การที่ครูผู้สอนสามารถฝึกฝนทักษะให้ผู้เรียนคิดเชิงวิเคราะห์และคิดเชิงสังเคราะห์ได้นั้น เท่ากับผู้สอนสามารถปฏิบัติหน้าที่การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตรงตามที่รัฐวางไว้ ซึ่งในกลุ่มสาระวิทยาศาสตร์ ( 2549 ) ได้ระบุไว้ในเป้าหมายสำคัญของการจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ว่า ได้ดำเนินการพัฒนากระบวนการเรียนรู้มาโดยลำดับดังนี้
ระยะที่ 1 เป็นการใช้กระบวนการสืบเสาะหาข้อมูลความรู้ แต่กำหนดแนวในการทำกิจกรรมค่อนข้างมาก ผู้เรียนได้มีโอกาสฝึกคิดตาม ลงมือปฏิบัติ ออกแบบ บันทึกข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูลเอง
ระยะที่ 2 ได้เริ่มพัฒนากระบวนการเรียนรู้ โดยกำหนดปัญหาปลายเปิด ให้ผู้เรียนคิดวางแผน ออกแบบการทดลอง และลงมือปฏิบัติ ศึกษาค้นคว้า ตรวจสอบความคิดด้วยตนเองมากขึ้น
ระยะสุดท้ายของการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ คือ กิจกรรมโครงงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ผู้เรียนเป็นผู้ระบุปัญหา คือ คำถามตามความสนใจของตนเองหรือกลุ่ม วางแผนหาวิธีการที่จะแก้ปัญหาด้วยการสร้างทางเลือกหลากหลาย โดยใช้ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่เรียนรู้มา มีการตัดสินใจเลือกทางเลือกที่เหมาะสมในการแก้ปัญหา ลงมือปฏิบัติ และประเมินผลการแก้ปัญหา สรุปเป็นความรู้ใหม่ (ขณะนี้เราอยู่ในระยะสุดท้าย)
และแนวคิดนี้ กระทรวงศึกษาธิการก็ได้ระบุไว้ชัดเจนใน สาระที่ 8 ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาตรฐาน ว 8.1 อีกทั้งได้กำชับไว้ในการจัดสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ กลุ่มวิทยาศาสตร์ อีกว่า
“สถานศึกษาจะต้องจัดสาระการเรียนรู้รายปี รายภาคให้เป็นไปตามกรอบมาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ มาตรฐานการเรียนรู้ตามสาระที่ 8 ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นมาตรฐานด้านทักษะและกระบวนการเรียนรู้ สถานศึกษาต้องนำมาตรฐานดังกล่าวไปจัดในการเรียนการสอนทุกสาระทุกช่วงชั้น และใช้เป็นกรอบมาตรฐานสำหรับกิจกรรมโครงงานวิทยาศาสตร์ ซึ่งต้องจัดให้ผู้เรียนทำโครงงานทุกช่วงชั้น ทั้งนี้ได้กำหนดกิจกรรมโครงงานไว้ในคุณภาพของผู้เรียนในทุกช่วงชั้น”
เราจะเห็นว่า สาระที่ 8 มาตรฐาน ว 8.1 นั้นมีความจำเป็นต่อครูผู้สอน ทุกสาระวิชาที่จะต้องนำกิจกรรมโครงงานมาสอนเพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนทุกคน และในมาตรฐานช่วงชั้นแต่ละช่วงชั้นนั้นระบุภาพของคุณภาพผู้เรียนไว้ชัดเจนที่มีความยากง่ายเพิ่มขึ้นตามระดับช่วงชั้น ขอนำกล่าวโดยสรุปว่า
1. ผู้เรียนจะต้องตั้งคำถามเป็น
2. ผู้เรียนจะต้องวางแผนการทำงานเป็น
3. ผู้เรียนจะต้องทำงานตามแผนที่วางไว้
4. ผู้เรียนจะต้องนำผลการทำงานมาสรุปแล้วตั้งคำถามใหม่ เพื่อสร้างแผนการทำงานใหม่ได้
5. ผู้เรียนต้องประเมินผลงานของตนเป็น
6. ผู้เรียนต้องสามารถอธิบายผลการเรียนรู้ที่ตนเรียนรู้ได้มาต่อสาธารณชนได้
และเมื่อศึกษาภาพรวมแล้วจะเห็นว่า ผู้เรียนจะต้องมีความสามารถในการคิดเชิงวิเคราะห์และสังเคราะห์ จึงจะดำเนินกิจกรรมการเรียนรู้ได้ตามมาตรฐาน ว 8.1 และในการคิดเชิงวิเคราะห์นั้นภาพที่จะปรากฏขึ้นแก่ผู้เรียนคือ ผู้เรียนสามารถยุบรวมข้อมูลความรู้ที่เรียนรู้มาคิดสร้างหรือประดิษฐ์สิ่งต่าง ๆ ขึ้นมาใหม่ได้ เช่น ของเล่น ของใช้ ภาพวาดหรือการนำของที่ใช้แล้วมาปรับปรุงสภาพเพื่อทำประโยชน์ต่อไปได้
สามารถนำข้อมูลเรื่องราวที่แยกย่อย ( วิเคราะห์ ) ออกจากกันมายุบรวมเชื่อมโยงให้ร้อยรัดเป็นเรื่องราวเดียวกัน เป็นความเรียง บทความ บทรายงานผลการเรียนรู้ ตำราวิชาการ ซึ่งก่อให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ขึ้นมาได้
ความสามารถดังกล่าวข้างต้นนั้น ผู้เรียนจะต้องแสดงพฤติกรรมออกมาให้เห็นในรูปแบบที่สามารถวางโครงการ เขียนแผนปฏิบัติงานหรือสร้างภาพสื่อที่จะประดิษฐ์เรื่องราวที่จะนำเขียนให้ก่อเกิดเป็นองค์ความรู้ใหม่ สิ่งของเครื่องใช้ใหม่ ๆ
เมื่อนักเรียนจะต้องแสดงความสามารถให้เห็นในรูปแบบการเขียนโครงการ แผนงาน สร้างภาพ สื่อที่จะประดิษฐ์ หรือประดิษฐ์สิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาให้เห็นได้นั้น ผู้วัดประเมินผลก็ต้องกำหนดสถานการณ์ให้ผู้เรียนเขียนแผนปฏิบัติงาน ระบุขั้นตอน วิธีการดำเนินการวัสดุอุปกรณ์ งบประมาณรูปแบบของงานที่จะทำ หรือจัดทำเค้าโครงเรื่องที่จะเขียนแล้วปฏิบัติตามแผนให้ได้จริง ๆ
ทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้ จะเห็นได้ว่า ถ้าเด็กไทยของเรามีความสามารถคิดเชิงวิเคราะห์และคิดเชิงสังเคราะห์ได้ ความคิดสร้างสรรค์ของเด็กไทยเราจะมีมากยิ่งขึ้น นั่นคือ คุณครูควรที่จะเริ่มต้น เน้น ย้ำ นำสอนให้เด็ก ๆ ลูกศิษย์ของเราพัฒนาการคิดให้เข้าสู่ระดับคิดวิเคราะห์และคิดสังเคราะห์ที่ชำนาญได้
อ่านเป็นเล่มได้ที่นี่ https://docs.google.com/docume...
สวัสดีค่ะอาจารย์เหมาะสมกับวิชาคณิตศาสตร์เลยนะคะ สนใจรูปแบบการสอนทักษะการคิดเพื่อการดำรงชีวิตในสังคมไทย นำมาเสนอให้ได้ศึกษาหน่อยนะคะ สาระการงานอาชีพฯค่ะ