หมอ(ดู) อาชีพใหม่ในยุคแห่งการสื่อสารไร้พรมแดน


หมอ(ดู) อาชีพใหม่

หมอ(ดู) อาชีพใหม่ในยุคแห่งการสื่อสารไร้พรมแดน

                                                                                                                                                ชุติมา  เมฆวัน

                หมอดูหรือโหราศาสตร์  อาชีพที่คาดคะเนอนาคต  ดูจะสวนทางกับยุคโลกาภิวัฒน์ที่การสื่อสารไร้พรมแดนการติดต่อสื่อสารเป็นเรื่องง่ายและไร้ขีดจำกัด

โหราศาสตร์ (Astrology) เป็นศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการทำนายอนาคต หรือ โชคชะตาของมนุษย์ ปรากฏการณ์ต่างๆ ของบ้านเมือง และของโลก โดยอาศัย เวลา และ ตำแหน่งของดวงดาวต่างๆ บนท้องฟ้า เป็นสำคัญ แล้วบันทึกไว้เป็นสถิติ โหราศาสตร์ เป็นวิชาที่ต่างกับวิทยาศาสตร์ ด้วยแม้จะสามารถพิสูจน์ทราบได้โดยใช้กฏเกณฑ์ และเหตุผลในทางโหราศาสตร์ นำมาทดลอง พิสูจน์ให้เห็นประจักษ์ สามารถสรุปออกมาเป็นทฤษฎีได้ ไม่ว่าจะทดลองกี่ครั้ง ที่ใดๆในโลกเช่นเดียวกับวิทยาศาสตร์ โหราศาสตร์ก็ยังคงเป็นวิชาที่ค่อนข้างลึกลับ ด้วยเหตุนี้นักวิทยาศาสตร์จึงไม่รับรองโหราศาสตร์ ว่าเป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง อย่างไรก็ตามทางรัฐบาลอินเดียได้มีการประกาศเมื่อวันที่ 11 พค. 2544 ให้มีการสอนวิชาโหราศาสตร์ในมหาวิทยาลัยได้วิชาโหราศาสตร์มีหลายระบบและมีความแตกต่างกัน แบ่งออกเป็น โหราศาสตร์ไทย โหราศาสตร์สากล โหราศาสตร์จีน โหราศาสตร์ยูเรเนียน การพยากรณ์ในโหราศาสตร์ต้องอาศัยโหรผู้มีความรู้ความชำนาญในการผูกดวงและเป็นผู้พยากรณ์เพื่อตีความหมายเป็นโอกาสของการเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ในอนาคต ซี่งโหราศาสตร์ เป็นสาขาหนึ่งของการพยากรณ์และเนื่องจากการใช้ตำแหน่งของดวงดาวจึงมีความเกี่ยวข้องกับวิชาดาราศาสตร์(วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี,ออนไลน์ ,ค้นเมื่อ  28  กันยายน  2553)

                หมอดู  หรือนักโหราศาสตร์เดิมทีแล้วมีคู่กับโลกหรือประเทศไทยมาช้านานโดยโหราศาสตร์มีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลมาแล้ว กษัตริย์ไทยโบราณทรงมีตำแหน่งหมอดูไว้ในราชสำนักเรียกว่า "โหราธิบดี" มีหน้าที่ให้คำปรึกษา เกี่ยวกับ ฤกษ์ยามเพื่อดำเนินราชการทั่วไป เช่น การพิชัยสงคราม ยกทัพจับศึก ชาวบ้านเรียกตำแหน่งนี้ว่า "โหรหลวง" ในอินเดียโหราศาสตร์นี้ได้แพร่หลายอยู่ในหมู่วรรณะพราหมณ์ ซึ่งถือกันว่าเป็นสื่อของ เทพเจ้าบนสวรรค์ กษัตริย์จึงทรงตั้งพราหมณ์เป็นที่ปรึกษาราชการเรียกว่า "ปุโรหิต" ปัจจุบัน

ปัจจุบันในประเทศไทย  อาชีพดังกล่าวถือว่ายังคงความเชื่อและความศรัทธาคู่คนไทยอย่างเหนียวแน่น  แม้ในชุมชนห่างไกลหรือชุมชนในเมืองหลวงที่มีความเจริญทางด้านเทคโนโลยีหรือวิทยาการสมัยใหม่  หมอดู  ยังเป็นช่องทางหนึ่งในการคาดคะเนอนาคต  หรือแม้การสร้างความเชื่อมั่น  หรือสร้างพลังแรงใจในการทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งให้กับคนไทยได้อยู่ไม่น้อย 

โหราศาสตร์มีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของคนไทย โดยเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ คือ(อ้างถึงใน http://www.angelfire.com/ia/nuna/pam3.html,ค้นเมื่อ  28  กันยายน  2553)

         1. การทำนายลักษณะและบุคคลในอนาคต โดยดูจากวันเดือนปีเกิด ลักษณะ รูปร่าง หรือจากลายมือ เช่น มีการนำดวงชะตามาพิจารณาว่าเกิดปีใดจะเป็นธาตุอะไร เช่น ปีชวดกับปีกุน เป็นธาตุน้ำ ปีฉลูกับปีจอ เป็นธาตุดิน ปีมะเส็งกับปีมะเมีย เป็นธาตุไฟ แล้วเทียบว่าธาตุใดเป็นมิตรหรือศัตรูกัน เช่น ธาตุดินเหมาะกับทุกธาตุ ธาตุน้ำกับธาตุไฟไม่ เหมาะ กัน  เพราะไฟเผาน้ำและธาตุเหล็กกับไฟไม่ดี เพราะไฟเผาเหล็ก เป็นต้น การเปรียบเทียบธาตุ คู่มิตร และศัตรูนี้มีเพื่อประโยชน์ในการทำนายหาเนื้อคู่ของบ่าวสาว และเพื่อหาความสุขในการครองเรือน

         2. การดูฤกษ์ยาม ปัจจุบันนี้โหราศาสตร์เข้ามามีอิทธิพล อย่างใหญ่หลวง ในการหาฤกษ์ยามของการปลูกบ้าน และการเดินทาง แต่ที่มีอิทธิพลมาที่สุดน่าจะได้แก่การ แต่งงาน ซึ่งต้องมีการกำหนดเดือน คนไทยบางส่วนที่ยึดมั่นในประเพณีความเชื่อดั้งเดิมอยู่ เช่น ดูฤกษ์หรือกำหนดของการนุ่งผ้าใหม่ ตัดผ้าใหม่ ห้ามตัดผมวันพุธ ห้ามโกนผมวันพฤหัสบดี รวมทั้ง ยังดูไปถึงการเผาผีด้วย เช่น วันพฤหัสบดีและวันศุกร์ห้ามเผาผี เป็นต้น

         3. การทำนายฝัน การฝันและการทำนายฝันยังคงปฏิบัติกันอยู่ เช่น ฝันว่า ทอดแหตกปลาและได้ปลาแปลว่าจะเสียของรัก ฝันว่าได้สวมแหวนแปลว่าจะได้เนื้อคู่ที่ถูกใจ ถ้าแต่งงานแล้วจะได้บุตรสุดที่รัก และฝันว่าถูกตัดมือตัดเท้าใส่ขื่อคา แปลว่าจะได้เลื่อนยศ เป็นต้น ทั้งนี้มีความเชื่อกันว่าตอนใกล้รุ่งจะแม่นกว่าเวลาอื่น ๆ

         4. การตั้งชื่อ ชื่อนั้นจะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่จะผลักดันหรือ ทำให้เจ้าของชื่อมีอนาคตเช่นไร มีนิสัยอย่างไร ปัจจุบันอิทธิพลของการตั้งชื่อลดน้อยลงไปบ้าง เพราะดูเหมือนว่า คนไทยมุ่งไปที่ความสละสลวยของคำมากกว่าที่จะนึกถึงความหมายของคำ

         5. การผูกดวงและทำนายดวงชะตา ส่วนมากมักจะเป็นเรื่องเฉพาะ ๆ ไป เช่น เรื่องแต่งงาน เรื่องเคราะห์ เรื่องโชคชะตาต่าง ๆ เป็นต้น

         6. การปลูกต้นไม้ไว้ในบ้าน ปัจจุบันยังมีผู้ยึดถือและทำนายกันว่าต้นไม่ใด มีชื่อไม่เป็นมงคลห้ามปลูกไว้ในบ้าน เช่น ต้นโศก ระกำ ลั่นทม และต้นไม้ใดที่ควรปลูก เช่น มะยม เป็นต้น

         7. การทำนายปลีกย่อย เช่น ทำนายว่าลูกในท้องจะเป็นชายหรือหญิง ดูคนไข้ว่าจะตายหรือยู่ ดูลักษณะสัตว์เลี้ยง ดูโชคลาภประจำปี ดูของหาย ทำนายการเขม่นบริเวณ ต่าง ๆ เช่น เขม่นตาขวาแปลว่าจะได้ลาภ และการสร้างศาลพระภูมิ เป็นต้น

         8. การดูลักษณะคนและทำนายบุคลิกลักษณะเป็นอย่างไรและต่อไปจะเป็นเช่นไร โดยพิจารณาจากที่เกิดของไฝและปาน ลายมือ ลายเท้า นิ้วมือ หรือสรุปได้ว่าเป็นการ ทำนายจากลักษณะทุกส่วนของร่างกาย

         9. ความสวยงามและการแต่งตัว เชื่อกันว่าสีของเสื้อผ้าจะมีความหมาย     ในตัวของมันเอง และมีผลกระทบต่อผู้ใส่ด้วย เช่น สีม่วงเป็นสีแห่งความโศกเศร้า เป็นสีแห่งความ ผิดหวังในรัก และบ่งถึงความเป็นหม้าย สีเขียวบ่งถึงความร่มเย็นและประสบความสำเร็จในชีวิต หากผู้ใดชอบสวมใส่เสื้อเขียวจะมีการพยากรณ์ว่าเป็นบุคคลที่ไม่ยอมแก่ เป็นคนตรงชอบความจริง ตรงไปตรงมา     แต่ค่อนข้างขาดความอบอุ่นทางจิตใจ และไม่มีความแน่ใจในตนเอง 

                ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าหมอดูได้ปรับเปลี่ยนวิธีการดูดวงที่ทันสมัยขึ้น  ทั้งการดูดวงผ่านอินเตอร์เน็ต  ผ่านโทรศัพท์  หรือผ่านสื่อต่างๆ  โดยผู้ดูดวงไม่จำเป็นต้องเจอหน้าค่าตากับผู้ดูวงเลยแม้แต่การดูลายมือ

                ธุรกิจการดูดวงในปัจจุบันดูจะสามารถสร้างอาชีพให้กับคนผู้เป็นหมอดูได้อย่างมั่นคง  โดยเฉพาะหมอดูบางคนที่สามารถสร้างชื่อเสียงหรือสร้างความเชื่อในการคาดคะเนอนาคตที่ถูกต้องแม่นยำแม้เพียงบางเรื่องทั้งที่เป็นการคาดคะเนที่ผนวกด้วยหลักวิทยาศาสตร์หรือหลักจิตวิทยาผสมผสมผสานกับความน่าจะเป็นมาใช้ในการทำนายทายทัก

                สิ่งต่างๆเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความหวาดกลัว  และความไม่มั่นใจในอนาคตของผู้คนท่ามกลางกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลง  และกระแสแห่งโลกาภิวัตน์

                แม้หลายๆ  คนอาจปฏิเสธความเชื่อในเรื่องดวงแต่ในปัจจุบันถ้ามองการดูดวงในมุมของจิตวิทยาเพื่อสร้างกำลังใจ  อาจถือเป็นหนทางหนึ่งในทางเลือกอีกหลายทางของการสร้างความเชื่อมั่น  และพลังแรงใจให้กับผู้คนที่กำลังท้อแท้หมดหวังให้มีพลังลุกขึ้นสู้ต่อไปได้

 

คำสำคัญ (Tags): #หมอ(ดู)
หมายเลขบันทึก: 487457เขียนเมื่อ 8 พฤษภาคม 2012 23:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 09:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท