั้งหมดไปที่สติ
ลองคิดให้ดีซิว่าสิ่งที่เราลงทุนไปแล้วคืออะไร เป็นอย่างไร ว่ากันว่า "การลงทุนกับความเสี่ยงเป็นของคู่กันเสมอดั่งเงาติดตามตัว" ซึ่งการลงทุนนั้นตามหลักธุรกิจมีสองประการคือการลงทุนทางตรงกับทางอ้อม นักธุรกิจที่มีทุนตนเอง ๗๐% จะสามารถอยู่รอดสูง แต่มีเหตุที่ทำให้ธุรกิจล้มเหลว๖ ประการคือ ๑)ขาดแรงจูงใจ ๒)ไม่มีความสามารถ ๓)รีบเร่งดำเนินการแบบก้าวกระโดด ๔)ดำเนินการด้วยตนเองเพียงผู้เดียว ๕)เริ่มด้วยหลักการที่ไม่ถูกต้อง ๖) ละเลยมุมมองของลูกค้า และ๗)ขาดการเชื่อมเครื่อข่าย ทั้งหมดนี้ก็เป็นไปตามระบบและกลไกทางการตลาด
หลักธุรกิจที่สามารถดำเนินการไปได้ เจ้าของต้องมีทุนเป็นของตนเอง๗๐% เก่งวิสัยทัศน์ จัดการได้ ใช้เทคนิคเป็น สำคัญที่สุดคือ ต้องมีความพอใจ(ฉันทะ) ขยัน(วิริยะ) เอาใจใส่(จิตตะ) นำไปปรับปรุง(วิมังสา)อยู่ตลอดเวลา นี้คือธุรกิจเชิงพุทธ ใครก็หยุดไม่อยู่ นอกจากโลกสลาย