นายหัว
นาย เจ้าชาย ณ เมืองห้วยแร่

ตังเก…มหาลัยชีวิต (ภาค 3)


ตังเก…มหาลัยชีวิต (ภาค 3)

ตังเก…มหาลัยชีวิต (ภาค 3)

ท่านคิดว่าข้าพเจ้าจะเสียวหลังอะไรกันหนักหนา บอกตามตรงท่านครับ จะมิให้เสียวหลังได้อย่างไรครับท่าน ส่วนใหญ่พวกเรือตีมีอาวุธติดตัวเสมอ ไม่ว่าดาบซามูไร สปาต้า เหล็กขูดชาร์ฟ เวลาเดินต้องเดินเขยงๆเพราะเหน็บมีดยาวไว้ข้างเอว วันก่อนนั้นได้ข่าวว่ามีการตีกันเละเทะ รบกันยิ่งกว่าหนังสงครามซะอีก มีช่วงระยะหนึ่งเรือใกล้หัวสะพานเดียวกันกับข้าพเจ้า มีการทะเลาะกันระหว่างพวกเรือตีและเรือต้ม สาเหตุเพราะปลาอินทรีตัวเดียว เท้าความไปมามีการบอกว่า มีการขโมยปลาอินทรีไปทอด เหตุการณ์บานปลาย ใช้สปาต้าแก้ปัญหา ฟันกันเกือบตาย เรือลำนั้นติดบัญชีดำตำรวจมาเลย์ ต้องเช็กบิลกลับประเทศไทย เพราะต้องกลับไปดำเนินคดีในประเทศไทย โดยยึดหลักดินแดนคือ เรือไทยประดุจเดียวกับรัฐไทย ต้องใช้กฎหมายไทยแม้ต่างแดนที่เกิดคดี นิยามดีๆเขาเรียกพวกเรือตีว่า พวกเถื่อน

ส่วนพวกเรือต้มเป็นพวกคลาสสิกผีพนัน บางพวกก็ชอบดูแต่หนังโป๊ เล่นไพ่ เล่นไฮโล หรือไม่ก็ตั้งวงสูบกัญชา พวกนี้ผีพนันตัวยง กลับจากทะเลขนปลาเสร็จอาบน้ำ ทุ่มสองทุ่มเล่นกันยันสว่าง บางทีต้องไล่วิ่งหอบขึ้นเรือ กระโดดลงน้ำไล่เรือกว่าจะทัน บางวันบางทีก็ต้องตกเรือ ไม่ทันเรือ ทำให้วันทั้งวันเป็นวันว่าง แถมโดนหักเงินค่าแรงต่างหาก วันทั้งวันว่างจัด ก็จำเป็นต้องไปช่วยงานในแพปลาบนชายฝั่ง วันนั้นนายหัวต้องด่าพวกในลำเรือกันถ้วนหน้า หูชาไปทั้งวัน แถมกลับมาบนฝั่งพวกที่ตกเรือต้องโดนนายหัวไล่เตะตกน้ำอีกทอด งานนี้สองเด้ง

วันต่อวัน คืนต่อคืนของข้าพเจ้าในทะเลก็วนเวียนแบบนี้ หาปลาเป็นกิจวัตรแล้วกลับเข้าฝั่ง บางวันได้ปลาเยอะเราก็โชคดีมีชัย มีเงินโบนัส มีน้ำโค๊กได้ดื่ม มีปลาได้ทอดกินเล่น มีปลาได้ทำปลาเค็ม อะไรๆมันก็ดูดีไปเสียหมด เราต่างยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ถ้าหากวันไหนปลาไม่มีเราไม่ได้ปลากลับมา เราก็ไม่มีอะไรจะกิน เงินโบนัสก็ไม่ได้ อื่นๆก็ไม่ได้ ได้เพิ่มมาสองอย่าง คือ เถ้าแก่ด่านายหัว นายหัวก็มาด่าเราอีกรอบ กับ ความเฮงซวย เป็นของขวัญประจำวัน เป็นแบบนั้นดูอะไรๆมันก็มืดมนหนทางเสียหมด มองซ้ายมองขวาก็เจอแต่ความว่างเปล่าและความเฮงซวย

ในลำเรือส่วนใหญ่แม้จะเป็นหมู่วัยรุ่นเสียส่วนมาก แต่อย่างน้อยในลำเรือก็มีคนอาวุโสอยู่ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าชมพู่ นายหัว รองคอ และป่ะๆแก่สองสามคน ในลำเรือข้าพเจ้าชอบมาพูดคุยกับคนเหล่านี้ คุยแล้วมีความสุขแถมได้ความรู้ ข้าพเจ้าได้ไปศึกษาและสอบถามในเรื่องต่างๆ ความรู้ศาสตร์ที่ได้รับมาเป็นทั้งศาสตร์ในสิ่งดี และอวิชชาบ้างในบางครั้ง บางคนเป็นเซียนใบจากเล่นไพ่เก่งมาก เย็บอวน เย็บถุงอวนชำนาญการ ข้าพเจ้าจึงรู้วิธีว่าอ้อ แบบนี้นี่เองที่ว่าเขาเล่นไพ่กัน แต่ก็ไม่เข้าขั้นติดการพนัน แค่พอรู้ ส่วนการเย็บถุงอวน ทำปลาเค็ม ทำหมึกหอมตากแห้ง นั้นก็ได้รับการสอนมาสักพักก็ทำได้ จุดเริ่มต้นในการกระหายความรู้คือการสังเกต และอยากทำ เลยลองทำดู มันก็ทำได้จริง ประสบการณ์ชีวิตหลากหลายอย่าง ที่ดูแล้วเหมือนว่ามีอาจารย์มาสอนข้าพเจ้าอยู่ตลอดเวลาที่อาศัยอยู่ในมหาลัยเรือ…ตังเกนี้

คนเฒ่าคนแก่ที่มาทำงาน เป็นอาจารย์เฉพาะกิจของข้าพเจ้า บางคนอยู่กับน้ำกับทะเลมาเป็นเวลา 40-50 ปีก็มี บางคนอยู่มาเกือบตลอดชีวิต ตั้งแต่วัยรุ่นจนเข้าสู่วัยร่วงโรย ส่วนใหญ่คนแก่พวกนี้ไม่ชอบเล่นการพนัน ไม่สูบกัญชา และไม่เที่ยวร้านน้ำชา ปกติก็สูบแต่ใบจากอย่างเดียว วันๆทำแต่งาน พอเรือกลับเข้าท่าเรือหัวสะพาน ก็มานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ดูทีวี และนั่งนับปลาเค็ม นับหมึกหอมที่ตากและเก็บใส่ลังไว้

ปกติปลาที่หามาได้ จะเน้นและเก็บแต่ปลากะตักอย่างเดียว ปลาอื่นๆหรือหมึก ก็เป็นผลประโยชน์พลอยได้ของชาวเรือ ใครเอาก็เอา ทุกๆวันก็เอามาแกง มาทอด มาย่างกันเป็นอาหาร ข้าพเจ้ากินจนเบื่อมากทีเดียว ปลาที่หามาได้จำนวนมากๆไม่ว่าปลาหางเขียว ปลาหางแข็ง ปลาทู ปลาข้างเหลือง ก็ทิ้งเสียเรี่ยราด ไม่มีใครเอา บางวันทิ้งเป็นสิบๆเข่งใหญ่ วัยรุ่นทั้งหลายกลับจากออกเล ถึงฝั่งก็เที่ยวร้านน้ำชานึกสนุกอย่างเดียว ส่วนคนแก่ๆก็นึกเก็บเงินเก็บทอง จึงมีความแตกต่างกันของช่วงเวลาอายุ ที่คิดต่าง มองต่าง กระทำต่างกัน วัยแก่เหล่านี้ปลาที่เหลือๆเขาก็เอามาทำปลาเค็ม ใส่ลังใส่กระสอบไว้ เอาไปขายที่เมืองไทยตอนกลับบ้าน พอถึงเวลากลับบ้าน เงินเดือนไอ้พวกวัยรุ่น จะได้ประมาณ 9,000บาท เพราะเบิกเงินเที่ยวเกือบหมด ส่วนคนแก่ๆจะได้เยอะ ประมาณ 23,000บาท เพราะเก็บอย่างเดียวไม่เที่ยว ไม่เล่นการพนัน แถมมีเงินเพิ่มอีกจากการเอาปลาเค็มไปขายที่แถวบ้าน ข้าพเจ้านั่งวิเคราะห์ดู…ตามองที่หมึกหอม…ลาบปากคืนนี้…

ข้าพเจ้าเคยพูดคุยกับคุณลุงคนหนึ่งที่อยู่ในลำเรือเดียวกันและแกก็เป็นเรือตี ข้าพเจ้าทราบว่าลุงเคยเป็นเพื่อนกับพี่ชายคนโตของข้าพเจ้า ลุงอยู่ทะเลนานกว่า 30 ปี มาแล้ว อยู่ที่มาเลย์นี่จนรู้จักทุกๆคนในเกาะนี้ แกรู้จักทุกเถ้าแก่ ทุกแพปลา รู้จักทุกเกาะแก่ง รู้จักปลาเกือบทุกชนิด ลุงรู้เยอะมากเกี่ยวกับทะเล แต่ก่อนลุงบอกว่าลุงก็เป็นนักเที่ยวเป็นนักเลงเหมือนกัน แต่ตอนนี้ลุงหยุดแล้ว ตอนนี้ลุงมีลูกมีเมียแล้ว ลูกชายของลุงตอนนี้เรียนอยู่มัธยมแล้ว ลุงต้องเก็บตังค์ให้มันเรียน ลุงกลัวว่ามันจะไม่เรียนและเกเร ลุงจึงซื้อรถมอเตอร์ไซค์ให้มันคันหนึ่ง ลุงรักลูกชายมาก เงินทั้งหมดลุงเอาให้ลูกให้เมียอย่างเดียว พอลุงพูดถึงลูกชาย ลุงดึงใบจากออกจากปากแล้วพ่นควันออกมาตามองไปนอกเรือเป็นประกายเพราะรักและห่วงลูกชายมาก ข้าพเจ้านิ่งสนิทพักหนึ่ง นึกในใจว่าถ้าหากไอ้ลูกชายของคุณลุงไม่ตั้งใจเรียน เกเรแล้วไซร้ ข้าพเจ้าจะกลับไปตบกบาลให้แบะออกเสียเลย มันคงไม่รู้ว่าพ่อมันเหนื่อยแค่ไหน จึงเป็นที่มาของการกินปลาของข้าพเจ้า กินให้หมดนึกถึงบุญคุณปลา บุญคุณคนหาปลา ความหวังที่เป็นพลัง ในการเอาปลามาให้คุณกิน

ทำงานทุกๆวัน ในช่วงแรกๆนั้นก็สนุกสนาน เหนื่อยบ้างอะไรบ้างก็ไม่เป็นไร ตัวดำ ตัวเขียวก็ไม่สนใจช่างมัน หัวแดงๆออกโทนส้ม เพราะพิษน้ำเค็มผสมแดดจัด ดูแนวไปอีกแบบ ข้าพเจ้าจึงทราบดีว่าคนทำงานทะเล มันต้องตรากตรำทำงานหนักมาก ต้องอดทนและลำบากมหาศาล นึกแล้วก็นึกถึงโฆษณาหารสอง สมัยข้าพเจ้าเป็นเด็ก โฆษณาที่อาเม้งกินข้าวแล้วกินสุรุ่ยสุร่ายทิ้งขว้าง จนอาม่ามาตบบ้องหูแล้วตักเตือน พร้อมให้อาเม้งท่องกล่าวกลอนสอนใจที่กล่าวในสมัยเด็กๆ ” ป.ปลานั้นหายาก ต้องลำบากออกเรือไป” จนจบ นึกดูมันหายาก ยากจริงๆ ทรมานทรหดสุดแสน ต้องทนแดดทนฝน

บางวันไม่ได้ปลามาสักกะตัวเดียว หรือบางวันได้มาแต่หอยเม่นเป็นร้อยๆกิโลกรัม จนต้องคว่ำอวนทิ้ง หรือบางทีได้ปลาปักเป้ามาเป็นร้อยๆตัว เอาขึ้นมาบนเรือ มันส่งเรียกร้อง แกว็กๆๆคล้ายๆแม่เป็ด พร้อมกันนั้นมันทำตัวพองกลมขนาดลูกบอล ปักเป้ามีหลายชนิด ที่มีหนามแหลมๆยาวๆเราก็ทิ้งทะเล ไอ้แบบตัวคายๆอ้วนๆกลมๆไม่มีหนาม เราก็เอามาเตะเล่นแทนฟุตบอล นำมาวางที่หน้าหัวเรือ แล้วเตะป้าปๆลงน้ำ เตะป้าปๆลงทะเลมันลอยคอตายเป็นแถว เห็นเขาว่ามันกินได้ แต่ไม่มีใครกล้ากินกลัวกินปักเป้าแล้วเมาตาย ซื้อก็ไม่มีใครซื้อ ให้ฟรีก็ไม่มีใครเอา บางวันที่โคตรซวยเข้าขั้นเรือก็ได้หนอนขนทะเลมีพิษขึ้นมา ติดอวนขึ้นมาเป็นเข่งๆ ตัวเท่าหัวแม่โป้งยาวคล้ายๆทากแต่มีขน มีพิษโดนแล้วคันไปทั้งตัว บางคนเข้าขั้นอาการหนักแพ้เป็นแผลเปื่อยต้องส่งกลับประเทศไทยกันเลยทีเดียว ข้าพเจ้าโดนมาสองครั้งสองครา ตัวบวมแดงไปหมด นึกว่าต้องตายแน่แล้วกู เมื่อเจอของทรมานมันทรมานจริงๆ

นานวันเข้าทะเลเริ่มอ้างว้างและดูลำเค็ญยิ่งเสียแล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกถึงความลำบากยากเข็ญในลำเรือแห่งนี้ ย้อนไปเมื่อวันที่พายุถล่ม เราต้องหยุดงานและต้องนอนซมอยู่ที่หัวสะพานท่าเรือ ยิ่งวันหลังๆซวยซ้ำซวยซ้อน ขณะที่เราทำงานหาปลาอยู่กลางทะเลลึก พายุลงกะทันหัน ขณะนั้นอวนยังลงลากอยู่ในน้ำกู้ขึ้นมาก็ไม่ทัน เราก็กู้อวนกันกลางพายุ เราต้องโต้คลื่นที่บ้าคลั่ง ฟ้าที่มืดครึ้ม แผดเสียงคำราม ราวกับตวาดให้ลำเรือแหลกละเอียดไปกับเสียงคำราม ตัวเราสั่นหงกๆขวัญหนีดีฝ่อ กว่าเรือจะเข้าฝั่งเสียงฟ้าลั่นเหมือนดั่งเสียงราชสีห์คำรามไล่หลังเนื้อน้อยๆอย่างเรา เราโกยสุดชีวิต ควันดำพร้อมเครื่องยนต์เรือเราก็แหกปากสวนกลับไปเสียบางดังสนั่นทะเลและผืนฟ้า

ผ้าห่มผืนน้อยถูกบรรจงลากขึ้นมาคลุมตัวข้าพเจ้าอย่างสั่นหงกๆ ทุกๆคนสวดมนต์ภาวนานึกถึงพระเจ้า นึกถึงพ่อแม่ นึกถึงคนที่ตนรัก ภาวนาอย่าให้คลื่นลมหอบเราลงทะเล ไม่อยากไปเจอหน้าไอ้หลามที่ในน้ำ มือที่เอาอุดหูตัวสั่นเครือเหมือนลูกหมาตกน้ำ เวลาแบบนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดังสนั่นหวันไหว และวุ่นวาย กลับส่งผลให้ในลำเรือเราเงียบสนิท เวลาวิกฤตแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ข้าพเจ้าได้เห็นอะไรหลายๆอย่าง เราทุกคนแสดงธาตุแท้แห่งความอ่อนแอออกมาทันที เราทุกคนมีจิตสำนึกแห่งความกลัว เรามีสันดานหวั่นไหวและโอนอ่อนไร้พลัง ณ เวลานี้ที่เกิดพายุ เราประดุจดังฝุ่นละอองบนโลกนี้ที่ไร้ค่า ต่างจากเวลาอื่นที่เราทำตัวเราประดุจดั่งเป็นราชาแห่งโลกใบนี้ มนุษย์เราช่างอ่อนแอสิ้นดี

วันนั้นวันที่มรสุมพาดผ่าน ความอ่อนแอและความกลัวประดังว่าพัดผ่านหายไปด้วยกับเกลียวคลื่น มนุษย์ทั้งหลายนับร้อยนับพัน ณ ท่าเรือแห่งนี้ก็มาหยิ่งผยองเช่นเดิม ทุกคนกลับมาซ่าและโอหังเช่นเดิม ข้าพเจ้าลองนึกย้อนตอนเกิดพายุดูอีกครา เวลาที่ฟ้าร้องคำราม พายุถล่ม ทุกคนร้องไห้งอแงเหมือนเด็กเล็ก แต่พอตอนนี้ พอเวลาธรรมดาเราไม่สนใจอะไร ไม่สนใจใคร หลายคนทำตัวเป็นขาใหญ่ประจำลำเรือ ประจำหัวสะพานปลา นึกแล้วก็ขำ ขำมนุษย์เรานัก

เราอยู่ที่ลังกาวีจนเกือบครบ 2 เดือน ในช่วงระยะหลังปลาได้น้อยมาก เรือลำอื่นๆต่างเช็กบิล ตัดเงินเดือนคิดรายให้เด็กเรือกลับบ้านกลับประเทศไทยไปเสียส่วนมาก เรือลำอื่นที่มีวัยรุ่นจำนวนมากๆเถ้าแก่ก็พลอยไม่สบายใจไปด้วย เพราะหลายลำเรือกลับประเทศไทย เหลือจำนวนเรือที่ออกทะเลก็มีไม่มากแล้ว พวกนี้เริ่มมีปฏิกิริยาแปลกๆอยากกลับบ้าน จนต้องมีการกดดันนายหัวเรือและเถ้าแก่ให้คิดรายเงินเดือนแล้วกลับบ้าน สุดท้ายก็จำเป็นต้องคิดรายเงินเดือนให้กลับบ้าน ชาวเรือหนุ่มๆก็ได้กลับบ้าน ทั้งนี้ที่เถ้าแก่อนุญาตเพราะกลัวพวกนี้จะเผาเรือ เผาแพปลาเสีย เจอการเมืองตังเกเข้าให้ ปฏิวัติกันกลางทะเลเลยนั่น

เวลาแห่งการกลับบ้านมาแล้ว ใกล้มาแล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกวูบวาบเมื่อจับเงิน เงินเดือนที่หามาได้จากน้ำพักน้ำแรงตัวเอง รู้สึกภูมิใจและลำพองใจมาก นึกในใจว่ากูก็หาเงินได้ หลายพันเสียด้วยแฮะ

การฝึกอบรมจากวิทยาลัยน้ำเค็ม ที่ปลูกฝังความทรหดให้เกิดขึ้นในจิตใจ สร้างและเติมเต็มวิตามิน วิตามินแห่งความวุ่นวายที่ได้รับ สารอาหารแห่งความอวิชชาที่ได้เจอได้พบ เมืองตังเกคือหลักสูตรลูกผู้ชายที่ใครผ่านมาได้ถือว่า เข้าขั้นยอดมนุษย์

ได้เวลากลับบ้านแล้ว ทั้งลำเรือต่างโห่ร้องลั่นสนั่นทะเล เครื่องยนต์ปีศาจแหกปากร้องลั่น ควันดำลอยปุดปัดทั่วท้องฟ้า ควันใบจากฟุ้งกระจายที่ท้ายเรือ ข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้า ปลาเค็มถูกจัดเตรียมเอากลับบ้าน วันนี้ทุกคนแต่งหล่อเต็มที่เพื่อกลับมาตุภูมิ ไอ้เบอร์ยี่สิบสามลำโตของเราก็ทะยานออกสู่ทะเล ข้าพเจ้ามองกลับไปที่ลังกาวี มองกระเช้าลอยฟ้าที่สูงเสียดเมฆ มองสัญญาณไฟที่หุบเขาสูง ส่องวูบวาบเหมือนโบกมืออำลาเรา เรือผ่านประภาคารยักษ์กลางปากน้ำ ที่ยืนตระหง่านทุกวี่ทุกวันไม่มีวันเบื่อ ดูวันนี้มันเศร้าหงอยๆทีเดียว แต่มันก็ยืนทมึงตึงตลอดมาหลายสิบปีแล้วแบบนี้เช่นเดิม วันนี้มันก็หน้าบูดนิ่งเช่นเดิม กูกลับแล้วนะลังกาวี ..มองไปท่าเรือที่ว่างเปล่าอีกที เรือลำอื่นเพื่อนไอ้ยี่สิบสามหนีหายไปหมด บางลำที่มาเคียงใกล้ ห้าหกลำเพื่อมุ่งกลับไทยก็พอให้มันหายเหงาได้บ้าง เรือหดหายหมดแล้ว แห่กันกลับบ้าน ปาร์ตี้นี้สิ้นสุดแล้ว หลักสูตรนี้จบแล้ว มหาลัยปิดเทอมแล้ว ข้าพเจ้าจบแล้ว จบมหาลัยแล้ว มหาลัยตังเก….

เจ้าชาย

17 / 4 /55

หมายเลขบันทึก: 487754เขียนเมื่อ 11 พฤษภาคม 2012 17:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 สิงหาคม 2016 13:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

อ่านแล้วนึกถึงหลายคนที่สตูล ไม่ว่าจะเป็น อนุสรณ์ มาราสา บัญชาอ่อนดี วรภ วรภา พจนารถ พจนาพิทักษ์

นักเขียนสตูลมีงานไม่ขาดสายเรื่องของนายหัวก็น่าสนใจติดตามอ่าน

ขอเป็นกำลังใจครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท