ปัจจัยกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนเงินไทย (๒)


รัฐบาลไทย หรือนักวิชาการเศรษฐศาสตร์ไทยมีตัวเลขอยู่ในมือไหม ถ้าไม่ ผมขอประณามว่า ห่วยแตกมากๆ สมควรเอาปี๊บคลุมหัวได้เลย

อัตราแลกเปลี่ยนเงินเขามีไว้เพื่อการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าข้ามประเทศเป็นสำคัญ  ถ้าเงินเราแข็งเกินไปเราก็ซื้อสินค้าจากต่างชาติได้ในราคาถูก แต่เวลาเราขายสินค้าของเราให้ต่างชาติสินค้าเราจะมีราคาแพง  ก็เสียเปรียบคู่แข่ง 

 

ถ้าเงินเราอ่อนเกินไป ท่านว่า จะทำให้เรานำเข้าัเครื่องจักรและวัตถุดิบเพื่อการผลิตจากต่างประเทศในราคาแพง (เพราะต้องเอาเงินไทยไปแลกซื้อมา)  ทำให้ต้นทุนการผลิตสูง ต้องขายสินค้าแพงขึ้น  แต่พอขายในตลาดต่างชาติ ได้เงินสกุลเขามา พอเอามาแลกเป็นเงินไทยก็ได้เงินไทยมาก ก็กำไรมาก   ส่วนถ้าเงินแข็งปรากฎการณ์ก็จะเป็นตรงข้าม คือซื้อถูกแต่ขายแล้วแลกเป็นเงินไทยได้น้อยลง

 

ดังนั้นอัตราแลกเปลี่ยนแข็งหรืออ่อน ก็มีดีคนละอย่าง  ในกรณีปกติทางสายกลางดูเหมือนจะดีที่สุด  ถ้าไม่รู้จะทำไงดีบางทีก็ปล่อยให้ “ลอยตัว” ไปเลย ...ให้เป็นไปตามกลไกตลาด

 

ผมได้เตือนรัฐบาลไทยมาแต่ปี ๒๕๔๓ ว่าการค้า และรายได้มวลรวมในชาติ (gdp)  ของไทยเรานั้นมันเพี้ยนที่สุด (ในโลก)  เพราะ  70% เป็นรายได้ของนักลงทุนต่างชาติไม่กี่คน

 

ประเด็นนี้ และตัวเลขนี้  ไม่น่าเชื่อว่าไม่มีนักวิชาการหรือรัฐบาลรู้มาก่อน   มารู้เอาเมื่อปี ๒๕๔๙ โดยดร.สมคิด จาฯ (ซึ่งแม้ในขณะนั้นก็กลายเป็นอดีตรมว.ด้านเศรษฐกิจไปแล้ว และที่รู้นั้นก็สงสัยว่ามาจากผมนี่แหละ...ขอทวงบุญคุณหน่อย)   ตัวเลข 70% นี้ไม่มีบอกไว้ที่ไหนหรอกครับ ผมต้องคำนวณเอาเองจากข้อมูลดิบที่ผมไปขุดมา

 

ถึงวันนี้ผมว่าตัวเลขน่าจะเกิน 70% ไปแล้ว ผมไม่ทราบว่ารัฐบาลไทย หรือนักวิชาการเศรษฐศาสตร์ไทยมีตัวเลขอยู่ในมือไหม ถ้าไม่ ผมขอประณามว่า ห่วยแตกมากๆ  สมควรเอาปี๊บคลุมหัวได้เลย

 

 

 

แต่พวกเขาคงลืมไปว่าการผลิต “ของเรา”  นั้น 70% เป็นการผลิตของ “ต่างชาติ”   โดยคนไทย   เพื่อต่างชาติ  เวลาบริษัทพวกนี้เขาซื้อเครื่องจักรและวัตถุดิบ เขาซื้อด้วยเงินสกุลเขา เขาไม่ได้เอาเงินบาทไปซื้อนะครับ !!!  ดังนั้นเงินบาทแข็งหรืออ่อน ไม่กระทบขาใหญ่เขาหรอกครับ

 

ส่วนเวลาขาย เขาก็ขายเป็นเงินสกุลต่างชาติ แล้วโอนกำไรไปปันผลให้ผู้ถือหุ้น (ชาวต่างชาติ) เป็นสกุลต่างชาติ ในแบ็งค์ต่างชาติ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเงิน “สกุลไทย”   เลย  ดังนั้นเงินไทยไม่ว่าแข็งหรืออ่อน ไม่กระทบต่อสุขภาพของบริษัทต่างชาติพวกนี้เลย (ถึงมากนัก)

 

เรื่องนี้เกี่ยวข้องและมีผลกับอัตราแลกเปลี่ยนถึง 95%  (ไม่ใช่ 70 นะครับ)  แต่ผมเชื่อว่าพวกนักกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนไม่เคยคำนึงถึง  พวกเขาคำนึงถึงแต่ปริมาณการนำเข้า ส่งออก เป็นหลัก โดยไม่ดูต้นตอ ปลายทาง และ บริบทของการค้าขายกับต่างประเทศ

 

ชุ่ยกันแบบนี้....ประเทศเสียหายมากครับ  พ่อแม่พี่น้อง อาจถึงฉิบหาย

 

ขอพักก่อน...เดี๋ยวกลับมาด่าต่อ อิอิ

 

...คนถางทาง (๑ พค. ๕๕)

ปล.วันนี้วันแรงงาน   คนถางทางน่าจะได้พัก กลับต้องมาออกแรงหนัก  กว่าปกติ อิอิ 

หมายเลขบันทึก: 486713เขียนเมื่อ 1 พฤษภาคม 2012 10:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 21:18 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท