นับตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาเป็นลูกแม่โดม และพ่อปรีดี นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ฉันเดินออกจากห้องสมุดมาพร้อมกับหนังสือติดโบ(ราณ) เพราะ โดยปกติแล้วฉันและพวกเพื่อนๆมักนิยมชมชอบอะไรใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือใหม่ เสื้อผ้าใหม่ กระเป๋าใหม่ มือถือใหม่ ร้านอาหารใหม่ๆ สถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ รัฐบาลใหม่ และแฟนใหม่ (โดยเฉพาะอย่างหลังนี่พวกเราไม่นิยมของมือสองอย่างแน่นอน)
...............................................................
ทำไมจึงเลือกหนังสือเล่มนี้ ???
...............................................................
เหตุผลประการแรกแรก อาจเป็นเพราะพวกเราเกิดในยุคที่อะไรๆก็ต้องเร็ว ต้องใหม่ ต้องทันสมัย ทันโลก ทันเหตุการณ์ จึงรู้สึกเบื่อกับสิ่งเหล่านั้น และพยายามหันกลับมามองของเก่าที่ถูกละเลย
เหตุผลประการถัดมา ก็คือ ฉันคิดว่าหนังสือเล่มนี้น่าจะเคยเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำในอดีตของนักกฎหมายลูกแม่โดมหลายต่อหลายคน และเคยเป็นแรงบันดาลใจในการศึกษากฎหมายระหว่างประเทศของใครบางคน และ บัดนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่มันจะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับฉันเฉกเช่นเดียวกับที่เคยเป็นมา [ และฉันก็หวังว่ามันจะทำหน้าที่เช่นนี้แก่นักกฎหมายรุ่นหลังตลอดไป ]
และเหตุผลประการสุดท้าย ก็เพราะว่ารูปลักษณ์ภายนอกของหนังสือเล่มนี้ ที่แม้ว่าเนื้อกระดาษที่แลเห็นภายนอกจะเหลืองกรอบ และมีรอยฉีกขาดราวกับชายวัยกลางคนที่กรำงานหนักมานานนับ40 ปี แต่ก็ช่างดูขลังและมีเสน่ห์ดึงดูดแก่ผู้อ่านอย่างน่าประหลาดใจ [ฉันเดาว่าหนังสือเล่มนี้ต้องผ่านการอ่านมาอย่างโชกโชนทีเดียวล่ะ ]
.............................
ผู้แต่ง ?? ?
..............................
เมื่อพลิกเข้าไปดูข้างในก็พบว่าหนังสือ "คำบรรยายกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล " เล่มนี้แต่งโดย ท่านอาจารย์ วิเชียร วัฒนคุณ ซึ่งจบดอกเตอร์มาจากมหาวิทยาลัยปารีส และด้วยเหตุนี้เองจึงเดาได้ว่าเนื้อหาภายในนั้นน่าจะได้รับอิทธิพลมาจากการศึกษาของประเทศฝรั่งเศสไม่มากก็น้อย
.............................
จุดเด่น ???
.............................
ประการแรก ท่านอาจารย์ วิเชียร วัฒนคุณ ได้แต่งตำราเล่มนี้โดยอ้างอิงจากแนวคำสอนในตำราของท่านอาจารย์ที่มีชื่อเสียงหลายท่านด้วยกัน ได้แก่ ตำราหลักกฎหมายเกี่ยวกับคดีต่างประเทศของท่านอาจารย์ วัน จามรมาน ตำรากฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลของพระยาศรีวิสารวาจา ,หลวงวิเทศจรรยารักษ์ ,หลวงประดิษฐ์มนูญธรรม(อาจารย์ปรีดี พนมยงค์) ,อาจารย์ทวี ตะเวทิกุล ,อาจารย์หยุด แสงอุทัย และอาจารย์บุณย์ เจริญไชย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปรมาจารย์ในการสอนกฎหมายระหว่างประเทศทั้งสิ้น
ประการที่สอง หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ขึ้นภายหลังการแก้ไขพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 เพื่อแก้ไขปรับปรุงและเพิ่มเติมเนื้อหาบางส่วนของหนังสือคำบรรยายฉบับเดิมที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2505 กล่าวคือนอกจากมีการแก้ไขในส่วนของ “การได้ และเสียสัญชาติไทย” แล้วผู้แต่งยังได้เพิ่มเติมข้อความในส่วนที่เกี่ยวกับ “การขัดกันแห่งกฎหมาย” , “ การขัดกันแห่งอำนาจหน้าที่” และ “การขัดกันแห่งอำนาจศาล” เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายในสมัยนั้น
ดังจะเห็นได้จากส่วนของ “การได้ และเสียสัญชาติไทย” ตามมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ. 2508 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีกฎหมายกำหนดข้อยกเว้นในเรื่องการได้สัญชาติไทยโดยการเกิด(ตามหลักดินแดน)ไว้อย่างชัดแจ้ง สำหรับกรณีบุตรของคนต่างด้าวซึ่งขณะเกิดนั้นบิดาหรือมารดามีสถานะ [ซึ่งรับรองโดยกฎหมายระหว่างประเทศ หรือสนธิสัญญาระหว่างประเทศ] เป็นบุคคลที่ได้รับเอกสิทธิ์และความคุ้มกัน อันเป็นผลให้บุคคลดังกล่าวมิอาจได้สัญชาติไทยตามหลักดินแดน
นอกจากนี้ในส่วนของ “การขัดกันแห่งกฎหมาย” ผู้แต่งได้อธิบายถึงนิติวิธีในการนำ พ.ร.บ. ว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมาย พ.ศ. 2481 มาใช้แสวงหากฎหมายที่เหมาะสมที่สุดเพื่อปรับใช้แก่ข้อเท็จจริงแต่ละกรณีไป โดยพิจารณาจากจุดเกาะเกี่ยว เช่น ปัญหาเกี่ยวกับสถานะและความสามารถของบุคคลนั้นใช้สัญชาติเป็นจุดเกาะเกี่ยว กล่าวคือจะต้องเป็นไปตามกฎหมายของสัญชาติของคู่กรณี เป็นต้น
ในขณะที่ส่วนท้ายๆของหนังสือเล่มนี้กล่าวถึง “ การขัดกันแห่งอำนาจหน้าที่” ว่าเป็นปัญหาในทางปฏิบัติระหว่างประเทศ เกี่ยวกับการสรรหารัฐ(และเจ้าหน้าที่ของรัฐ)ที่จะเข้ามารับผิดชอบในการทำนิติกรรมมหาชนของเอกชนระหว่างประเทศ [ เช่น การจดทะเบียนสมรส จดทะเบียนหย่า รับแจ้งเกิด แจ้งตาย ย้ายที่อยู่ เป็นต้น ]
แล้วปิดท้ายด้วยเรื่อง “การขัดกันแห่งอำนาจศาล” ซึ่งเป็นปัญหาเกี่ยวกับการแสวงหาศาลที่มีอำนาจในการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีแพ่งระหว่างประเทศ โดยเน้นการศึกษาเขตอำนาจของศาลไทย และผลของคำพิพากษาของศาลต่างประเทศในประเทศไทย
........................................................................................
ฉันได้อะไรจากการอ่านหนังสือเล่มนี้ บ้าง ???
.........................................................................................
สิ่งแรกที่ฉันสัมผัสได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ก็คือความคลาสสิคของเนื้อหาภายในเล่ม ที่มีกลิ่นอายของการศึกษากฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลแบบฝรั่งเศสปนอยู่ในทุกอณูของตัวอักษร เริ่มตั้งแต่รูปแบบของสารบาญ ที่แบ่งเนื้อหาภายในเล่มออกเป็นสามภาค โดยสองภาคแรกให้ความสำคัญกับการศึกษาเรื่องสัญชาติและนิติฐานะของคนต่างด้าวเป็นสำคัญ ส่วนภาคสุดท้ายเป็นการขัดกันแห่งกำหมาย และการรับรองและบังคับตามคำพิพากษาศาลต่างประเทศ แต่กลับมีกลิ่นอายของความเป็นอังกฤษเข้ามาสอดแทรกในส่วนของเขตอำนาจศาลบ้าง ที่กล่าวว่าเป็นกลิ่นอายแบบอังกฤษก็เพราะว่าแท้จริงแล้วการศึกษากฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลในประเทศฝรั่งเศสนั้นเน้นการศึกษาใน 4 เรื่องด้วยกัน คือ (1) สัญชาติ (อันนี้เรามักได้ยินบ่อยๆในช่วงโมงสอนของ อ.แหวว ) (2) นิติฐานะของคนต่างด้าว (อันนี้ก็เช่นเดียวกัน) (3) กฎหมายขัดกัน (อันนี้ได้ยินบ่อยมากๆในชั่วโมง อ.ประสิทธิ์ ) และ (4) การรับรองและบังคับตามคำพิพากษาศาลต่างประเทศ ในขณะที่การศึกษากฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลในประเทศอังกฤษนั้นนอกจะศึกษาใน 4 เรื่องดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังศึกษาเกี่ยวกับเขตอำนาจศาลอีกด้วย ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าท่านอาจารย์วิเชียรได้ผสานความเป็นอังกฤษเข้ากับความเป็นฝรั่งเศสได้อย่างสอดคล้องลงตัว.....................................
ของฝาก ???
.....................................
หากท่านเป็นผู้หนึ่งที่มีความกระหายใคร่รู้ในกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล ฉันขอย้ำว่าท่านไม่ควรพลาดการดื่มด่ำกับหนังสือเล่มนี้เป็นอันขาด เพราะ บัดนี้มันได้กลายเป็นทั้ง “ ตำรา ” และ “ ตำนาน ” เล่าขานเรื่องราวเกี่ยวกับการศึกษากฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลในประเทศไทยฉบับประวัติศาสตร์ที่นักศึกษากฎหมายรุ่นหลังต้องอ่าน
................................................................................
ปล. หนังสือเล่มนี้มีอยู่ที่ห้องสมุดสัญญาธรรมศักดิ์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มีเลขหนังสือ JX 4270 ท92 ว6 หากท่านใดสนใจในก็ลองแวะเข้าไปอ่านได้ที่ห้องสมุดนะคะ