ธรรมทั้งหลายเกิดจากเหตุ จากปัจจัย...


 

ทุก ๆ คนอยากได้บรรลุธรรมแต่ไม่อยากปฏิบัติธรรม ทุกคนอยากจะรวยแต่ไม่ได้สร้างเหตุสร้างปัจจัยที่มันจะรวย ทุกคนอยากได้คะแนนสูง ๆ แต่ไม่อยากเรียนหนังสือ อ่านหนังสือ ท่องหนังสือ


Large_tonkla044


ถ้าเรามีความอยากมันก็ไม่ได้ตามต้องการ เพราะไม่มีเหตุมีปัจจัยที่จะได้ เพราะธรรมทั้งหลายเกิดจากเหตุ เพราะทุกคนต้องสร้างความดี ไม่ว่าโยม ไม่ว่าพระมันเป็นเหมือนกันหมด พระพุทธเจ้าท่านให้เราคิดดี ๆ แล้วเอามาพิจารณาดู เราจะได้เห็นคุณเห็นประโยชน์ในการ สร้างความดี


คนเรามันแก่ทุกวันนะ ไม่ใช่หนุ่มขึ้น เมื่อเวลามันกระชั้นชิดมา ทีนี้เราจะโทษใคร...?


จะมาโทษว่าไม่มีบุญไม่มีวาสนามันก็ไม่ถูกต้อง มันไม่ยุติธรรม มันพิพากษาไม่ถูกต้อง ไปโทษบุญโทษวาสนาอีก


บุญเรามีเยอะวาสนาเรามีเยอะ แต่เราไม่ปฏิบัติ...


การประพฤติปฏิบัติถ้าเราดูดี ๆ มันไม่ใช่เรื่องเครียด ไม่ใช่เรื่องทุกข์นะ เขาเรียกว่าแต่ก่อนมันเป็นความเครียดเพราะเราทำตามความอยาก ทำตามอารมณ์ มันเป็นความเครียด


เราต้องมีความสุขในการทำการทำงาน เพราะการงานของเรานี้แหละได้มาฝึกตนเอง สร้างบารมีให้ตนเอง แต่ก่อนเราทำงานมุ่งแต่เงิน แต่ตอนนี้เอาทั้งเงินทั้งพระนิพพาน ได้ทั้งพระนิพพานและเงินก็ดีนะ เอาศัตรูมาเป็นมิตรหมด เหมือนกับที่พระพุทธเจ้าท่านรัก พระอานนท์กับรักพระเทวทัตพอ ๆ กัน

 

Large_tonkla046


ปัญหาทั้งหมดที่มีอยู่นี้เพราะเรามีตัวมีตน ถ้าเราไม่รู้จักธรรมชาติไม่รู้จักความเป็นจริง ใจของเราก็จะมีปัญหาจนวันตาย


เขาให้เอาทั้งศีลทั้งธรรมมาให้เราเป็นโอกาส เพื่อให้เราได้รักษาศีลสร้างพระนิพพาน เพราะถ้าไม่อย่างนั้นก็จะพากันหนีความเป็นจริง หนีพระนิพพานไปอยู่ในที่เงียบ ๆ เห็นหน้าใครก็เป็นพระนิพพานไปหมด


ถ้าปฏิบัติอย่างนี้จิตใจเราจะเปลี่ยนแปลง จิตใจเราจะเย็น ถ้าไม่ปฏิบัติอย่างนี้ก็จะเสียเวลา จะวิ่งไปหาแต่พระธาตุ หาแต่พระอรหันต์ภายนอก


พระนิพพานนี้มันอยู่ไม่ไกลเรานะ มันอยู่กับเรานี้เอง...


ที่คนเรามันมีสะดุดทางจิตใจตลอดก็เพราะไม่รู้จัก เห็นรูปก็สะดุด เห็นเสียงก็สะดุด เห็นคนก็สะดุด แสดงว่ามันสะดุดที่ใจ แสดงว่าใจมีตัวตนมาก อันไหนชอบก็จะเอา อันไหนไม่ชอบก็ไม่เอา ความคิดเห็นอย่างนี้เป็นความเห็นของ ทีฆะนัคขะพราหมณ์ ซึ่งเป็นลุงของพระสารีบุตร


พราหมณ์บอกกับพระพุทธเจ้าว่า“ของสิ่งไหนข้าพเจ้าชอบ ข้าพเจ้าก็จะเอา สิ่งไหนข้าพเจ้าไม่ชอบ ข้าพเจ้าก็ไม่เอา”


พระพุทธเจ้าตรัสถามต่อว่า
ความแก่พราหมณ์ชอบไหม...? พราหมณ์ตอบว่าไม่ชอบ
ความเจ็บไข้ได้ป่วยพราหมณ์ชอบไหม...? พราหมณ์ตอบว่าไม่ชอบ
ความตายพราหม์ชอบไหม...? พราหมณ์ตอบว่าไม่ชอบ
พระพุทธเจ้าจึงตรัสสรุปว่า “สิ่งที่พราหมณ์ไม่ชอบ พราหมณ์ก็จะได้ทั้งหมด...”

 

การปฏิบัติของเราถ้าจะเอาแต่สิ่งที่ชอบมันก็เป็นการปฏิบัติที่ผิด มันเห็นผิด มันผิดแล้ว มีความรู้มาก มีปัญญามากก็ใช้ไม่ได้ ต้องพัฒนา เราต้องให้เห็นตามความเป็นจริง


คนเรามันมีความคิดผิดมาก เพราะความเคยชินที่เกิดมาในหลายภพหลายชาติ ต้องทำความเคยชินให้เกิดในจิตในใจใหม่


คนเรามันตัวตนมากนะ อย่างนักเรียนนักศึกษาใครก็อยากให้ลูกให้หลานตัวเองสอบได้หลานคนอื่นให้มันตก มันคิดถูกหรือคิดผิด มาให้แต่หลวงพ่อแผ่เมตตาให้หลานตัวเอง จับฉลากได้ หลวงพ่อก็คิดหนัก อย่างนี้นะคนเรา



ถ้าเราคิดดี ๆ เรานี้มีตัวมีตนมาก ฝนมันจะตกคิดไม่อยากให้มันตก แดดจะออกก็คิดให้แดดไม่ออก คิดอย่างนี้มันขัดธรรมะหมด เขาเรียกว่าความคิดเรามันมีปัญหานะ


ถ้าเราคิดตามความเป็นธรรม ถ้าใครเป็นคนเสียสละเป็นคนขยันหมั่นเพียรก็ต้องได้รับความยุติธรรมที่เขาเสียสละ ไม่ได้ใช้อิทธิปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อ


คนเราต้องทำความดีให้มีความเชื่อมั่นกระจ่างแจ้ง ให้รู้จริงทั้งภาคปริยัติและปฏิบัติ อย่าไปมักง่าย ถ้ามักง่ายก็อยากถูกหวย ถูกล็อตเตอรี่


เป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้าต้องขยันมาก ๆ เพราะพระพุทธเจ้าท่านขี้เกียจไม่เป็นท่านถึงได้เป็นพระพุทธเจ้า


เรานี้ไม่ได้ขี้เกียจธรรมดานะ อาจจะเป็น “มหาขี้เกียจ” พันธุ์ขี้เกียจมีเยอะ...


เราเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้าต้องขยัน เราทุกคนต้องขยัน หิวก็ช่างมัน ผอมก็ช่างมัน อย่าให้สิ่งเหล่านี้มาอยู่ในใจของเรา คนเรามีความเห็นผิดเยอะนะ


“ความงามอยู่ที่ศีล สมาธิ และการเจริญปัญญาเพื่อการดำรงชีวิต”


แต่เราเอางามแบบผักชีโรยหน้า แต่งทั้งฟันแต่งตั้งหู ดัดฟันแต่งฟันก็หลายหมื่นนะ สารพัดแต่ง แต่งให้ตัวเองหลง แต่งให้คนอื่นหลง...


ความงามมันก็ดี เพราะมนุษย์เราถ้าไม่ตกไม่แต่งก็เป็นสิ่งที่น่าเกลียด ไม่สวยงาม ไม่หล่อ


เราแต่งเพื่อให้เราไม่น่าเกลียด ไม่ใช่ไปปล่อยวาง ไม่อาบน้ำ บ้านช่องก็สกปรกไปหมด


การแต่งมันดี แต่ก็ไม่ยิ่งไปกว่าการที่เรามีศีลมีธรรม...


คนมีศีลมีธรรมมันงามจริง ๆ เป็นคนที่งามด้วยการไม่มีความโลภ ไม่มีความโกรธ ไม่มีความหลง ตัดกิเลสหยาบ ๆ ออกไป

Large_tonkla036

 


ศีลเป็นสิ่งที่งาม เป็นสิ่งที่งดงาม ถ้าใครมีศีลเขาเรียกงามในเบื้องต้น ถ้าเราแต่งแต่งกายเรา บ้านเรา รถเรา มันยังไม่เพียงพอนะ ดูแล้วแต่ละคนกว่าจะออกจากบ้านได้ ไปส่องกระจกบางทีรอบเดียวก็ยังไม่พอ ส่องแล้วส่องอีกนะ...


คนเราอยากให้คนอื่นเขารัก เขารักเราก็มีความอบอุ่น แต่ถ้าเราไม่มาปรับปรุงที่ใจ จะมียักษ์ตัวใหญ่มากนะโผล่ออกมาจากใจ มันน่ากลัว...


พระพุทธเจ้าท่านให้ทุกคนแต่งปฏิปทาถือนิสัยของพระพุทธเจ้า เดินตามพระพุทธเจ้า เราจะได้เป็นคนงามที่แท้จริง


ถ้าเราเป็นคนมีศีลใครก็รักหมด ถ้าเรามีศีลมีข้อวัตร


บางคนคิดเรื่องอนาคตว่าเราแก่ใครจะดูแลใครจะเลี้ยง...?


“ถ้าเรามีศีล ไม่ต้องกลัว ทุกคนรักหมด” ถ้าเราคิดอย่างนี้แสดงว่าเราไม่เชื่อมั่น ในความดี ไม่เชื่อมั่นในพระรัตนตรัย แสดงว่าใจของเรายังบาปอยู่...


พระพุทธเจ้าท่านเป็นผู้ให้ แม้ดับขันธปรินิพพานก็ยังเป็นผู้ให้ สั่งเสียไม่ให้เรา เป็นผู้ประมาท เพราะคนเราประมาทมาก เพราะความมันประมาทมันถึงพากันเกิดมา “เดี๋ยวมันขอคิดนิดหน่อย หน่อยหลายหน่อยรวมกันก็มากนะ...!”


เหมือนน้ำฝนตกติดต่อกันก็เป็นสายน้ำ เป็นทะเล เป็นมหาสมุทร ก็เพราะไอ้น้อย ๆ นี่นะ


ถ้าเราปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เราไม่ต้องห่วงอนาคต เพราะความสุขอยู่ที่กายที่ใจของเรา

 


บางทีพวกเรายังเข้าใจผิดอยู่เยอะนะ มาเห็นวัดใหญ่มีกุฏิเยอะ มีวิหารเยอะ คิดว่าวัดเจริญ “ไม่ใช่...” วัดต้องมีข้อวัตรปฏิบัติ ต้องมีศีล


วัดใหญ่อาจจะเป็นวัดเน่าก็ได้ คือวัดไม่มีข้อวัตรปฏิบัติ โยมไม่มีศีล พระไม่มีข้อวัตร ไม่มุ่งมรรคผลนิพพาน มุ่งทรัพย์สินเงินทอง...


พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าวัดเน่า วัดที่ไม่เจริญ “วัตรเน่านะ...”


วัตรนี้ไม่ได้หมายถึงกุฏิวิหาร วัตรนี้หมายถึงจิตถึงใจ ไม่ให้เราหลงประเด็น
พระพุทธเจ้าท่านเน้นเรื่อง “วัตร” เรื่องใจเรื่องข้อวัตรปฏิบัติ


วัตรหรือข้อวัตรปฏิบัติ มันไม่ใช่อย่างที่เรากำลังอาศัยอยู่นี้ เราอยู่ที่บ้านที่ทำงาน เราก็ต้องมีข้อวัตร ถ้าเราคิดว่าวัดอยู่โน่น อีก ๗ วันไปวัด คิดอย่างนี้ก็แย่ เราทิ้งเวลาประพฤติปฏิบัติ...


ก็ให้ญาติโยมเข้าใจเรื่องข้อวัตรปฏิบัติ เราอยู่ด้วยกันในบ้านในครอบครัว ต้องเสียสละ ให้กัน อย่าเอาความสุขกับคนอื่นมันไม่ถูกนะ


ถ้าในครอบครัว เราก็หวังแต่จะเอาความสุขจากคนอื่น ครอบครัวเราก็มีปัญหา เพราะต่างคนต่างก็เอาใจตนเอง เรื่องมานะ เรื่องตัวตน มันเป็นเรื่องต่อล้อต่อเถียง “ครอบครัวของเราจะมีความสุขได้อย่างไร มีแต่บาปมีแต่กรรม...!”


พระพุทธเจ้าท่านให้สร้างวัตรในบ้านในครอบครัวของเรานะ อย่างเราไปทำงาน ก็มีความสุขในการทำงาน ให้ความสุขกับเพื่อน ๆ รุ่นพี่ รุ่นน้อง อย่าไปกัดกัน ทะเลาะกัน มันไม่ดี ไม่ถูก มันใช้ไม่ได้ ไม่สร้างสวรรค์ให้พวกเรา เครียดจากที่ทำงาน ไม่ได้มาทำงาน แต่มาทำบาปกัน...


เรากลับมาบ้านก็ให้มีความสุขกับสามีกับภรรยา เหมือนนกน้อยกลับรังก็มีความสุข กับครอบครัว ถ้าเราทำอย่างนี้ปฏิบัติอย่างนี้ นั่นแหละคือการปฏิบัติธรรม คือมีข้อวัตรปฏิบัติ

 


เงินทองเป็นของหายากลำบาก เป็นทรัพยากรที่เกิดจากส่วนรวม พระพุทธเจ้าท่านให้เราใช้เท่าที่จำเป็น


ปัจจัย ๔ ทุกอย่างถือว่าเป็นการเบียดเบียน...


ข้าวมาจากการทำนา สัตว์มันก็ตายเยอะจากการฉีดยา ต้องใช้แรงงานคนยากคนจน ทำอาชีพบนหลังสัตว์ ทำอาชีพบนหลังคนจน ต้องใช้เท่าที่จำเป็น
คนรวยยิ้มไปยิ้มมา แต่ถ้าเราไม่ได้รักเพื่อนร่วมโลกมันน่าสงสารนะ...


ไม่ใช่มีความสุขเท่าไหร่ก็ไม่พอ มีรถเท่าไหร่ก็ไม่พอ ต้องเอารถเบ๊นซ์ รถ BMW เพื่ออวดศักดิ์ศรี อวดศักดิ์ดา นี่เป็นการเบียดเบียน ให้ดูตัวอย่างพระพุทธเจ้าท่านเป็นผู้ให้ รองเท้าก็ไม่มี ผ้าก็มีเพียงแค่ ๓ ผืนนะ


เพราะความสุขความดับทุกข์อยู่ที่ความถูกต้อง ทำใจเราให้สงบ อย่าพากันใช้เงินใช้ทองฟุ่มเฟือย พ่อแม่มอมเมาลูกด้วยวัตถุ เมื่อพ่อแม่หลงลูกก็หลงนะ พ่อแม่ขี้เกียจลูกก็ขี้เกียจ พี่สาวขี้เกียจน้องก็ขี้เกียจเพราะติดสิ่งเสพติดคือความสะดวกสบายติดตัวตน ติดภพชาติ


การใช้จ่ายปัจจัย ๔ ต้องใช้เท่าที่จำเป็น ไม่ว่าใครต่อใครถ้าทำจะเป็นกุศล


เราอย่าไปคิด “เราจะอดทำไม เราจะอยากทำไม...?” ต้องกินเต็มที่ เที่ยวเต็มที่ คิดอย่างนี้มันบาป มันไม่ได้สร้างความดี เห็นอะไรอร่อยก็กระดิกมือกระดิกเท้า ลืมตัวหมด ลืมบาป ลืมกรรม ลืมบุญกุศลไปหมด


คนเราลืมตัวได้นะถ้าเราทำตามความอยาก เพราะออกซิเจนในสมองไม่สมดุลมันควบคุมความอยากมันไม่ได้


ความอยากทุกคนมันมีมาก คนเรารู้จักแต่ความสุขทางวัตถุ รู้จักแต่ความสุขทางเนื้อ ทางหนัง


พระพุทธเจ้าท่านสอนเราว่าขึ้น ๘ ค่ำ ๑๕ ค่ำ ก็ให้พากันรักษาศีล เป็นวันที่ไม่ตามใจ ตามกิเลส เพราะทางออกของคนมีหลายอย่าง ออกทางอารมณ์ของสวรรค์ เอาความสุข ในความสบาย ไปว่าตัวเองเหมือนพระพรหม เพราะความสุขในสวรรค์มันแกว่งไปแกว่งมาเหมือนดีเปรสชั่น เหมือนคลื่นสึนามิ ลมพายุบางทีพัดบ้านพังตั้งหลายหมู่บ้าน

 


การทำสมาธิก็เหมือนกับเรามาปล่อยทุกอย่างในโลกออกเสียได้ หายใจเข้าสบาย หายใจออกสบาย ไม่เอาอะไร ถ้าเอามันจะมีปัญหามีตัวมีตน มาเอาใจของเราอยู่กับ ลมหายใจเข้าสบายออกสบาย เราก็ทำของเราอย่างนี้

 


การทำสมาธิ กำหนดลมไปเดี๋ยวก็คิดโน่นคิดนี่ เจ้าปัญหา เจ้าปรุงแต่ง อย่าไปสนมัน มันเป็นเหล่าพญามาร เสนามาร ทำให้เราหวั่นไหวไม่สงบ ไม่เย็น
อารมณ์เหมือนลูกฟุตบอลที่เขาให้เราเตะ ออกจากที่ไปเตะก็สนุกไปพักใหญ่ เราอย่าตามอารมณ์ไป


คนเราต้องมีอารมณ์ ถ้าไม่มีก็ไม่ได้ฝึกใจฝึกสมาธิ คนไม่ตายก็เป็นอย่างนี้คิดอย่างนี้ อย่าไปถือสา อย่าไปวิ่งตะครุบเงา ให้เราเฉย ๆ ไว้


อารมณ์เหมือนเด็กน้อย ให้เราเฉย ๆ ไว้ เด็กน้อยจะรู้อะไร รู้แต่เรื่องกินเรื่องเที่ยว “ใจของเรายังไม่เป็นผู้ใหญ่มันก็ยังชอบเล่นชอบเที่ยว...”

 


การทำสมาธิดีมาก ได้บุญกุศลเยอะ ให้ทุกคนฝึกทำใจให้สงบ ให้เป็นสมาธิ ส่วนใหญ่คนเราทำสมาธิไม่เป็น เพราะไม่ได้ฝึกมาแต่น้อย ๆ


สมาธิต้องอาศัยการฝึกการหัด...


“เก่งทุกเรื่อง เรื่องสมาธิไม่เก่ง” ต้องฝึกนะ เพราะสมาธิคือบ้านของจิตใจ...


บ้านนี้พ่อแม่สร้างให้เราแล้ว แต่บ้านทางจิตทางใจเราต้องสร้างเอง ไม่อย่างนั้นเราจะเป็นคนไม่มีเจ้าของปล่อยให้กิเลสฉุดลากไป


สงบหรือไม่สงบก็ทำไป ฝึกให้ชำนิชำนาญ ให้เป็นปฏิปทา เป็น “วสี” ชีวิตของเราจะสงบเย็น ชีวิตที่ขาดสมาธิเป็นชีวิตที่เร่าร้อน


บ้านคนยากคนจนมุงสังกะสี บ้านคนรวยเขาติดแอร์หรูหรา ฉันใดก็ฉันนั้น “ถ้าชีวิตของเรามีสมาธิ หน้าแล้งก็เหมือนติดแอร์ หน้านาวก็มีฮีตเตอร์”


สมาธิคือความไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง ทำเพื่อความดี ทำเพื่อความเสียสละ
ทุกคนต้องเห็นความดีในการทำสมาธิ


“รวยอยู่เก่งอยู่แต่มันทุกข์ มันเป็นอย่างนั้น ถ้าเป็นคนไม่มีสมาธิ” นี้เป็นผลกรรม ของคนไม่มีสมาธิ...


ให้ทุกคนเห็นให้ชัดเจน ไม่ว่าเราทำอะไร ให้ใจอยู่กับกาย อยู่กับการทำงาน ที่ครูบาอาจารย์ให้เจริญสติปัฏฐาน ๔ ก็เพื่อให้ใจสงบร่มเย็นเป็นสมาธิ


การบรรยายธรรมวันนี้ ให้ทุกคนเข้าใจเพื่อนำไปประพฤติปฏิบัติ ไม่ว่าที่บ้านที่ทำงาน ต้องมีความสุขความดับทุกข์ทุกหนทุกแห่ง

 


วันนี้อากาศเย็น ให้เราแผ่เมตตาให้พ่อแม่ บรรพบุรุษ บุพการีชน บุคคลอันเป็นที่รัก ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และที่ล่วงลับไปแล้ว หากท่านมีความทุกข์ใดอยู่ขอให้พ้นเสียจากความทุกข์ ทั้งปวงนั้น หากมีความสุขดีอยู่แล้วก็ขอให้มีความสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไปตลอดสิ้นกาลนาน...

 

พระพุทธเจ้าท่านบรรลุธรรม ท่านเสวยวิมุติสุขด้วยการยืน ๗ วัน นั่ง ๗ วัน เดิน ๗ วัน “ให้เราเดินตามพระพุทธเจ้า อย่าพากันทิ้งของดีของประเสริฐ เห็นสุขเป็นทุกข์”


พระพุทธเจ้าท่านทำให้เราดู ปฏิบัติให้เราดู ให้เราประพฤติปฏิบัติตาม ความเจริญงอกงามไพบูลย์ต้องมีแก่เราแน่นอน ได้ชื่อว่าเราได้เกิดมามีความสำคัญในการปฏิบัติสร้างบารมี ชีวิตของเราย่อมไม่ผิดหวังที่ได้เกิดมา ถ้าอย่างนั้นเสียดายนะ เสียดายมาก พลาดโอกาสในชีวิต...


“หัวใจติดแอร์มันเย็นนะ มันประหยัดไฟด้วย...”

 

Large_td065

 

พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่องค์พ่อแม่ครูอาจารย์เมตตาให้นำมาบรรยาย
ค่ำวันอังคารที่ ๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕

หมายเลขบันทึก: 487472เขียนเมื่อ 9 พฤษภาคม 2012 05:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม 2012 12:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ไม่สงวนสิทธิ์ใดๆจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท